ไม่น่าเชื่อว่า จะมีการจับภาพได้ชัดเจนที่สุดในรอบประวัติศาสตร์ สำหรับยานบินลึกลับนอกโลกที่เพิ่งผ่านดวงอาทิตย์ไปได้ไม่นานในวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งทางนาซ่าได้ปิดเงียบมาตลอดเพื่อเฝ้าดูสังเกตการณ์ถึงสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นว่าจะส่งผลมาถึงโลกหรือไม่
โดยวัตถุประหลาดคล้ายยานอวกาศนั้น มีรูปทรงที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงมันได้เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่มีพลังงานความร้อนสูงถึงล้านๆๆองศาเซลเซียส ซึ่งทั้งนี้ก็ได้มีการเรียกร้องจากวงในให้มีการเปิดเผยสื่อต่อสาธารณะชนได้รู้ ว่าในที่สุด เรื่องราวของยานมนุษย์ต่างดาวไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป
โดยยานดังกล่าวได้บินจอดอยู่บริเวณเส้นถ่ายโอนพลังงานความร้อนของดวงอาทิตย์ ระยะทางห่างจากโลก 150 ล้านกิโลเมตร คาดว่าน่าจะจอดเติมพลังงานหรือกำลังศึกษาอะไรบางอย่าง ทำให้กล้องจากยานสำรวจอวกาศ SOHO จับภาพได้ในเวลาต่อมา เมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลบางส่วนให้ได้เห็น ก็สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากในโลกออนไลน์ รวมถึงสื่อบางเจ้าได้ตีแผ่ถึงเรื่องยานแม่ของมนุษย์ต่างดาวว่าจะมาทำลายโลกหรือไม่?
เพราะดูจากขนาดของยานที่เทียบตรงกับดวงอาทิตย์แล้ว น่าจะมีความใหญ่โตมากกว่าทวีปยุโรปถึง 2 เท่า และดูเหมือนการจะมาเยือนโลกมนุษย์ไม่ใช่เรื่องยาก
อย่างไรก็ตาม นี่ถือว่าเป็นการบีบคั้นนาซ่าให้เปิดเผยถึงสิ่งที่เรายังไม่รู้อีกมาก โดยแต่ก่อนก็ได้ปิดบังความจริงจากการแผ่ขยายรังสีของดวงอาทิตย์ และมีวัตถุลึกลับดังกล่าวเข้าไปเติมพลังงาน แต่นาซ่ากลับใช้วิธีปิดบังด้วยการถมดำเป็นรูปสี่เหลี่ยม เพื่อดึงดูดคล้ายกับเป็นการกุเรื่องโกหกขึ้นมา ทำให้ผู้คนไม่สนใจและลืมไปเอง แต่ความจริงแล้ว ภายใต้รูปสีดำที่เรามองข้าม กลับกลายเป็นยานแม่จากดาวดวงอื่นกำลังบินอยู่เหนือชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์อยู่ โดยไม่มีทีท่าว่าจะละลายหรือพัง แถมยังดูกลืนพลังงานรังสีจากดวงอาทิตย์เอาไปเป็นเชื้อเพลิงได้อีกด้วย ยังไงเราก็มาดูกันต่อไปว่าต่อจากนี้จะมีข่าวอะไรจากนาซ่าเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ เพราะอีกไม่นานก็คงจะมีความคืบหน้าเผยแพร่ออกมาอย่างแน่นอน
ที่มา : hxxp://www.flagfrog.com/
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
ไม่น่าเชื่อว่า จะมีการจับภาพได้ชัดเจนที่สุดในรอบประวัติศาสตร์ สำหรับยานบินลึกลับนอกโลกที่เพิ่งผ่านดวงอาทิตย์ไปได้ไม่นานในวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งทางนาซ่าได้ปิดเงียบมาตลอดเพื่อเฝ้าดูสังเกตการณ์ถึงสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นว่าจะส่งผลมาถึงโลกหรือไม่
โดยวัตถุประหลาดคล้ายยานอวกาศนั้น มีรูปทรงที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงมันได้เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่มีพลังงานความร้อนสูงถึงล้านๆๆองศาเซลเซียส ซึ่งทั้งนี้ก็ได้มีการเรียกร้องจากวงในให้มีการเปิดเผยสื่อต่อสาธารณะชนได้รู้ ว่าในที่สุด เรื่องราวของยานมนุษย์ต่างดาวไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป
โดยยานดังกล่าวได้บินจอดอยู่บริเวณเส้นถ่ายโอนพลังงานความร้อนของดวงอาทิตย์ ระยะทางห่างจากโลก 150 ล้านกิโลเมตร คาดว่าน่าจะจอดเติมพลังงานหรือกำลังศึกษาอะไรบางอย่าง ทำให้กล้องจากยานสำรวจอวกาศ SOHO จับภาพได้ในเวลาต่อมา เมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลบางส่วนให้ได้เห็น ก็สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากในโลกออนไลน์ รวมถึงสื่อบางเจ้าได้ตีแผ่ถึงเรื่องยานแม่ของมนุษย์ต่างดาวว่าจะมาทำลายโลกหรือไม่?
