นาซ่าจับภาพ UFO ขนาดใหญ่ รูปทรงกระบอก ลอยอยู่เหนือ ชั้นเมฆ ลอยลำอยู่น่านฟ้า ยุโรป
ยังไม่มีใครออกมาระบุ แน่ชัดว่าสิ่ง นี้คืออะไร ลองใช้วิจารณญาณ ในการรับชมครับ
ชมคลิป UFO
อ้างอิง : http://www.youtube.com/watch?v=B5L30ADRZYY#t=33
________________________________
ภาพจำลองระบบดาวฤกษ์ เคปเลอร์-186 (จุดสว่างด้านซ้าย) และดาวเคราะห์เคปเลอร์-186เอฟ ทางด้านขวา (นาซา/เอเอฟพี)
นักวิทยาศาสตร์ค้นเจอ “ดาวเคราะห์คล้ายโลก” นอกระบบนับพันดวง แต่นาซาออกมายืนยันว่า นี่เป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบดาวเคราะห์ขนาดเท่าโลก และยังอยู่ในโซนที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ อยู่ห่างจากโลกออกไป 500 ปีแสง
ดาวเคราะห์ดังกล่าวมีชื่อว่า เคปเลอร์-186เอฟ (Kepler-186f) ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ดวงแรกที่นักดาราศาสตร์พบว่ามีขนาดเท่าโลก และยังอยู่เขตบริเวณที่สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ (habitable zone) ซึ่งหมายถึงบริเวณที่ห่างจากดาวฤกษ์ดวงแม่ในระยะที่น้ำจะอยู่ในรูปของเหลวบนพื้นผิวของดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดาวฤกษ์นั้นได้ ถึงแม้จะทราบขนาดของดาวเคราะห์ดวงนี้ แต่เราก็ยังไม่ทราบมวลและองค์ประกอบ อย่างไรก็ดี จากงานวิจัยก่อนหน้านั้นบ่งชี้ว่า ดาวเคราะห์ดวงนี้น่าจะเป็นดาวเคราะห์หิน
องค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐ (นาซา) เผยถึงเรื่องนี้ว่า นักดาราศาสตร์ได้ใช้ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ (Kepler Space Telescope) ค้นพบดาวเคราะห์ดังกล่าว ซึ่งก่อหน้ามีการค้นพบดาวเคราะห์ที่อยู่ในเขตบริเวณที่สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้บ้างแล้ว แต่มากถึง 40% ของดาวเคราะห์เหล่านั้นมีขนาดใหญ่กว่าโลกมาก และยังมีงานท้าทายในเรื่องการทำความเข้าใจองค์ประกอบของดาวเคราะห์เหล่านั้นอีก
พอล เฮิร์ตซ์ (Paul Hertz) ผู้อำนวยการแผนกดาราศาสตร์ฟิสิกส์ที่สำนักงานใหญ่ของนาซา กล่าวว่า การค้นพบดาวเคราะห์เคปเลอร์-186เอฟนั้นถือเป็นก้าวสำคัญของการค้นหาดาวเคราะห์ที่คล้ายกับโลกของเรา ซึ่งปฏิบัติการในอนาคตของนาซา อย่างการส่งดาวเทียมสำรวจดาวเคราะห์นอกระบบจากการผ่านหน้า (Transiting Exoplanet Survey Satellite) และกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เวบบ์ (James Webb Space Telescope) นั้นจะช่วยให้ค้นพบดาวเคราะห์หินที่อยู่ใกล้ที่เราที่สุด และประเมินองค์ประกอบและสภาพบรรยากาศของดาวเคราะห์ดังกล่าว เพื่อเดินหน้าเสาะหาดาวเคราะห์คล้ายโลกจนพบ
เอลิซา ควินทานา (Elisa Quintana) นักวิจัยจากสถาบันเซติ (SETI Institute) ที่ศูนย์วิจัยเอมส์ (Ames Research Center) ของนาซา ในมอฟเฟตต์ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ และเป็นหัวหน้าทีมในการเขียนรายงานวิจัยการค้นพบครั้งนี้ในวารสารไซน์ (Science) กล่าวว่า ตอนนี้เรารู้จักดาวเคราะห ์ดวงเดียวที่มีสิ่งมีชีวิตอาสัยอยู่ นั่นคือ โลก เมื่อเราค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกระบบสุริยะของเรา สิ่งที่เราพุ่งความสนใจคือการค้นหาดาวเคราะห์ที่มีคุณลักษณะคล้ายคลึงกับโลก
