จากการเฝ้าดูท้องฟ้า เป็นเวลานานนับสิบปี มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ว่ามนุษย์ต่างดาวพันธ์หนึ่ง อาศัยอยู่ที่ “วงแหวนมืด” หรือ the ring darkness วงแหวนมืดคือกลุ่มดาวกาแล็คซี่หนึ่ง ซึ่งรวมตัวกันโดยไม่เปล่งแสง หรือสะท้อนแสงอาทิตย์ออกมา
ชอน แอ็บบอตต์ นักดาราศาสตร์อวกาศ แห่งเมืองลารามี รัฐไวโอมิงสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวยื่นยันเมื่อเร็วๆนี้ว่า “ภาพที่ได้มาไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมและทีมงานผู้สังเกตการณ์ปรากฏการณ์บนท้องฟ้า มั่นใจว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่นั่น แน่นอนคือการปล่อยกำมันตภาพรังสี ออกมาซึ่งเป็นข้อมูลหลักฐานไม่มีวันผิดพลาดไปได้เลย
นักดาราศาสตร์ ชอนกล่าวอีกว่า “นับวันเรามีเทคโนโลยีก้าวหน้า เราก็พบวงแวนดำอีกหลายแห่งหลายที่ ความจริงแล้ววงแหวนดำนี้เอง เป็นต้นกำเนิดของสุริยะจักรวาลของเรา และอีกหลายกาแล็คซี่ วงแหวนดำจึงเป็นสัญลักษณ์ถิ่นที่กำเนิดสิ่งมีชีวิต”
“แต่การสังเกตการณ์ในระยะทางไกลมาก ของนักดาราศาสตร์จากโลก ซึ่งมีเมฆและฝุ่นผงปิดบังอยู่ ก่อให้เกิดปริศนาหลายคำถามเชน คำถามว่า หากมีสิ่งมีชิวิตอยู่จริง มีรูปร่างลักษณะอย่างไร และมีเทคโนโลยีระดับใดเพียงพอต่อการเดินทางมาถึงโลกของเราหรือไม่?”
สำหรับวงแหวนดำ ซึ่งทีมงานนักดาราศาสตร์ยุคนี้เพิ่งค้นพบนั้น มีรายงานอีกว่าเป็นวงแหวนมืด อยู่รายล้อมกลุ่มดาวที่เป็นกาแล็คซี่ เรียกว่า กาแล็คซี่ ซีไอ 0024+17
ต่อมาทีมงานนักดาราศาสตร์ชุดนี้ได้ขยายผลการค้นพบโดยมุ่งวิเคราะห์ กำมันตาภาพรังสี ทีถูกปลดปล่อยออกมาจากวงแหวนมืด ซึ่งมีลักษณะคล้ายกลุ่มเมฆสีดำ พบว่ามีวัตถุเปล่งแสงจากตัวเองได้ จำนวนมาก หลายพันวัตถุ เคลื่อนที่ไปมาอยู่ภายในวงมืด
วัตถุเคลื่อนที่ดังกล่าวนี้จาการตรวจสอบ ด้วยกล้องโทรทรรศน์ แรงสูงพบว่า สามารถเปล่งแสงเจิดจ้ากว่าการเปล่งแสงจากตัวเอง ของวัตถุที่มีอยู่บนโลก อีกทั้งเป็นวัตถุที่มีความหนาแน่นมากว่าไทเทเนี่ยม ซึ่งเป็นโลหะได้ชื่อว่าแข็งแรงทนทานที่สุดในโลก
ข้อสันนิฐานแรกและเป็นข้อสันนิฐานเดียว โลหะเปล่งแสงเคลื่อนที่ได้นั้นถูกวิเคราะห์หลายครั้ง ในที่สุดทีมงานนักวิทยาศาสตร์มีข้อสรุปตรงกัน มันคือยานอวกาศ ของสิ่งมีชีวิตบนวงแหวนมืดนั่นเอง
แต่มีข้อสั่งเกตว่า หากว่าเป็นยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวจริง จาการเคลื่อนที่นั้น ผิดกฎฟิสิกซ์ของชาวโลก อีกทั้งการเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว คล่องแคล่วยิ่งกว่าความเร็วแสง
หลักฐานข้อมูลที่ชัดเจนมากเช่นใช้กล้องแรงสูงจับเป้าไปที่วัตถุบินชิ้นหนึ่ง มันเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ข้างหลังแล้วจู่ๆ หายวับ ไปแล้ว ปรากฏในอีกที่หนึ่ง นักวิทยาศาสตร์ระดับชั้นนำของโลกกล่าวอย่างมั่นใจ “ขณะนี้ทีมงานวิจัยของเราพุ่งเป้าหมายไปที่การปรากฏตัว การหายตัวไปของวัตถุบิน
