นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นประธานเปิดโครงการ “ค้นหาคนไทยคนแรกไปอวกาศ” ซึ่งเป็นโครงการของกลุ่มบริษัทยูนิลิเวอร์ประเทศไทย โดยจะจัดขึ้นระหว่างเดือน พฤษภาคม – ธันวาคม 2556
โครงการนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรม AXE Apollo Space Academe ที่จัดขึ้นทั่วโลก โดยจะมีการคัดเลือกคนไทย 3 คนไปเข้าค่ายอบรมด้านอวกาศที่รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิตในห้วงอวกาศ การปรับสภาพร่างกายก่อนที่จะคัดเพียง 22 คนเท่านั้นที่จะได้ไปทัวร์นอกโลก
เกณฑ์การคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการนี้
1.สมัครเป็นสมาชิกสถาบัน แอ๊กซ์ อพอลโล สเปซ อคาเดมี ที่ www.AXEApoolo.com โดยบอกเหตุผลว่าเพราะเหตุใด คุณถึงเหมาะสมที่สุดที่จะได้รับคัดเลือกไปอวกาศ และผู้สมัครที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด 100 คน จะผ่านเข้าสู่รอบที่ 2 เพื่อทำวีดีโอคลิปโดยที่จะต้องทำชุดอวกาศขึ้นมาเอง และออกไปโชว์ความเป็นฮีโร่ ในรอบนี้จะตัดสินจากยอดวิวและคะแนนจากการตัดสินของคณะกรรมการเพื่อหาผู้โชคดีเข้ามาเป็น 1 ใน 3 ผู้โชคดี
2.สมัครเข้าร่วมรายการแฟนพันธุ์แท้ ตอน แฟนอพอลโล่ ซึ่งผู้ชนะในรายการจะก้าวมาเป็น 1 ใน 3 ผู้โชคดี
3.จากการจับฉลากผู้โชคดี จากการส่งชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์แอ๊กซ์แบบสเปรย์ ก็มีสิทธิ์เป็นผู้โชคดี 1 ใน 3
ที่มา : Mthai News
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
วันที่ 28 เม.ย. ชาวบ้านใน ต.แม่นะ อ.เชียงดาว เชียงใหม่ พากันไปดูจิ้งจก 2 หัว ที่บ้านนางสร้อย และนายวัตสันต์ บุญมา อายุ 36 ปี สองสามีภรรยา เจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ในหมู่บ้านแม่อ้อนอก ต.แม่นะ พบจิ้งจก 2 หัวตัวเล็กถูกดูแลอย่างดี เลี้ยงไว้ในแก้วน้ำ นายวัตสันต์กล่าวว่า จู่ๆ จิ้งจกตัวนี้ก็หล่นลงมาหน้าบ้าน จึงเก็บไว้บูชา เพราะเชื่อว่าจะให้โชคให้ลาภ ไม่คิดที่จะขายใครจะเก็บไว้เป็นสิริมงคลให้กับคนในบ้าน
ที่มา : http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXlOVEk1TURRMU5nPT0=
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
โดยนายชารลส์กล่าวว่า เขาสามารถจับภาพ "ปรากฎการณ์หายาก" ในคืนหนึ่งบนชายหาด "ลินด้า มาร์"ในเมืองแพ็คฟิค้า ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แสงเรืองดังกล่าวไม่เป็นอันตราย ทว่าเป็นอุปสรรคต่อการว่ายน้ำของผู้คน รวมทั้งนักเล่นกระดานโต้คลื่น ซึ่งต้องหายใจใกล้กับพื้นผิวน้ำที่ีปรากฎเป็นสีน้ำเงินเข้มดังกล่าว และการบันทึกภาพนี้ทำให้เขาต้องใช้เวลานานมากกว่าการบันทึกภาพทั่ว ๆ ไป และว่า ปรากฎการณ์นี้เกิดจากคลื่นเรืองแสงน้ำเงิน จากการที่สาหร่ายทะเลที่ถูกรบกวน ทำให้เกิดการปลดปล่อยแสงน้ำเงินสดใสออกมา
ที่มา : http://news.sanook.com/
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
อย่างไรก็ตาม ด้วยโครงสร้างที่มีขนาดเล็ก และแปลกประหลาด ทำให้หลายคนยังอดตั้งข้อสงสัยไม่ได้ว่า แท้จริงแล้วเป็นซากของมนุษย์จริงหรือไม่
ที่มา : http://news.mthai.com/world-news/232632.html
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
ที่มา : http://news.mthai.com/world-news/232239.html
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
หากใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง The Prestige ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการห้ำหั่นกันของนักมายากลสองคนเพื่อชิงความเป็นหนึ่ง โดยรู้ไหมว่าในภาพยนตร์เรื่องนี้มีตัวละครที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ด้วยนั่นก็คือ "นิโคลา เทสลา" ชายที่เป็นผู้ที่สร้างเครื่อง "ย้ายร่าง" ให้กับโรเบิร์ต แองเจียร์ ที่นำแสดงโดย ฮิวจ์ แจ็คแมน นั่นเอง และวันนี้หากใครเปิดเข้าเว็บเสิร์จเอ็นจิ้นท์ยอดฮิตอย่าง google จะเห็นว่า โลโก้วันนี้ถูกทำขึ้นเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันเกิดของนักประดิษฐ์ผู้นี้...
