เรื่องลึกลับจากทั่วโลก All mystery world

อัญมณี จากฟากฟ้า คุณจะเชื่อหรือเปล่าว่าสิ่งที่เห็นอยู่ในช้อนนี้มันล่วงมาจากฟากฟ้า

สิ่งที่เห็นในภาพจั่วหัวนี้ค้นพบที่สวนในบ้านของ นาย Steve Hornsby วัย 61 วิศวกรอากาศยาน
พักอยู่ที่ Bournemouth เมือง Dorset ประเทศอังกฤษ

เขากล่าวว่าอยู่ๆท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปมีลักษณะประหลาดสีเหลืองคล้ำ และเกิดพายุลูกเห็บเป็นระยะเวลาสั้นประมาณ 20 วินาที จนเข้าต้องวิ่งหลบหาที่กำบัง

ฉันเห็นลูกเห็บตก เมื่อทุกอย่างสงบฉันดูที่สนามก็พบเหมือนเศษแก้วแตกตกอยู่
ตอนแรกคิดว่าคงเป็นผลงานของเด็กๆ แต่เมื่อฉันเดินไปเหยียบเศษแก้วเหล่านั้นฉันกับพบว่ามันแหลกสลายหายไป


ฉันคิดว่ามันชักจะแปลกๆและพวกมันไม่ใช่เศษแก้วแน่ และเมื่อมองไปรอบก็พบพวกมันมากมายบนสนาม แน่นอนก่อนหน้าพายุในสนามไม่มีวัตถุประหลาดพวกนี้แน่นอน

วัตถุประหลาดนี้มีลักษณะเป็นวุ้นนิ่มๆ จนแทบจะหยิบขึ้นมาไม่ได้  และพวกมันก็แตกเสียหายเป็นส่วนใหญ่ โดยมีพวกที่มีสภาพสมบูรณ์ จะมีลัษณะเหมือนไข่ มีสีฟ้าใสเหมือนอัญมณี
ไม่มีกลิ่น ไม่ละลายน้ำ และไม่ลอยน้ำ


ที่สมบูรณ์มีจำนวน 20 ก้อนที่เขาได้เก็บมันไว้ในขวดโหลเพื่อจะได้นำไปพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์
โดยส่วนตัวผมคิดว่าพวกมันเป็น สารเคมีบางอย่างที่เป็นมลภาวะในชั้นบรรยากาศ ที่กลั่นตัวเป็นของแข็งแล้วตกลงมาเมื่อเกิดพายุลูกเห็บ

Josie Pegg ผู้ช่วยนักวิจัยวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัย Bournemouth คาดว่ามันน่าจะเป็นไข่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในทะเลที่นกคาบมาแล้วนกเกิดพลัดเข้าไปในพายุแล้ว ไข่หลุดล่วงมา

ส่วน Gavin Pretor-Pinney จากสมาคมเมฆ the Cloud Appreciation Society คาดว่ามันคงเป็นอะไรซักอย่างที่บังเอิญเกิดมีพายุงวงช้าง(water-spout)ดูดมันขึ้นมาจากพื้นลอยมาเมื่อพายุอ่อนแรงพวกมันก็ล่วงลงมา







ที่มา : http://wowboom.blogspot.com/
____________________
เครดิต :
________________________________

ลูกไฟปริศนา ภาพบันทึกหอดูดาว Ladd  จากรัฐโรดไอแลนด์ สหรัฐ

หลังจากเหตุการณ์ UFO ถูกฟ้าผ่า ตกที่ รอสเวลล์ เมื่อ ปี 1947
เหตุการณ์ครั้งนี้เอง เกิดศัพท์ U F O  ซึ่งย่อมาจาก  Unidentified Flying Object
แปลว่า "ยานนยินลึกลับหาที่ไปที่มาไม่ได้ "

สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ หรือนาซ่า ได้ออกแถลงการณ์เตือนให้ชาวโลก เตรียมรับมือกับพายุสุริยะที่คาดว่าจะใหญ่ที่สุดในรอบ 7 ปีในสัปดาห์นี้ หลังจากพื้นผิวของดวงอาทิตย์เกิดแรงระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา

โดยพายุดังกล่าวจะส่งคลื่นพายุแม่เหล็กไฟฟ้ามาสู่โลกด้วยความเร็ว 1,400 ไมล์ต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลทำให้กระทบต่อระบบจีพีเอส สื่อสารการบิน ระบบวิทยุ ระบบดาวเทียม และระบบการสื่อสารอื่นๆ บนโลก

อีกทั้งยังจะส่งผลให้เกิดปรากฎการณ์แสงเหนือขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้ในบริเวณต่ำกว่าเส้นศูนย์สูตร ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่มีให้เห็นได้ไม่บ่อยนักด้วย

โดยเฉพาะมีผู้พบเห็นแสงเหนือที่มีรูปร่างคล้ายกับ "นกฟีนิกซ์" กำลังโบยบิน ที่ประเทศนอร์เวย์
แต่ยังไม่มีรายงานว่าเกิดความเสียหายแก่ดาวเทียม ระบบนำร่องจีพีเอส รวมถึงระบบการสื่อสารโทรคมนาคมบนโลกของเราแล้วหรือไม่...





ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญของสำนักงานบริหารอวกาศ และ องค์การนาซ่า ระบุว่า การเคลื่อนตัวของพายุสุริยะมายังโลกในลักษณะเช่นนี้ จะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ จนถึงปี ค.ศ. 2013.









ที่มา : 
http://news.mthai.com/general-news/150983.html

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ว่า นายลีโอนิด คาซานโฟมาลิติ นักวิทยาศาสตร์แห่งสถาบันวิจยอวกาศของรัสเซีย อ้างว่า จากการสำรวจดาวศุกร์โดยยานอวกาศรัสเซีย หรือ"ยานวีนัส 13"เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา พบว่า ดาวดวงนี้น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ โดยยานดังกล่าวได้บันทึกภาพบนดาวศุกร์ และจากการวิเคราะห์ภาพพบว่า ปรากฎสิ่งมีชีวิตคล้ายแมงป่อง รวมทั้งแผ่นจาน สิ่งขยับได้สีดำ กำลังเคลื่อนไหวขณะกล้องกำลังบันทึกภาพดังกล่าว

ชายชาวอังกฤษสามารถถ่ายภาพยูเอฟโอได้ เหนือน่านฟ้ามณฑลเดวอน ตอนใต้ของอังกฤษ...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 23 ม.ค. ว่า แกรี แม็คเดอร์มอตต์ ชายชาวอังกฤษ อ้างว่า เขาสามารถถ่ายภาพ วัตถุบินไม่สามารถระบุเอกลักษณ์ หรือยูเอฟโอ ได้ที่นครพลิมัธ มณฑลเดวอน ขณะที่เขากำลังถ่ายภาพเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังบินในระดับต่ำ บนสะพานรอยัล อัลเบิร์ต

ในเว็บไซต์ยูทูปมีคนนำคลิปวิดีโอของนักท่องเที่ยวจีน ที่ถ่ายติดภาพวิญญาณของเจ้าหญิงไดอาน่า ปรากฎบนซุ้มหน้าต่างกระจกสี ในโบสถ์คริสต์แห่งหนึ่ง เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์

วันนี้ขอนำเสนอภาพ สวยๆบนท้องฟ้าในยามค่ำคืน

แสงออโรรา หรือ แสงเหนือแสงใต้ที่พุงขึ้นจากขอบฟ้าในเวลากลางคืน


แสงเหนือ....แสงที่ปรากฏให้เห็นตามธรรมชาติ ที่ทำให้คนทั่วไปเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
และหวาดกลัวนานเป็นศตวรรษ มันไม่เป็นแบบเดิมจนกระทั่งเราสามารถวัดอนุภาคและอะตอมได้อย่างแน่นอน โดยผ่านทางดาวเทียมเราสามารถรู้ได้ว่าความจริงที่มันเป็น

ผลผลิตพลังงานของดวงอาทิตย์อยู่ไกลจากเวลาเย็นและขึ้นลงเป็นรอบระยะเวลา 11 ปี