วานนี้ (พุธ) องค์การการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ หรือนาซา เปิดเผยภาพถ่ายล่าสุดจากยานสำรวจ "ดอว์น" ที่กำลังสำรวจพื้นผิวดาวเซเรส ดาวเคราะห์แคระที่โคจรอยู่ระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสสบดี พบว่ามีสิ่งที่ดูคล้ายกับ ภูเขาพีระมิด บนดาวดวงนี้
โดยภาพถ่ายเหล่านี้ ยานสำรวจดอว์นบันทึกภาพไว้เมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา จากระยะห่างประมาณ 4,320 กิโลเมตร สำหรับภูเขานี้เป็นลักษณะพื้นผิวที่มีความลาดชันสูงขึ้นไป คล้ายกับพีระมิด มีความสูงจากพื้นผิวประมาณ 5 กิโลเมตรและมีแสงสว่างปริศนาออกมาจากตรงกลาง เช่นเดียวกับแสงสว่างจากพื้นผิวตรงจุดอื่นๆ ที่ยานสำรวจดอว์น เคยบันทึกภาพไว้ได้ครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
บรรดาผู้ติดตามความเคลื่อนไหวในแวดวงวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ต่างลงความเห็นว่า ภาพที่เห็นนี้คล้ายกับสิ่งปลูกสร้าง หรือพีระมิดของมนุษย์ต่างดาว หรือไม่ก็แสงสว่างนั้นอาจเป็นลำแสงของยานอวกาศที่ลงจอดอยู่บนดาวดวงนี้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นชุมชนเอเลี่ยน เพราะเมื่อลองเทียบดูแล้วมีความสว่างพอๆกับแสงของเมืองลาสเวกัส ในสหรัฐถ้าเรามองจากนอกโลกเลยทีเดียว
ขณะที่บางคนแย้งว่า นี่อาจจะเป็นลักษณะพื้นผิวที่ดูแปลกไป และเป็นปรากฎการณ์แปลกที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวของดาวเท่านั้น ด้านองค์การนาซ่าระบุว่า กำลังเร่งไขปริศนาจากภาพถ่ายที่ยานสำรวจดอว์นกำลังจะส่งมาเพิ่มเติม ก่อนที่เชื้อเพลิงของยานลำนี้จะหมดลงในเร็วๆนี้
ที่มา : http://www.thairath.co.th/clip/20853
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
ทอม วากก์ กำลังทำงานหาประสบการณ์ที่มหาวิทยาลัยคีล โดยได้ค้นพบว่ามีดาวเคราะห์ดวงหนึ่งทำให้แสงของดาวแม่ลดลงไปเมื่อดาวเคราะห์ดวงนี้โคจรผ่านหน้าดาวแม่
"ผมตื่นเต้นมากที่ได้ค้นพบดาวเคราะห์ดวงใหม่ และผมก็ประทับใจที่ผมสามารถหามันเจอทั้งที่มันไกลออกไป" ทอม ที่ปัจจุบันอายุ 17 ปีเผย โดยได้ใช้เวลาสองปีสำรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ค้นพบนั้นเป็นดาวเคราะห์จริงๆ
ทอมค้นพบดาวเคราะห์โดยดูที่ข้อมูลที่รวบรวมมาจากโครงการค้นหาดาวเคราะห์มุมกว้าง (WASP) ที่มีการสำรวจท้องฟ้ายามค่ำคืนเพื่อติดตามดูดวงดาวหลายล้านดวงเพื่อหาร่องรอยของการเคลื่อนที่ผ่านหน้า (การทรานซิต) ที่เกิดจากดาวเคราะห์โคจรผ่านหน้าดาวฤกษ์ดวงแม่
ดาวเคราะห์ของทอมมีชื่อว่า WASP-142b เป็นดาวเคราะห์ลำดับที่ 142 ที่ถูกค้นพบในโครงการ WASP อยู่ทางกลุ่มดาวไฮดราทางซีกฟ้าใต้ ปัจจุบันนักดาราศาสตร์ทั่วโลกค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะกว่า 1,000 ดวงแล้ว แต่ทอมน่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ค้นพบดาวเคราะห์
"ซอฟต์แวร์ของ WASP น่าประทับใจมาก ทำให้ผมสามารถค้นหาดาวเคราะห์จากดาวแม่หลายร้อยดวงได้ หาเพียงแค่ไม่กี่ดวงที่มีดาวเคราะห์" ทอมเผย
ดาวเคราะห์ดวงที่พบนั้นมีขนาดเท่ากับดาวพฤหัส แต่โคจรรอบดาวแม่โดยใช้เวลาเพียงสองวัน ด้วยระยะที่สั้นเท่านี้จึงทำให้เกิดการทรานซิตบ่อย ทำให้ดาวเคราะห์ดวงนี้พบได้ง่าย