ในโลกแห่งความเป็นจริง นิโคลา เทสลา คือนักประดิษฐ์ชาวโครเอเชียผู้คิดค้นระบบไฟฟ้ากระแสสลับ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเขาเป็นบิดาของอุปกรณ์ไฟฟ้าและการสื่อสารไร้สายก็ว่าได้ เพราะเขาเป็นผู้ประดิษฐ์ขดลวดเทสลา หรือ Tesla coil และยังค้นพบวิธีการเปลี่ยนสนามแม่เหล็กเป็นสนามไฟฟ้า จึงเป็นที่มาของหน่วยวัดสนามแม่เหล็กเทสลา อีกทั้งยังเป็นผู้ค้นพบวิธีการสื่อสารแบบไร้สายอีกด้วย แต่เรื่องที่คนส่วนใหญ่พูดถึงเขานั้นจะเกี่ยวกับความเพี้ยนของเขามากกว่า
นิโคลา เทสลา นั้นเกิดในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชื่อ สมิลจาน ในประเทศโครเอเชีย ในเวลาเที่ยงคืนของระหว่างวันที่ 9 กับวันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 1856 ซึ่งการที่เขาตกฟากตอนเที่ยงคืนตรง ดูเหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่น่าพิศวงของนักประดิษฐ์คนนี้ ทางด้าน มิลูติน พ่อของเขาหวังจะให้เขาเป็นนักบวชเหมือนกับตนเอง แต่ นิโคลา กลับเหมือนดจูกาแม่ของเขา ที่ชอบประดิษฐ์เครื่องทุ่นแรงต่างๆ ไว้ใช้เองในบ้านมากกว่า โดยเขาได้ฉายแววของการเป็นนักประดิษฐ์ตั้งแต่เด็ก สิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกของเขาคือเครื่องมือจับกบที่ทำมาจากเชือกกับตะขอ และใช้ได้ผลดีมากถึงขนาดที่ว่าแทบจะไม่มีกบเหลืออยู่ในหมู่บ้านของเขาเลย
นอกจากนี้เขายังได้สร้างระหัดวิดน้ำชนิดไม่มีใบพัด ซึ่งเจ้าสิ่งนี้เองที่เป็นแรงจูงใจให้เขาสร้างเครื่องกังหันน้ำที่ไม่มีใบพัดในเวลาต่อมา นอกจากนี้เขายังได้สร้างสิ่งประดิษฐ์ที่ใช้พลังงานจากแมลงจูน (June Bugs) ที่เขาได้จับเอาแมลงจูนแบบเป็นๆ ถึง 16 ตัว มาติดกาวลงบนใบพัดกังหันอันเล็กๆ โดยเมื่อแมลงจูนกระพือปีก นั่นก็คือกลไกที่ทำให้กังหันนั้นหมุนได้นั่นเอง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เด็กคนหนึ่งมากินแมลงจูนจากสิ่งประดิษฐ์ของเขา นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เขาไม่แตะต้องแมลงใดๆ อีกเลย
นอกจากเขาจะเกิดมาพร้อมสมองอันชาญฉลาดแล้ว เขายังมีพลังจิตอีกด้วย โดยตั้งแต่เด็กเขามักจะเห็นแสงไฟแวบเข้าตาตามด้วยภาพหลอน และหลายครั้งที่เพียงแค่เขาได้ยินชื่อของสิ่งของ เขาก็จะเกิดภาพรายละเอียดของสิ่งของชิ้นนั้นๆ ขึ้นในใจ และนั่นคือสิ่งที่สร้างความรำคาญใจให้เขาเป็นอย่างมาก
ครั้งหนึ่งเขาเคยล้มป่วยเป็นโรคประหลาดที่หาสาเหตุไม่ได้ โรคนั้นทำให้ประสาทรับรู้ต่างๆ ของเขาไวต่อสิ่งเร้ามากกว่าปกติ แค่เพียงได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาเดินก็ทำให้เขาทรมานเป็นอย่างมาก จนเขาต้องนำแผ่นยางมาวางรองไว้ที่ขาเตียงเพื่อลดแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆ อีกทั้งการอยู่ในสถานที่ที่มีแสงจ้า นอกจากจะทำให้เขาปวดตาแล้ว มันยังแผดเผาผิวหนังของเขาจนเป็นแผลพุุพองอีกด้วย แต่หลังจากที่อาการประหลาดของเขาทุเลาลง เขาก็ได้รู้แจ้งถึงกรรมวิธีสร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับอันโด่งดัง
