หลังจากสร้างความฮือฮาไปแล้วกับคำทำนายของเพื่อนนอกโลกที่ออกมาเตือนผ่าน ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ผู้เชี่ยวชาญที่อ้างว่าสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้มาหลายสิบปี
(และเป็นคนไทยไม่กี่คนที่นาซา -National Aeronautics and Space Administration)
แลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องมนุษย์ต่างดาวและยูเอฟโอ) ว่า ปีนี้จะมีเรื่องร้ายๆ มากมาย ตั้งแต่เขื่อนชื่อดังที่ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนเปลือกโลก อักษรย่อ ศ. และ ภ. จะแตก และจะมีน้ำสูงกว่า 10 เมตรพุ่งไล่ถล่ม



โจมตีกระทั่งกรุงเทพฯ เสียหายมหาศาล เรื่องน้ำท่วมกรุงเทพฯ หนักหนากว่าเก่ามากมาย เตือนเรื่องผู้นำประเทศจะโดนระเบิดหัวขาด วันนี้จนถึงเดือน พฤษาคมนี้ (http://www.thairath.co.th/content/life/238380)


กลายเป็นหัวข้อถกเถียงกันว่า คำเตือนต่างๆ จริงหรือไม่ แล้วที่สำคัญเรื่องมนุษย์ต่างดาวที่ถูกกล่าวอ้างว่าออกมาเตือนภัยนั้นมีตัวตนจริงหรือเปล่า เพราะหากมีตัวตนจริง แสดงว่าคำทำนายมากมายข้างต้นประเทศไทยตกอยู่ในอันตราย...?


ไทยรัฐออนไลน์ ท้าพิสูจน์เรียก UFO !!

เมื่อเกิดคำครหาหลังจากนั้น ศ.ดร.นพ.เทพนม ขอเวลาใช้จิตสื่อสารไปยังเพื่อนนอกโลกเพื่อขอให้ปรากฏตัว

ล่าสุด ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ติดต่อกลับมาพร้อมกับข่าวดีตอบรับคำท้าพิสูจน์ (แม้ก่อนหน้านี้เพื่อนนอกโลกจะบอกเขาว่า ยังไม่ใช่เวลานี้ ที่จะมาปรากฏตัวจะจะ เพราะอากาศบนโลกเป็นพิษไม่เหมาะกับพวกเขา ที่สำคัญผิดกฎจักรวาล) ว่า พาราซิทัล กับ เอ็ดดี้ เพื่อนนอกโลกตกลงจะขับยูเอฟโอมาให้บันทึกภาพบนท้องฟ้ากรุงเทพฯ ชนิดไร้ข้อกังขา

วันรุ่งขึ้นทีมข่าวช่างภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวมุ่งหน้าเดินทางไปที่บ้าน ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน วิภาวดีซอย 8 ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ก่อนเวลานัดหมาย 1 ชั่วโมง เพื่อจัดทัพเพื่อรอคอยการปรากฏตัวครั้งแรกของยูเอฟโอใจกลางเมือง หลังตั้งกล้องบันทึกภาพเสร็จสรรพ ผู้ที่อ้างว่าสามารถติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้ ก็ปรากฎตัวออกมาตอนรับ พร้อมกับเชิญทีมงานเข้าร่วมกรรมวิธีนั่งสมาธิกำหนดจิตชนิดที่ไม่มีอุปกรณ์ เครื่องมือหรือพิธีใดๆ เพื่อคอนเฟิร์มละติจูดที่ยูเอฟโอจะเผยโฉมหน้าบนท้องฟ้า เวลาผ่านไปราว 5-10 นาที

“พวกเขาใกล้เข้ามาแล้ว...!” อาจารย์เทพนมโพล่งเสียง เรียกให้ทุกคนตื่นจากภวังค์ ทุกคนเดินตามเพื่อออกไปกลางแจ้งด้วยใจระทึก โดยหวังว่าเพื่อนนอกโลกจะปรากฏตัว


และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อเล็กๆ อย่างแรก ก็เกิดขึ้นกับพวกเรา ทันทีที่ก้าวเท้าตามเขาออกจากชายคาบ้าน กล่าวคือ ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที ขณะเดินทางมุ่งหน้ามาที่นัดหมาย กระทั่งกำลังตั้งกล้องเพื่อถ่ายทำอยู่กลางแจ้งนั้น พระอาทิตย์ส่องแสงแดดร้อนแรงประดุจจะแผดเผาทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างให้มอดไหม้

หลังจากทำกรรมวิธีสื่อสารเสร็จสรรพ อากาศร้อนรอบๆ ข้าง กลับค่อยทยอยมืดลงสร้างความประหลาดใจให้กับคนรอบข้างเป็นอย่างมาก



ยังไม่ทันจะหาคำตอบให้กับเรื่องแรก ก็มีเรื่องแปลกๆ บนท้องฟ้า ที่ยากจะเข้าใจสำทับขึ้นอีก เพราะหากสังเกตให้ดีตรงทิศใกล้กับดวงอาทิตย์ที่อาจารย์เทพนมชี้ชวนให้พวกเราดู พร้อมกับย้ำเป็นนักเป็นหนาว่า เป็นทิศที่มนุษย์ต่างดาวระบุผ่านกระแสจิตว่าจะออกมานั้น จากที่มีเมฆก้อนใหญ่กระจัดกระจายอย่างไม่เป็นระเบียบ มันค่อยๆ เคลื่อนลอยเข้ามาประกบบดบังล้อมรอบดวงอาทิตย์ให้อ่อนกำลังแสงลง และบางจังหวะภาพที่ปรากฏตรงใกล้ดวงอาทิตย์ เป็นภาพแสงแดดลอดเมฆออกมาเป็นทางยาว คล้ายจะมีอะไรตามแสงที่ส่องลงมา



“พวกเขามาถึงแล้ว คุณลองถ่ายไปตรงทิศที่ใกล้กับดวงอาทิตย์แล้วจะเจออะไรดีๆ” หมอเทพนมย้ำ

ทุกอุปกรณ์บันทึกภาพ และทุกคู่สายตาก็จับจ้องไปที่จุดดังกล่าวแช่นิ่งอยู่นาน หลายคนทนแสงความร้อนแรงไม่ได้ก็หลับตา แต่ยังทำหน้าที่เอากล้องบันทึกภาพไปที่จุดที่เชื่อว่า จะมีการปรากฏตัวดังคำอ้างนานเท่าไรไม่ทราบ


จนกระทั่งเสียงทีมงานคนหนึ่งดังขึ้นมา เนื่องจากเห็นภาพก้อนเมฆประหลาดสีเข้มตัดกับท้องฟ้าจำนวน 2 ก้อน ค่อยๆ เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ บางจังหวะก็หยุดอยู่นิ่งราว 5 นาที บางมุมก้อนเมฆดังกล่าว คลับคล้ายว่าเป็นใบหน้ามนุษย์ต่างดาว บางคนก็ว่าก้อนเมฆ 2 ก้อนดังกล่าวเหมือนกับยูเอฟโอ

ขณะที่ถกเถียงยังหาข้อสรุปในใจไม่จบ อยู่ดีๆ หมอเทพนมก็กล่าวว่านั่นแหละ "ยูเอฟโอ" ของเขาเพื่อนนอกโลกของผม และภาพแปลกประหลาดก็หายไปในเวลา 15.00 น.พอดิบพอดี

บทสรุป

ที่สุดแล้วไม่ว่าเหตุการณ์ก้อนเมฆประหลาดจะเป็นยูเอฟโอ เป็นหน้ามนุษย์ต่างดาว หรือภาพดังกล่าวเป็นเพียงจินตนาการ อุปทานหมู่ที่พวกเราสร้างขึ้นมา แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ เมื่อเราสงสัยอะไรควรจะไปพิสูจน์แบบที่เราทำมาในครั้งนี้ ที่เหลือก็ใช้วิจารณญาณตัดสินกันว่าเรื่องทั้งหมดนี้ "จริง"หรือ "มั่ว"!!!





ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/life/240936
____________________
เครดิต :
________________________________