เพราะดูจากขนาดของยานที่เทียบตรงกับดวงอาทิตย์แล้ว น่าจะมีความใหญ่โตมากกว่าทวีปยุโรปถึง 2 เท่า และดูเหมือนการจะมาเยือนโลกมนุษย์ไม่ใช่เรื่องยาก
อย่างไรก็ตาม นี่ถือว่าเป็นการบีบคั้นนาซ่าให้เปิดเผยถึงสิ่งที่เรายังไม่รู้อีกมาก โดยแต่ก่อนก็ได้ปิดบังความจริงจากการแผ่ขยายรังสีของดวงอาทิตย์ และมีวัตถุลึกลับดังกล่าวเข้าไปเติมพลังงาน แต่นาซ่ากลับใช้วิธีปิดบังด้วยการถมดำเป็นรูปสี่เหลี่ยม เพื่อดึงดูดคล้ายกับเป็นการกุเรื่องโกหกขึ้นมา ทำให้ผู้คนไม่สนใจและลืมไปเอง แต่ความจริงแล้ว ภายใต้รูปสีดำที่เรามองข้าม กลับกลายเป็นยานแม่จากดาวดวงอื่นกำลังบินอยู่เหนือชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์อยู่ โดยไม่มีทีท่าว่าจะละลายหรือพัง แถมยังดูกลืนพลังงานรังสีจากดวงอาทิตย์เอาไปเป็นเชื้อเพลิงได้อีกด้วย ยังไงเราก็มาดูกันต่อไปว่าต่อจากนี้จะมีข่าวอะไรจากนาซ่าเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ เพราะอีกไม่นานก็คงจะมีความคืบหน้าเผยแพร่ออกมาอย่างแน่นอน
ที่มา : hxxp://www.flagfrog.com/
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
“มนุษย์ต่างดาว” หนึ่งในความลี้ลับของจักรวาลที่รอการไขปริศนา ความน่าสนใจของการมีอยู่ และวิวัฒนาการอันก้าวหน้าของพวกเขามีอยู่จริงหรือไม่?
