อุกกาบาต ตกในเม็กซิโก 22 สิงหาคม 2013
แต่ลำแสงเปลวไฟของมัน สวยงามมากกว่าที่จะเป็น อุกกาบาต
เชื่อว่า อาจเป็น UFO
สำนักข่าวต่างประเทศเผยคลิปคลื่นกำแพงหมอกขนาดยักษ์ เคลื่อนผ่านภูเขาในเมืองนิวฟาวด์แลนด์ ในประเทศแคนาดา ซึ่งบันทึกไว้โดยผู้ใช้เว็บไซต์ยูทูป ชื่อว่า Perry709
กำแพงหมอก,ทะเลหมอก,แดนาดา
กำแพงหมอกนี้ได้เคลื่อนที่อย่างช้าๆลงมาตามไหล่เขาก่อนจะค่อยๆจางหายไป ซึ่งเว็บไซต์เดลิเมล์ได้ระบุด้วยว่า ภาพกำแพงหมอกดังกล่าวนั้น คล้ายกับฉากในภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง The Mist ของผู้กำกับดังอย่างสตีเฟ่น คิงส์ ด้วย
ที่มา : http://news.mthai.com/world-news/265205.html
____________________
สำนักข่าวต่างประเทศเผยภาพการเคลื่อนผ่านกันของดวงจันทร์บริวาร 2 ดวงของดาวอังคาร ถ่ายด้วยกล้องที่ชื่อว่ามาสต์แคม ที่ติดอยู่กับยานคิวริโอซิตี้ ยานสำรวจดาวอังคารขององค์การนาซา เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ดวงจันทร์ที่ใหญ่กว่ามีชื่อว่าโพบอส(Phobos)ได้เคลื่อนไปบดบังดวงจันทร์ไดมอส(Deimos) ซึ่งมีขนาดเล็กมาก มีเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับ 1% ของเส้นผ่านศูนย์กลางดวงจันทร์ของโลก จนทำให้ได้ภาพออกมาจำนวน 41 ภาพ
อย่างไรก็ตามปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เรียนรู้เรื่องวงโคจรของดวงจันทร์ได้มากขึ้น โดยจะเห็นว่าดวงจัทร์โพมอสเข้าใกล้ดาวอังคารอย่างช้าๆ ในขณะที่ดวงจันทร์ไดมอสเคลื่อนห่างออกจากดาวอังคารอย่างเป็นลำดับ
ที่มา : http://news.mthai.com/world-news/264167.html
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
"สาวบริสุทธิ์ยูยียาโก" มัมมี่สภาพดีที่สุดในโลก ดื่มแอลกอฮอล์และเสพใบโคคาในช่วงท้ายของชีวิต ก่อนจะถูกทิ้งให้ตายที่สุสานใกล้ปล่องภูเขาไฟ
นักวิทยาศาสตร์ไขปริศนาชะตากรรมเด็กๆ อินคาที่ถูกบูชายัญ พบเด็กน่าจะเสพยาเสพติดและแอลกอฮอล์นานหลายเดือน จนมีอาการซึมหนักก่อนเข้าสู่วาระสุดท้ายของชีวิตอย่างเงียบๆ
ร่างของมัมมี่เด็ก 3 คน ถูกพบฝังอยู่ในแท่นบูชา ที่ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 6,739 เมตร ใกล้ปล่องภูเขาไฟยูยียาโก (Llullaillaco) ในอาร์เจนตินา เมื่อปี 1999 เป็นเด็กหญิงวัย 15 ปีคนหนึ่ง และอีกสองคนเป็นเด็กหญิงและเด็กชายที่คาดว่าอายุประมาณ 6-7 ขวบ
สืบหาอายุของมัมมี่เด็กพบว่ามีชีวิตอยู่เมื่อราว 500 ปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาของอาณาจักรอินคา ที่ครอบครองดินแดนทางอเมริกาใต้ จนกระทั่งชาวยุโรปเข้าไปถึงเมื่อช่วงปลายศตวรรษที่ 15
ดร.เอ็มมา บราวน์ (Dr.Emma Brown) จากคณะวิทยาการโบราณคดี ของมหาวิทยาลัยแบรดฟอร์ด (University of Bradford) อังกฤษ กล่าวว่าการรักษาสภาพของมัมมี่ทั้งสามเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ และเป็นมัมมี่ที่ถูกถนอมรักษาไว้อย่างดีที่สุดในโลก
"เด็กทั้งสามคนนี้ดูเหมือนกำลังนอนหลับ" ดร.บราวน์กล่าว