ด้วยกล้องโทรทรรศน์ ระบบอินฟราเรด แทบตลอด 2 4 ชั่วโมง
ที่น่าตื่นกระหนกไปกว่านั้น เราตรวจพบยานอวกาศลักษณะทรงกลมเหมือนจาน แต่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารมาก คำนวณกันหลายครั้ง น่าจะเป็นยานที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่ต่ำว่า1,000 ไมล์ (ราวครึ่งหนึ่งของแผ่นดินประเทศไทย) แม้จะเป็นยานบิน ขนาดใหญ่ แต่เคลื่อนที่ได้รวดเร็วอย่างน่าตระหนก และเป็นการเคลื่อนที่แหกกฎฟิสิกซ์ที่เรารู้จัก
คำถามต่อมาที่เรานำเข้าสู่การวิเคราะห์ ใครผู้ใด และอะไรอยู่เบื้องหลัง ยานบินประหลาดเหล่านั้น คำถามต่อมาพวกเขาใช้เทคโนโลยีใด จึงสามารถทำให้ยานอวกาศเคลื่อนที่ได้รวดเร็วกว่า ความเร็วแสง เราสรุปได้เบื้องต้น เมื่อผลออกมา ได้เช่นนี้ก็แสดงว่าเป็นเผ่าพันธุ์ สิ่งมีชีวิตซึ่งมีวิทยาการและเทคโนโลยีสูงกว่าเทคโนโลยีของชาวโลกอย่างแน่นอน ทุกวันนี้เรามีเครื่องยนต์จากพลังล้อหมุน
หรือก๊าซพุ่งออกจากส่วนท้ายให้ยวดยานพุ่งไปข้างหน้า พวกเขาอาจพัฒนาเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากว่าเรา หรืออาจใช้พลังจักรวาลซึ่งมีอยู่ไม่มีวันสิ้นสุดใช้เป็นประโยชน์ได้แล้วก็ได้ ปัจจุบันการส่งยานอวกาศไปสำรวจดวงดาวต่างๆ นักวิทยาศาสตร์ใช้เชื่อเพลิงจรวดชนิดแข็งเพื่อพายานอวกาศไปสู่แรงโน้นถ่วงระหว่างดวงดาว จากนั้นดับเครื่องยนต์เพื่อประหยัดเชื้อเพลิง แล้วอาศัยแรงดึงดูนั้นเป็นแรงเหวี่ยงเดินทางไปยังเป้าหมาย ซึ่งสามารถทำความเร็วเดินทางได้พอๆ กับอุกบาตร หรือคาวหาง ราว 40,000 ไมล์ ต่อชั่วโมง ต่อมานาซ่า ได้ยืนยันว่ากล้องเทเลศโคป ซึ่งติดตั้งอยู่บนยานฮัมเบิลสเปซ์ ซึ่งโคจรอยู่รอบโลก ได้ยืนยันว่า พบวงแหวนมืดที่กลุ่มดาว กาแล็คซี่ 0024+27จริง
การค้นพบวงแหวนมืด ที่อยู่ใกล้โลกมากที่สุด ราว 5,000ล้านปีแสงครั้งนี้ ทำให้นักดารศาสตร์ทั่วโลก พากันตื่นตัว หากวัตถุเรืองแสง เคลื่อนที่ได้จำนวนมากเป็นยานอวกาศลูก และยานอวกาศแม่ของมนุษย์ต่างดาวจริง การค้นพบครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลก ที่สามารถ พบเห็นถิ่นที่อยู่ผู้ทรงปัญญา จากต่างดาวได้
มีข้อสังเกตจากนักดาราศาสตร์ชุดนี้อีกว่า โลกอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 93 ล้านไมล์ แสงจากดวงอาทิตย์เดินทางมาถึงโลก ใช้เวลาแค่ 8 นาที ระยะทาง 1ปีแสง เท่ากับ 16ล้านกิโลเมตร หากวงแหวนมืด ที่กาแล็กซี่ ซีไอ 0024+17 อยู่ห่างจากโลก 5,000 ล้านปีแสง และมนุษย์ต่างดาวสามารถสร้างยานอวกาศ มีความเร็วเหนือแสงได้หลายเท่า จนถึงขึ้นทะลุมิติการเวลาได้ มนุษย์ต่างดาวที่เราเพิ่งพบเห็น อาจเดินทางมาถึงโลก หลายพันปีมาแล้ว...
ทีมา: นิสตยาสาร แปลกทะลุโลก ฉบับที่ 578 20 ตุ.ค.-5 พ.ย.53
อ้างอิง:http://www.nasa.gov/mission_pages/hubble/news/dark_matter_ring_feature.html
อ้างอิง:http://www.nasa.gov/mission_pages/hubble/news/dark_matter_ring_feature.html
loading...