ทว่าด้วยอาการประหลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขา ทำให้เขากลัวการสัมผัสทางร่างกายกับบุคคลอื่น เขาจึงปฏิเสธความสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม และการแตะเนื้อต้องตัวหรือการจับมือกับใคร ได้แต่โกหกว่ามือของเขาได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุในห้องทดลอง อีกทั้งเขายังมีพฤติกรรมแปลกๆ อย่างการทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวันซ้ำกันหลายๆ ครั้ง จนกว่าจะได้จำนวนที่หารด้วย 3 ลงตัว ถ้าไม่อย่างนั้นเขาก็จะทำใหม่จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ซึ่งจำนวนครั้งที่เขาชอบเป็นพิเศษ คือ 27 เพราะมันเท่ากับเอา 3 มายกกำลัง 3 นอกจากนั้นเขายังกำหนดปริมาณอาหารที่เขากินในแต่ละมื้อ ด้วยการนำไม้บรรทัดมาวัดดูว่าภาชนะที่ใช้บรรจุอาหารของเขานั้นมีความจุเท่าใด
แต่เมื่อนึกถึงนักประดิษฐ์ ผู้คนมักจะนึกถึง โทมัส เอดิสัน เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ นิโคลา เทสลา นั้นดูเหมือนว่าทั้งสองจะมีแนวคิดที่ต่างกันคนละขั้วเลยทีเดียว เทสลานั้นเป็นเจ้าของแนวความคิดเรื่องไฟฟ้ากระแสสลับ ที่สามารถให้พลังไฟฟ้าในขอบเขตที่กว้างกว่าไฟฟ้ากระแสตรง ที่เป็นแนวคิดของเอดิสัน โดยเอดิสันได้คิดค้นเก้าอี้ไฟฟ้าที่ใช้ในการประหารนักโทษขึ้นมา เพียงเพื่อแสดงให้เห็นอันตรายจากการใช้ไฟฟ้ากระแสสลับเท่านั้น ซึ่งว่ากันว่าอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เอดิสันนั้นไม่เข้าใจหลักการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับตามที่เทสลาอธิบาย นี่จึงเป็นการประกาศว่าเอดิสันไม่ยอมรับสิ่งประดิษฐ์ของเทสลานั่นเอง
ที่น่าเศร้าก็คือนักประดิษฐ์อย่างเขา กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยวที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองนิวยอร์ค ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ในขณะที่เขามีอายุได้ 86 ปี ซึ่งไม่สามารถระบุวันเวลาที่แน่นอนของการเสียชีวิตได้ แต่มีการคาดว่าน่าจะอยู่ระหว่างช่วงบ่ายของวันที่ 5 มกราคม ถึงช่วงเช้าของวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1943 โดยตลอดชีวิตของเขานั้นถูกคนในวงการวิทยาศาสตร์ดูถูกในความคิดของเขาที่ดูจะเพี้ยนๆ อีกทั้งประชาชนทั่วไปก็แทบจะไม่มีใครรู้จักชื่อของเขาเลยด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นในการ์ตูนยอดฮิตเรื่องซูเปอร์แมนยังนำชื่อของเขาและสิ่งประดิษฐ์ของเขามาแต่งเป็นเรื่องราว เกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์ชื่อ"เทสลา" ที่พยายามทำลายล้างโลกด้วยเครื่องยิงลำแสงมหาประลัย หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า Death Ray
หลังจากที่เขาเสียชีวิตลง เอฟบีไอได้สั่งการให้สำนักงานทรัพย์สินคนต่างชาติ หรือ The Office of Alien Property เข้ายึดทรัพย์สินทุกชิ้นของเขา ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายเนื่องจากเขาได้รับสัญชาติอเมริกันตั้งแต่ปี ค.ศ. 1891 แล้ว โดยว่ากันว่าจุดประสงค์ที่กระทำการเช่นนี้ก็เพื่อค้นหาข้อมูลสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ที่เขาได้เคยคิดค้นขึ้นมานั่นเอง