“การค้นพบดาวเคราะห์ในบริเวณเขตบริเวณที่สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้และมีขนาดเทียบเท่ากับโลกนั้น เป็นก้าวที่สำคัญ” ควินทานากล่าว
สำหรับเคปเลอร์-186เอฟ นั้นเป็นประชากรดาวเคราะห์ในระบบดาวฤกษ์เคปเลอร์-186 ซึ่งอยู่ห่างจากโลกออกไป 500 ปีแสง ในตำแหน่งกลุ่มดาวหงส์ (Cygnus) เมื่อมองจากพื้นโลก ระบบดาวฤกษ์ดังกล่าวยังประกอบด้วยดาวเคราะห์อีก 4 ดวง และเป็นดาวฤกษ์ที่มีขนาดและมวลเป็นครึ่งหนึ่งของดวงอาทิตย์เรา
ระบบดาวฤกษ์เคปเลอร์-186 นี้ถูกจัดให้เป็นดาวเคราะห์แดง (red dwarf) หรือดาวเคราะเอ็ม (M dwarf) ซึ่งเป็นประเภทของดาวฤกษ์ที่มีอยู่มากกว่า 70% ในกาแล็กซีทางช้างเผือกของเรา โดย ควินทานา ให้ความเห็นว่าว่า ดาวเคราะห์เอ็มนั้นเป็นดาวฤกษ์ที่มีอยู่นับไม่ถ้วน และสัญญาณแรกของสิ่งมีชีวิตจากโลกอื่นในกาแล็กซีของเราอาจจะมาจากระบบดาวฤกษ์ที่ว่านี้
เคปเลอร์-186เอฟใช้เวลาโคจรรอบดาวฤกษ์ดวงแม่ในแต่ละรอบนาน 130 วัน และได้รับพลังงานจากดาวฤกษ์ที่โคจรรอบคิดเป็น 1 ใน 3 ของพลังงานที่โลกได้รับจากดวงอาทิตย์ ทำให้ดาวเคราะห์ดวงนี้ยิ่งอยู่ใกล้ตำแหน่งขอบนอกของเขตบริเวณที่สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ หากเราไปยืนอยู่บนพื้นผิวของดาวเคราะห์ดวงนี้ เมื่อดาวฤกษ์อยู่ในตำแหน่งตอนเที่ยงวัน ความสว่างของดาวฤกษ์จะเทียบเท่าความสว่างของดาวอาทิตย์ที่ปรากฏก่อนลับขอบฟ้า 1 ชั่วโมง
ส่วน โธมัส บาร์เคลย์ (Thomas Barclay) นักวิทยาศาสตร์ประจำสถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมรอบอ่าวที่ศูนย์วิจัยเอมส์ ซึ่งรวมค้นพบดาวเคราะห์นี้ด้วย ให้ความเห็นว่า การที่ดาวเคราะห์อยู่ในเขตบริเวณที่สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ ไม่ได้หมายความว่าดาวเคราะห์ดวงนี้จะเป็นแหล่งอาศัยอยู่ได้ อุณหภูมิบนดาวเคราะห์นั้นขึ้นอยู่กับประเภทของบรรยากาศที่ดาวเคราะห์ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเคปเลอร์-186เอฟเป็นญาติห่างๆ ของโลก มากกว่าจะเป็นคู่แฝดของโลก แต่ก็มีคุณสมบัติหลายด้านที่คล้ายคลึงกับโลก
ส่วนดาวเคราะห์ในระบบอีก 4 ดวงที่เหลือ คือ เคปเลอร์-186บี, เคปเลอร์-186ซี , เคปเลอร์-186ดี และเคปเลอร์-186อี จะโคจรรอบดาวฤกษ์ทึ่อยู่ใจกลางระบบเป็นระยะเวลา 4 วัน, 7 วัน, 13 วัน และ 22 วันตามลำดับ ทำให้ดาวเคราะห์ในระบบที่เหลือเหล่านี้ร้อนเกินกว่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่แบบเรารู้จักอาศัยอยู่ได้ โดยดาวเคราะห์วงในทั้ง 4 ดวงนี้มีขนาดน้อยกว่าโลก 1.5 เท่า
ก้าวต่อไปในการค้นหาสิ่งมีชีวิตที่ดาวอื่นคือการค้นหาดาวคู่แฝดของโลกจริง คือเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดเท่าโลกและโคจรอยู่ในเขตบริเวณที่สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ รอบดาวฤกษ์ที่เหมือนดวงอาทิตย์ของเรา และวัดค่าองค์ประกอบทางเคมีของดาวเคราะห์นั้น
สำหรับกล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์นั้นเป็นกล้องโทรทรรศน์ที่วัดความสว่างของดาวฤกษ์มากกว่า 150,000 ดวง ได้อย่างต่อเนื่องพร้อมๆ กัน และเป็นปกิบัติการแรกของนาซาในการค้นหาดาวเคราะห์ขนาดเท่าโลกที่โคจรรอบดาวฤกษ์คล้ายดวงอาทิตย์ของเรา ส่วนศูนย์วิจัยเอมส์ก็มีส่วนในการพัฒนาระบบภาคพื้นสำหรับกล้องเคปเลอร์ รวมถึงควบคุมภารกิจ และวิเคราะห์ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