ท่ามกลางจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล เหล่ามวลมนุษยชาติหลายคนต่างมีความเชื่อว่า ไม่ได้มีแต่เพียงโลก และมนุษย์เท่านั้น ที่เป็นสิ่งมีชีวิตและพัฒนาตนเองจนกลายเป็นสังคมโลก แต่ยังมีสถานที่อีกมากมายที่อยู่ไกลโพ้น มีสิ่งมีชีวิตและลักษณะสังคมที่พัฒนาไปในทางเดียวกัน หรือที่หลายคนเรียกว่า “มนุษย์ต่างดาว” เรื่องราวที่เราจะทำการนำเสนอต่อไปนี้ เป็นการหยิบยกเอาตัวอย่างความลี้ลับมาเล่าสู่กันฟัง 12bet ชวนกันมาช่วยคิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ จะเป็นสิ่งที่ช่วยพิสูจน์การมีอยู่จริงของมนุษย์ต่างดาวได้หรือไม่
เรื่องเล่าของเบ็ทตี้และบาร์นี่ย์ เกิดขึ้นในคืนหนึ่ง ขณะพวกเขากำลังขับรถกลับจากวันหยุดยาวในประเทศแคนาดา ผ่านหุบเขาที่เต็มไปด้วยความมืด ทั้งสองได้มองเห็นวัตถุที่คล้ายกับดาวตก จึงตัดสินใจหยุดรถและลงไปดูด้วยความสงสัย และแล้วทั้ง 2 ก็ได้พบกับวัตถุที่ดูคล้ายกับยูเอฟโอ ที่เปลี่ยนทิศทางไปทันทีทันใดเมื่อมันรู้ว่าถูกทั้งสองจ้องมอง นอกจากนี้เบ็ทตี้และบาร์นี่ย์ยังเล่าว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว พวกเขาเหมือนกับถูกสะกดจิต เพราะเหตุการณ์นี้กินเวลาถึง 2 ชั่วโมง
ความลี้ลับของมนุษย์ต่างดาว ต่างได้รับการยืนยันจากผู้คนอย่างต่อเนื่อง เราคงได้แต่รอความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ ที่จะสามารถเข้าถึงและพิสูจน์ได้อย่างแน่ชัดว่า สิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับมนุษย์ แต่อาศัยอยู่ในดาวที่ไกลออกไปมีอยู่จริง และมีวิวัฒนาการล้ำหน้า จนสามารถเดินทางมาเยือนโลกของเราจริงหรือไม่
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
เรื่องราวน่าสะพรึงของเบ็ทตี้และบาร์นี่ย์ ผู้ที่พบเจอและถูกมนุษย์ต่างดาวสะกดจิตอย่างจัง
ท่ามกลางจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล เหล่ามวลมนุษยชาติหลายคนต่างมีความเชื่อว่า ไม่ได้มีแต่เพียงโลก และมนุษย์เท่านั้น ที่เป็นสิ่งมีชีวิตและพัฒนาตนเองจนกลายเป็นสังคมโลก แต่ยังมีสถานที่อีกมากมายที่อยู่ไกลโพ้น มีสิ่งมีชีวิตและลักษณะสังคมที่พัฒนาไปในทางเดียวกัน หรือที่หลายคนเรียกว่า “มนุษย์ต่างดาว” เรื่องราวที่เราจะทำการนำเสนอต่อไปนี้ เป็นการหยิบยกเอาตัวอย่างความลี้ลับมาเล่าสู่กันฟัง 12bet ชวนกันมาช่วยคิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ จะเป็นสิ่งที่ช่วยพิสูจน์การมีอยู่จริงของมนุษย์ต่างดาวได้หรือไม่
เรื่องเล่าของเบ็ทตี้และบาร์นี่ย์ เกิดขึ้นในคืนหนึ่ง ขณะพวกเขากำลังขับรถกลับจากวันหยุดยาวในประเทศแคนาดา ผ่านหุบเขาที่เต็มไปด้วยความมืด ทั้งสองได้มองเห็นวัตถุที่คล้ายกับดาวตก จึงตัดสินใจหยุดรถและลงไปดูด้วยความสงสัย และแล้วทั้ง 2 ก็ได้พบกับวัตถุที่ดูคล้ายกับยูเอฟโอ ที่เปลี่ยนทิศทางไปทันทีทันใดเมื่อมันรู้ว่าถูกทั้งสองจ้องมอง นอกจากนี้เบ็ทตี้และบาร์นี่ย์ยังเล่าว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว พวกเขาเหมือนกับถูกสะกดจิต เพราะเหตุการณ์นี้กินเวลาถึง 2 ชั่วโมง