บั้นปลายชีวิตของเขาจึงแตกต่างจาก โทมัส เอดิสัน มาก ในขณะที่ เอดิสัน กลายเป็นบุคคลสำคัญของโลกที่ได้รับการเชิดชูว่าเป็นสุดยอดนักประดิษฐ์ แต่เขากลับเป็นเพียงนักวิทยาศาสตร์สติเพี้ยนในสายตาของคนทั่วไป เขาจึงได้ชื่อว่าเป็น "นักประดิษฐ์ที่โลกลืม"
เห็นแล้วมีทึ่ง! คลิป ขดลวด Tesla Coil ของ นิโคลา เทสลา
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/26340
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ หรือ นาซ่า ประกาศค้นพบดาวเคราะห์ 2 ดวงใหม่ที่ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับชีวิตบางรูปแบบจะเจริญเติบโต
วิลเลี่ยม โบรัคกี้ หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐฯเปิดเผยว่า นาซ่าค้นพบดาวสอง ที่ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุด ซึ่งดาวทั้งสองดวงนี้มีชื่อเรียกว่า ดาว Kepler-62-e และดาวKepler-62-f โดยดาวทั้งสองดวงโคจรรอบดาวดวงเดียวกัน คือ ดาวแคระสีส้มดวงหนึ่ง และอยู่ติดกัน โดยอยู่ใกล้กันกว่าที่โลกอยู่ใกล้กับดาวอังคาร
ดาวKepler-62-eและKepler-62-fมีความกว้างกว่าโลกเล็กน้อย ดาว Kepler-62-eมีอุณหภูมิร้อนกว่าเล็กน้อย เหมือนกับอุณหภูทิที่ฮาวาย ขณะที่ดาว Kepler-62-fจะมีอุณหภูมิเยือกเย็นกว่าเล็กน้อย เหมือนกับรัฐอะแลสก้า ของสหรัฐฯ โดยนักวิทยาศาสตร์ดาวทั้ง2 ที่ถูกค้นพบใหม่ เหมาะสำหรับชีวิตบางรูปแบบจะเจริญเติบโต
ที่มา : http://morning-news.bectero.com
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
“สิ่งที่เกิดขึ้นหมายถึงคาบสมุทรแอนตาร์กติกา (Antarctic Peninsula) ได้ร้อนขึ้นระดับที่แม้แต่การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเพียงเล็กน้อยก็นำไปสู่การละลายของน้ำแข็งในช่วงหน้าร้อนได้มโหฬาร” เนริลี อาบรัม (Nerilie Abram) ผู้ร่วมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (Australian National University) และองค์การสำรวจแอนตาร์กติกอังกฤษ (British Antarctic Survey) กล่าว
อีริค สไตจ์ (Eric Steig) ผู้ร่วมวิจัยและศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) สหรัฐฯ กล่าวว่า การละลายของน้ำแข็งในคาบสมุทรแอนตาร์กติก ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีป มีสาเหตุหลักๆ มาจากภาวะโลกร้อนโดยฝีมือมนุษย์ ซึ่งคาบสมุทรดังกล่าวเป็นหนึ่งในสถานที่ร้อนขึ้นเร็วที่สุดในโลก และการวิจัยอื่นๆ ก่อนหน้านี้เผยให้เห็นว่า ฤดูกาลละลายของน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกายาวนานผิดปกติ
เพื่อศึกษาภูมิอากาศในอดีตของแอนตาร์กติกาไลฟ์ไซน์ระบุว่า ทีมศึกษาได้เจาะลึกลงไปถึง 364 เมตรในแกนน้ำแข็งของเกาะเจมส์ รอสส์ (James Ross Island) ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ใกล้ปลายตะวันออกเฉียงเหนือของแอนตาร์กติกา โดยแกนน้ำแข็งได้ให้ร่องรอยของอุณหภูมิในอดีตของแอนตาร์กติกา และมีชั้นของของน้ำแข็งที่ละลายในหน้าร้อน และแข็งตัวขึ้นใหม่หลังจากนั้น ซึ่งมองเห็นได้จากแกนน้ำแข็งดังกล่าว ความหนาของของชั้นในแกนน้ำแข็งนี้เผยให้เห็นการละลายของน้ำแข็งในทวีปย้อนไปถึง 1,000 ปีที่ผ่านมา