ขณะที่สถาบันเซติเป็นองค์กรเอกชนไม่แสวงผลกำไร ที่อุทิศตัวให้แก่งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การศึกษาและเผยแพร่ความรู้แก่สาธารณชน โดยภารกิจของเซติคือการสำรวจ ทำความเข้าใจ และอธิบายถึงกำเนิดของธรรมชาติและความดาษดื่นของสิ่งมีชีวิตในเอกภพ นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องการค้นพบครั้งนี้อีกหลายองค์กรที่ทำงานร่วมกับนาซาในการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกระบบสุริยะ
ที่มา : http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9570000043390
____________________
รถหุ่นยนต์คิวริออซิตีเจอเรืองแสงวาบบนดาวอังคาร นักค้นคว้ายูเอฟโอเชื่อเป็นหลักฐานยืนยันดาวเคราะห์สีแดงมีมนุษย์ต่างดาว
ภาพถ่ายล่าสุดจากรถหุ่นยนต์คิวริออซิตี เผยให้เห็นจุดสว่างในบริเวณที่เรียกว่า คิมเบอร์ลี เรียกความสนใจจากนักค้นคว้าเกี่ยวกับยูเอฟโอ
ภูมิประเทศที่ชื่อ คิมเบอร์ลี บนพื้นผิวดาวอังคาร ตั้งชื่อตามพื้นที่แห่งหนึ่งทางภาคตะวันตกของออสเตรเลีย ซึ่งมีชั้นหิน 4 ชิ้นคาบเกี่ยวทับซ้อนกัน นับเป็นจุดน่าสนใจในทางวิทยาศาสตร์
เมลิสซา ไรซ์ แห่งสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย จะใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ขุดเจาะและวิเคราะห์ตัวอย่างหินในบริเวณนั้น
สก็อต วอร์นเนอร์ UFO บล็อกเกอร์ได้ให้ความเห็นว่า แสงที่เห็นอาจบ่งบอกถึงการมีชีวิตที่ชาญฉลาดด้านล่างพื้นดิน แต่เชื่อว่านาซ่าจะคงปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่ต่างจากการค้นพบในหลายครั้งที่ผ่านมา
แต่สื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่ดูคล้ายจุดสว่าง อาจเกิดจากความผิดเพี้ยนในการบันทึกภาพก็เป็นได้
อย่างไรก็ตามครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ นาซ่าถ่ายภาพแปลกๆ บนดาวอังคารได้ ก่อนหน้านี้ นาซ่าเคยถ่ายภาพ "Face on Mars" หรือใบหน้าบนดาวอังคารได้ แต่สุดท้ายแล้วก็พบว่าเป็นเพียงภูเขาเตี้ยๆเท่านั้น
ที่มา :
www.dailymail.co.uk/
news.voicetv.co.th/global/102453.html
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายไซมอน เบนเน็ตต์ เจ้าของไร่ออร์แกนิกที่ชื่อ “ริเวอร์ไซด์ ออแกนิก” เมืองเชสเชียร์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ประสบความสำเร็จในการผสมพันธุ์แกะ 6 ขา จำนวน 2 ตัว
ทั้งนี้แกะ6 ขา ทั้ง 2 ตัวมีชื่อว่า “คัพเค้ก” และ “สปริงเคิลส์” มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดีและได้ใบรับรองด้านสุขภาพ โดยขณะนี้กำลังรอตรวจความบริสุทธิ์ของสายพันธุ์ ที่อาจนำไปสู่การขยายพันธุ์พวกมันต่อไป
นายเบนเน็ตต์เขาและทีมงานซึ่งเป็นเพียงชาวไร่ชาวสวนธรรมดาช่วยกันผสมพันธุ์แกะ 2 ตัวนี้ขึ้นมาพวกมันไม่มีการตัดต่อพันธุกรรมใดๆ เนื้อของมันจะมีมันน้อยลง และคาดว่าจะหวานฉ่ำกว่าแกะทั่วไป
ขณะที่สมาคมปศุสัตว์อังกฤษก็ออกมากล่าวว่าได้ร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์และสัตวแพทย์ในการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะขยายพันธุ์แกะ 6 ขานี้ เพราะพวกมันมีความแข็งแรงพอที่จะขยายพันธุ์ได้ ซึ่งอาจทำให้ราคาเนื้อแกะในอังกฤษถูกลง
ที่มา : MThai News
____________________