ความลี้ลับของมนุษย์ต่างดาว ต่างได้รับการยืนยันจากผู้คนอย่างต่อเนื่อง เราคงได้แต่รอความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ ที่จะสามารถเข้าถึงและพิสูจน์ได้อย่างแน่ชัดว่า สิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับมนุษย์ แต่อาศัยอยู่ในดาวที่ไกลออกไปมีอยู่จริง และมีวิวัฒนาการล้ำหน้า จนสามารถเดินทางมาเยือนโลกของเราจริงหรือไม่
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
กลายเป็นที่ฮือฮาในต่างประเทศขณะนี้ สำหรับคลิปวิดีที่เผยภาพวัตถุต้องสงสัยคาดว่าจะเป็นเอเลี่ยนจากต่างดาว คลิปนี้ถูกโพสต์ผ่านผู้ใช้ยูทูบชื่อว่า Anthony Choy หรือ นายอันโทนี โชว์ นักวิเคราะห์ศึกษาเกี่ยวกับยูเอฟโอ เป็นคลิปจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในประเทศเปรู อ้างว่า สามารถจับภาพวัตถุประหลาดเรืองแสงสีฟ้าๆ เปลี่ยนสีเองได้ ขนาดราวๆ ความสูงประมาณ 1 เมตร กำลังพยายามข้ามถนนฟ่าการจราจรคับคั่งไปยังอีกฟากถนน
ซึ่งหลังจากที่คลิปนี้ได้เผยแพร่ออกไป ก็มีผู้เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก บางส่วนเชื่อว่า คลิปดังกล่าวเป็นของจริง เนื่องจากมีคลิปจากมุมมองอื่นๆ ที่ทำให้เชื่อได้ว่า วัตถุดังกล่าวนั้น อาจจะเป็นสิ่งลี้ลับจากนอกโลก ขณะที่บางส่วนมองว่า คลิปดังกล่าวอาจจะเป็นการตัดต่อ หรืออาจจะเป็นโดรนก็เป็นได้ จนล่าสุดมีผู้เข้าชมคลิปนี้กว่า 600,000 ครั้งแล้ว
ที่มา : hxxp://www.thairath.co.th/content/714785
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
เหล่านักสำรวจฉงน ค้นพบ The Eye เกาะประหลาดในอาร์เจนตินา รูปทรงกลมดิกจนเหลือเชื่อหากเป็นฝีมือธรรมชาติ แถมหมุนเคลื่อนที่เองได้อย่างน่าประหลาด ขณะนักล่ายูเอฟโอชี้ สิ่งนี้อาจเป็นฐานลับเอเลี่ยน
โลกเราใบนี้ยังมีสิ่งลี้ลับอีกมากมายรอให้ถูกค้นพบ แต่เมื่อค้นพบแล้ว มนุษย์จะหาคำตอบได้หรือไม่ว่ามันคืออะไรและเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ทีมสำรวจของ เซอร์จิโอ นิวสปิลเลิร์ม ผู้ผลิตและผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอาร์เจนตินา กำลังพยายามไขปริศนา หลังเขาได้พบเกาะเล็ก ๆ อันแปลกประหลาด ที่เขาตั้งชื่อให้ว่า The Eye หรือ ดวงตา นี้โดยบังเอิญขณะสำรวจหาเซตติ้งการถ่ายทำหนังเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และปริศนาอันน่าฉงนของมัน ก็ทำให้เขาแทบลืมจุดประสงค์หลังของตัวเองไปในทันที