อาบรัมกล่าวว่า ตอนนี้การละลายของน้ำแข็งในหน้าร้อยอยู่ในระดับสูงสุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในช่วง 1,000 ปีที่ผ่านมา และในขณะที่ช่วง 200-300 ปีแรกของสหัสวรรษ การละลายของน้ำแข็งก็เพิ่มสูงขึ้นมากครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 โดยการศึกษาของพวกเขาตีพิมพ์ลงวารสารเนเจอร์จีโอไซน์ (Nature Geoscience) ซึ่งบ่งชี้ว่า คาบสมุทรแอนตาร์กติกานั้นอาจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
ส่วนภาพจากแกนน้ำแข็งที่เจาะขึ้นมาจากแอนตาร์กติกาตะวันตกนั้นยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก โดยมีลักษณะของอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นมากในอดีตคล้ายๆ กัน แต่ภาพดังกล่าวยังซับซ้อนและยากที่จะหาถึงสาเหตุที่แท้จริงของอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าว ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าการละลายของน้ำแข็งที่ฝั่งตะวันตกนั้นเกิดจากสภาพอากาศเอลนีโญเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1990
ที่มา : http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000046934
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
เอเจนซี-- เมื่อเร็วๆนี้ แม่หมูของชาวบ้านในเมืองจิ่วเจียง มณฑลเจียงซี ตกลูกหมูประหลาด สองหัว
กลุ่มสื่อจีนรายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเช้าวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา แม่สุกรในบ้าน ที่เจ้าของบ้าน แซ่ โอวหยัง ตกลูกหมู 12 ตัว ลูกหมู 1 โหลในคอกนี้ มีตัวหนึ่งผิดประหลาดไปจากพี่ๆน้องๆ คือ มีสองหัว สามตา ลำตัวยาว 28 ซ.ม. น้ำหนักตัว ราว 1 กก.
แพทย์ในท้องถิ่น แซ่ หลู่ กล่าวว่า นับเป็นพัฒนาการที่ผิดปกติมาแต่กำเนิด ซึ่งพบเห็นน้อยมาก ในการตั้งท้อง 5 หมื่น ถึง หนึ่งแสนครั้ง จะปรากฏลูกหมูที่มีพัฒนาการผิดประหลาดเช่นนี้ 1 ครั้ง และโดยทั่วไป ลูกหมูประหลาดจะไม่มีชีวิตรอด
ภาพลูกหมูสองหัวในบ้านโอวหยัง เมืองจิ่วโจว มณฑลเจียงซี (ภาพ เอเจนซี)
ที่มา : http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000046213
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
บริษัทผู้ผลิตเบียร์ “โอลิมเปีย” ในมลรัฐวอชิงตัน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ในวันพฤหัสบดี(11)ด้วยการประกาศมอบเงินรางวัลมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เกือบ 30 ล้านบาท) สำหรับผู้ใดก็ตามที่สามารถจับ “ไอ้ตีนโต” หรือ “บิ๊กฟุต” สิ่งมีชีวิตลึกลับในตำนานมาได้แบบตัวเป็นๆ
รายงานข่าวจากสถานีโทรทัศน์เคซีพีคิว ทีวี ในเมืองซีแอตเติลระบุว่า บริษัทผู้ผลิตเบียร์ดังกล่าวซึ่งมีฐานอยู่ในเมืองทัมวอเทอร์ มลรัฐวอชิงตันของสหรัฐฯ และก่อตั้งกิจการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1896 ประกาศมอบเงินรางวัลจำนวน1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับผู้ที่สามารถจับตัวบิ๊กฟุต สิ่งมีชีวิตลึกลับมาได้ ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ตัวบิ๊กฟุตที่ถูกจับมาจะต้องยังมีชีวิต และไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆทั้งสิ้น