บีบีซีนิวส์รายงานว่า ทีมนักวิจัยนานาชาติรวมทั้ง ดร.บราวน์ได้ร่วมกันสืบค้นเรื่องราวในวาระสุดท้ายของเหยื่อบูชายัญทั้งสาม โดยใช้การทดสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ วิเคราะห์สารเคมีในเส้นผมของเด็กๆ แล้วพบว่าเด็กได้ดื่มแอลกอฮอล์และกินใบโคคาซึ่งเป็นแหล่งสกัดของโคเคน ในช่วงปลายชีวิต
ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ สารเสพติดดังกล่าวเป็นของสงวนสำหรับชนชั้นสูงและ และมักถูกใช้ในพิธีกรรมทางความเชื่อของชาวอินคา
ดร.บราวน์ได้อ้างถึงนักบันทึกประวัติศาสตร์ชาวสเปนว่า เด็กๆ ถูกบวงสรวงด้วยเหตุผลร้อยแปด ทั้งก้าวย่างที่สำคัญในชีวิตของชาวอินคา ช่วงเวลาเกิดสงคราม หรือโรคระบาดตามธรรมชาติ แต่ก็มีตารางกำหนดการทำพิธีกรรมด้วย
นักวิทยาศาสตร์ได้นำเส้นผมของเด็กสาววัยรุ่นที่ยาวกว่าเส้นผมของเด็กอีกสองคนมาวิเคราะห์ คาดว่าเด็กสาวน่าจะมีความหมายมากกว่าเด็กที่เหลือ เพราะเธอมีฐานะเป็นสาวพรหมจรรย์ด้วย เธอเป็นที่รู้จักในโลกยุคใหม่ว่า "สาวบริสุทธิ์ยูยียาโก" (Llullaillaco maiden)
ผลจากการทดสอบพบว่าเธออยู่ในอาการสงบลึกๆ ก่อนจะหมดลมหายใจ จากการทดสอบเส้นผมจากเปียยาวเผยว่า ปริมาณการบริโภคโคคาพุ่งสูงขึ้นในช่วง 1 ปีก่อนตาย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสัมพันธ์กับช่วงเวลาที่เธอถูกเลือกเป็นเหยื่อบูชายัญ
งานวิจัยก่อนหน้านี้ก็สอดคล้องกับการค้นพบล่าสุดว่า ช่วงเวลาที่พบปริมาณโคเคนในเส้นผมนั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่มื้ออาหารของเธอมีการเปลี่ยนแปลง จากอาหารสำหรับชาวไร่ที่มีมันฝรั่งหลักเป็นหลัก ก็เปลี่ยนเป็นมื้ออาหารที่อุดมด้วยเนื้อและข้าวโพด
"สิ่งที่เรารู้จากการบันทึกประวัติศาสตร์ของชาวสเปนคือ ผู้หญิงที่มีเสน่ห์หรือมีความฉลาดจะถูกเลือกไปบูชายัญ ซึ่งชาวอินคาจะมีคนที่ออกไปแสวงหาหญิงสาวเหล่านี้ และพรากจากครอบครัว"
ผลการศึกษายังพบดวยว่า เด็กสาวดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในปริมาณมากในช่วง 2-3 สัปดาห์สุดท้ายของชีวิต ซึ่งชี้ว่าเธอมึนเมาอย่างหนักก่อนที่เธอและเด็กที่เหลือจะถูกนำไปไว้ที่ภูเขาไฟ เพื่อวางไว้ในสุสานและปล่อยให้ตาย
ในกรณีของสาวแรกรุ่นนั้นไม่พบสัญญาณของการถูกทารุณ เธออยู่ในสภาพที่ดูดีมาก มีชั้นไขมันอย่างดี มีการจัดแต่งทรงผมอย่างสวยงาม และสวมชุดสวยๆ ซึ่ง ดร.บราวน์กล่าวว่า เมื่อผนวกปัจจัยต่างๆ ทั้งการนำไปวางไว้ที่หลุมศพพร้อมแอลกอฮอล์และสถานที่ฝังศพบนภูเขาที่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 6,000 เมตร คาดว่าเธอน่าจะจากไปอย่างสงบ
ตอนนี้มัมมี่ทั้งสามจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์โบราณคดีที่สูง (High Altitude Archaeology) ในอาร์เจนตินา และผลจากการศึกษานี้ได้เผยแพร่ในวารสารเนชันนัลอะคาเดมีออฟไซน์ส (National Academy of Sciences)
มัมมี่เด็กสาว ทรงผมถูกจัดแต่งอย่างดี ผลจากการชันสูตรพบว่าปอดของเธอมีอาการติดเชื้อ
มัมมี่เด็กหญิง 6 ขวบ
มัมมี่เด็กชาย 7 ขวบ
ที่มา : http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000094626
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________