โดยจากปากคำบอกเล่าจากชาวบ้านยังทำให้เขาได้ทราบว่า แถบพื้นที่บริเวณนี้มีเรื่องราวประหลาดเกิดขึ้นมากมาย แต่ยังไม่เคยมีใครได้เข้าไปสำรวจอย่างจริงจังเลย
เว็บไซต์มิเรอร์ เปิดเผยเรื่องราวเกาะประหลาดของเซอร์จิโอไว้ในรายงานในที่ 30 สิงหาคม 2559 เกาะที่โค้งกลมสมบูรณ์แบบนี้ตั้งอยู่บนสามเหลี่ยมพารานา ระหว่างเมืองแคมปานาและซาราเต ของนครบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา มันเป็นเกาะกลมเล็ก ๆ อยู่ในบึงรูปทรงกลมดิกพอ ๆ กัน เส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 118 เมตรเท่านั้นเอง ความกลมดิกของทั้งเกาะและบึง ช่างเพอร์เฟคท์เสียจนไม่อยากจะเชื่อว่ามันเกิดขึ้นมาได้เองตามธรรมชาติ
สำหรับจุดที่ตั้งของ The Eye นั้น หากมองจาก Google Maps จะอยู่ที่โลเคชั่น 34°15'07.8"S 58°49'47.4"W โดยภาพแรกสุดของมันที่ถูกมองเห็นได้ผ่าน Google Maps คือเมื่อเดือนกรกฎาคม 2547 ซึ่งนั่นทำให้เซอร์จิโอได้ค้นพบเรื่องราวอันแปลกประหลาด เพราะเมื่อเขาไล่เรียงดูภาพ The Eye ตามช่วงเวลาต่าง ๆ ก็ได้พบว่า เกาะกลม ๆ นี้หมุนเคลื่อนที่ได้ราวกับมีแกนของตัวเอง มันเป็นไปได้อย่างไรกัน !?
ในที่สุด เซอร์จิโอพร้อมทีมสำรวจก็ได้บุกลงสำรวจพื้นที่ที่ตั้งจริง ๆ ของ The Eye จากการเดินเท้าถึง 8 ชั่วโมง ฝ่าฟันกลางป่าเข้าไปพวกเขาก็ได้พบบึงและเกาะกลมรูปดวงตานั้นสมใจ และได้พบว่าน้ำในบึงที่ล้อมรอบเกาะ The Eye นั้น ทั้งใสและเย็นอย่างเหลื่อเชื่อ ไม่เหมือนสภาพแวดล้อมโดยรอบ หนำซ้ำดินในบึงก็แข็ง ช่างตรงกันข้ามกับสภาพแอ่งหนองบึงรอบ ๆ ส่วนเกาะที่อยู่ตรงกลาง มันลอยอยู่บนอะไรสักอย่างที่พวกเขาก็ไม่อาจตอบได้เหมือนกัน
ความแปลกประหลาดยากอธิบายของ The Eye ยังดึงดูดความสนใจของนักล่ายูเอฟโออย่าง สก็อต ซี วาร์ริ่ง ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ UFO Sightings Daily สก็อตเชื่อว่าสิ่งนี้คือประตูสู่ที่ตั้งฐานลับเอเลี่ยน ดูจากรูปทรงของ The Eye เอง ก็เห็นได้ว่าใหญ่พอจะให้ยานอวกาศขนาด 100 เมตร เข้าไปได้อย่างพอเหมาะพอเจาะเลยทีเดียว และมนุษย์อาจได้คำตอบอะไรมากกว่านี้ หากสามารถลงไปสำรวจในน้ำซึ่งเกาะประหลาดนี้ลอยอยู่ได้
ทางด้านเซอร์จิโอเอง ก็กระหายใคร่รู้ที่จะไขปริศนาของเกาะแห่งนี้ให้ได้ไม่ต่างกัน ทั้งว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เกิดขึ้นนานแค่ไหนแล้ว เคลื่อนที่เองได้อย่างไร ฯลฯ ซึ่งในตอนนี้ทีมของเขาจึงได้ตั้งขอรับระดมทุนขึ้นในเว็บไซต์ kickstarter เพื่อรวบรวมเงินสำหรับการสำรวจและวิจัยขั้นต่อไป โดยเซอร์จิโอวางแผนจะนำนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ยูเอฟโอ รวมไปถึงผู้มีความสามารถรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสพิเศษลงไปสำรวจ The Eye ด้วยกัน
ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/141579