นอกจากนั้นในคำแถลงของบริษัทยังระบุห้ามผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ใช้อาวุธปืน มีด นวมชกมวย ตาข่าย หรือวัตถุอื่นๆที่อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บ ในการจับตัวบิ๊กฟุต พร้อมระบุ มีเพียง “น้ำตาล” หรือ “ของหวาน”เท่านั้นที่สามารถนำมาใช้ล่อสิ่งมีชีวิตลึกลับดังกล่าวได้
คำแถลงของบริษัทยังระบุว่า แคมเปญดังกล่าวของเบียร์โอลิมเปีย ถือเป็นความพยายามในการค้นหาบิ๊กฟุตที่มีความจริงจังมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสหรัฐฯ
ทั้งนี้ บิ๊กฟุตถูกระบุว่าเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายลิงขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่แถบป่าลึก บริเวณชายฝั่งด้านแปซิฟิกทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ โดยผู้ที่เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีตัวตนอยู่จริงได้อ้างว่าพวกมันอาจสูง 2-3 เมตร และอาจมีน่ำหนักตัวได้ถึง 230 กิโลกรัม แม้ที่ผ่านมาจะยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่า บิ๊กฟุตมีอยู่จริงก็ตาม
ที่มา : http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000044570
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
โผล่มาให้ถกอีกคลิปผ่านวิดีโอภาพขาวดำสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ปรากฏภาพเคลื่อนไหวของหญิงสาวนิรนามรายหนึ่งขณะกำลังพูดคุยผ่านโทรศัพท์มือถือ ชาวเน็ตเชื่อเป็นการย้อนเวลากลับไปสู่อดีตจากวิดีโอ "Time Traveler in 1938 film" ความยาว 1.05 นาที ที่ถูกนำออกมาเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ยูทูปได้สร้างประเด็นถกเถียงให้กับชาวออนไลน์เป็นอย่างมาก เพราะภายในวิดีโอดังกล่าวปรากฏเป็นภาพเคลื่อนไหวของหญิงสาวนิรนามรายหนึ่งขณะกำลังเดินอยู่กับกลุ่มเพื่อนของเธอและทำท่าทางคล้ายกับกำลังพูดคุยผ่านโทรศัพท์มือถือ หลังจากที่คลิปนี้ถูกนำออกมาเผยแพร่ได้มีคนออกมากล่าวอ้างว่าหญิงสาวในคลิป คือย่าทวดของเขาเองและกำลังคุยโทรศัพท์เพื่อติดต่อกับนักวิทยาศาสตร์ของโครงการทดลองอยู่จริงๆอย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังคงต้องได้รับการพิสูจน์ต่อไปว่าเท็จจริงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่ เพราะล่าสุดก็มีคนออกมาโพสต์โต้ตอบว่าเขารู้จักกับบุคคลที่ทำงานอยู่ช่วงในเวลาดังกล่าวเหมือนกันและจะขอตรวจสอบดูว่าชายที่ออกมาอ้างตัวว่าเป็นญาติกับหญิงสาวในคลิปพูดจริงหรือไม่
ที่มา : http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=801489
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
ฮือฮา ชาวสังคมออนไลน์แชร์ภาพผ่านทวิตเตอร์เป็นภาพบรรยากาศของงานวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและผู้คนที่มาเที่ยวงาน โดยภายในงานวัดดังกล่าว เหมือนกับงานวัดทั่วไปที่จะมีการนำสวนสนุกเคลื่อนที่มาตั้งให้ผู้มาเที่ยวงานได้เล่น
หนึ่งในเครื่องเล่นยอดนิยมประจำงานวัดก็คือชิงช้าสวรรค์ ซึ่งภาพนี้หากจะมองแบบผิวเผินอาจจะเหมือนงานวัดทั่วไปแต่หากลองสังเกตดีๆจะเห็นภาพคล้ายคนนั่งอยู่บนกระเช้าชิงช้าสวรรค์อันบนสุด ซึ่งชาวสังคมออนไลน์ต่างบอกว่าเป็นภาพจะไม่ใช่ภาพคนหรือการตกแด่งจากโปรแกรมหรือแอปพลิเคชั่นแน่นอน