แม้ดาวเคราะห์ดวงนี้จะอยู่ไกลออกไปจนไม่สามารถเห็นได้โดยตรง ศิลปินก็ได้จินตนาการว่าหน้าตาของดวงดาวจะเป็นอย่างไรและได้วาดภาพออกมา ท้องฟ้าของดาวเคราะห์มีดาวแม่ที่ร้อนและแผ่รังสีไปสู่ดาว ในขณะที่อีกด้านหนึ่งของดาวมีความหนาวกว่ามาก
ทอม เป็นนักเรียนที่โรงเรียน Newcastle-under-Lyme มีความสนใจในด้านวิทยาศาสตร์ จึงได้หาประสบการณ์ทำงานหลังเลิกเรียนที่มหาวิทยาลัยคีลหลังทราบว่าที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีโครงการสำรวจดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ
"ทอมพยายามจะเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และการสอนเขาให้ค้นหาดาวเคราะห์ก็เป็นเรื่องง่าย" ศาสตราจารย์โคล เฮลลิเออร์ หัวหน้าโครงการ WASP ที่คีลเผย โดยทอมนั้นมีต้องการจะเข้ามาศึกษาฟิสิกส์ต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้
ดาวเคราะห์ดวงนี้จัดเป็น"ดาวพฤหัสร้อน"ชนิดหนึ่ง กล่าวคือ ไม่เหมือนกับดาวเคราะห์ในระบบสุริยะของเรา เพราะมีวงโคจรที่ใกล้ดาวแม่มาก คาดว่าดาวเคราะห์ดวงอื่นๆของดาวแม่นี้ผลักให้เข้ามาในวงโคจรข้างใน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่า ดาวเคราะห์ของทอมนี้ไม่ได้เป็นดวงเดียวที่โคจรรอบดาวแม่ดวงนี้
ดาวเคราะห์ดวงนี้ยังไม่ได้รับการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ แต่สหพันธ์ดาราศาสตร์สากลได้เริ่มประกวดชื่อแล้ว ทอมก็กำลังตั้งชื่อดาวของเขาเองด้วยเช่นกัน
ที่มา : http://www.vcharkarn.com/vnews/502438
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
เป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ในวงการดาราศาสตร์ เมื่อยานสำรวจพบแก้วบนดาวอังคาร นักดาราศาสตร์เชื่อ เป็นอีกหนทางในการหาสิ่งมีชีวิต
วันนี้ (11 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยานอวกาศ "มาร์ส รีคอนเนสเซนซ์ ออร์บิเตอร์" (MRO) ขององค์การนาซาที่ส่งขึ้นไปสำรวจบนดาวอังคาร ได้ค้นพบวันสดุที่เป็นแก้ว ปนอยู่กับเถ้าถ่านภูเขาไฟบนพื้นผิวดาวอังคาร ซึ่งนับเป็นการค้นพบครั้งสำคัญในวงการดาราศาสตร์ และอาจทำให้เราเข้าใจความเป็นมาของดาวอังคารมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยบราวน์ มลรัฐโรดไอแลนด์ เผยว่า ก่อนหน้านี้ การสำรวจและศึกษาดาวอังคารจะมุ่งไปที่การค้นหาร่องรอยของแหล่งน้ำจากตะกอนในชั้นหิน ที่เชื่อกันว่าอาจมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าเคยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่บนดาวอังคารจริงหรือไม่ แต่เมื่อได้พบวัสดุแก้วดังกล่าว ทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า อาจเป็นเส้นทางใหม่ในการค้นหาสิ่งมีชีวิตก็เป็นได้
นอกจากนี้ นายบิลล์ นาย ประธานบริหารองค์การด้านวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ในสหรัฐฯ ที่มีชื่อว่า "เดอะ แพลเนแทรี โซไซตี" ยังได้ให้ความเห็นว่า หากสามารถนำวัสดุแก้วกลับมายังโลกเพื่อตรวจสอบได้ จะเป็นผลดีอย่างยิ่งต่อวงการวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์
ที่มา : http://disaster.tnews.co.th/content/147007/
____________________