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
เว็บไซต์มิเรอร์ เปิดเผยเรื่องราวเกาะประหลาดของเซอร์จิโอไว้ในรายงานในที่ 30 สิงหาคม 2559 เกาะที่โค้งกลมสมบูรณ์แบบนี้ตั้งอยู่บนสามเหลี่ยมพารานา ระหว่างเมืองแคมปานาและซาราเต ของนครบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา มันเป็นเกาะกลมเล็ก ๆ อยู่ในบึงรูปทรงกลมดิกพอ ๆ กัน เส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 118 เมตรเท่านั้นเอง ความกลมดิกของทั้งเกาะและบึง ช่างเพอร์เฟคท์เสียจนไม่อยากจะเชื่อว่ามันเกิดขึ้นมาได้เองตามธรรมชาติ
สำหรับจุดที่ตั้งของ The Eye นั้น หากมองจาก Google Maps จะอยู่ที่โลเคชั่น 34°15'07.8"S 58°49'47.4"W โดยภาพแรกสุดของมันที่ถูกมองเห็นได้ผ่าน Google Maps คือเมื่อเดือนกรกฎาคม 2547 ซึ่งนั่นทำให้เซอร์จิโอได้ค้นพบเรื่องราวอันแปลกประหลาด เพราะเมื่อเขาไล่เรียงดูภาพ The Eye ตามช่วงเวลาต่าง ๆ ก็ได้พบว่า เกาะกลม ๆ นี้หมุนเคลื่อนที่ได้ราวกับมีแกนของตัวเอง มันเป็นไปได้อย่างไรกัน !?
ในที่สุด เซอร์จิโอพร้อมทีมสำรวจก็ได้บุกลงสำรวจพื้นที่ที่ตั้งจริง ๆ ของ The Eye จากการเดินเท้าถึง 8 ชั่วโมง ฝ่าฟันกลางป่าเข้าไปพวกเขาก็ได้พบบึงและเกาะกลมรูปดวงตานั้นสมใจ และได้พบว่าน้ำในบึงที่ล้อมรอบเกาะ The Eye นั้น ทั้งใสและเย็นอย่างเหลื่อเชื่อ ไม่เหมือนสภาพแวดล้อมโดยรอบ หนำซ้ำดินในบึงก็แข็ง ช่างตรงกันข้ามกับสภาพแอ่งหนองบึงรอบ ๆ ส่วนเกาะที่อยู่ตรงกลาง มันลอยอยู่บนอะไรสักอย่างที่พวกเขาก็ไม่อาจตอบได้เหมือนกัน
ความแปลกประหลาดยากอธิบายของ The Eye ยังดึงดูดความสนใจของนักล่ายูเอฟโออย่าง สก็อต ซี วาร์ริ่ง ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ UFO Sightings Daily สก็อตเชื่อว่าสิ่งนี้คือประตูสู่ที่ตั้งฐานลับเอเลี่ยน ดูจากรูปทรงของ The Eye เอง ก็เห็นได้ว่าใหญ่พอจะให้ยานอวกาศขนาด 100 เมตร เข้าไปได้อย่างพอเหมาะพอเจาะเลยทีเดียว และมนุษย์อาจได้คำตอบอะไรมากกว่านี้ หากสามารถลงไปสำรวจในน้ำซึ่งเกาะประหลาดนี้ลอยอยู่ได้
ทางด้านเซอร์จิโอเอง ก็กระหายใคร่รู้ที่จะไขปริศนาของเกาะแห่งนี้ให้ได้ไม่ต่างกัน ทั้งว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เกิดขึ้นนานแค่ไหนแล้ว เคลื่อนที่เองได้อย่างไร ฯลฯ ซึ่งในตอนนี้ทีมของเขาจึงได้ตั้งขอรับระดมทุนขึ้นในเว็บไซต์ kickstarter เพื่อรวบรวมเงินสำหรับการสำรวจและวิจัยขั้นต่อไป โดยเซอร์จิโอวางแผนจะนำนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ยูเอฟโอ รวมไปถึงผู้มีความสามารถรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสพิเศษลงไปสำรวจ The Eye ด้วยกัน
ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/141579
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________