ทุกๆคนมักจะเคยเห็น ลำแสง ที่ปล่อย ออกมาจาก ยานอวกาศ หรือ UFO ผ่านทางสื่อต่างๆ เช่น ในภาพยนตร์ เรามักจะฉันลำแสงนั้น ดึงร่างของมนุษย์ หรือ สิ่งอื่นๆ ขึ้นไปบนตัวยาน
อย่างเช่น ในภาพยนตร์ “Star Trek” หรือในนิยาย sci-fi หลายต่อหลายเรื่อง มักจะมีการนำเสนอลำแสงแปลกๆ ที่สามารถส่งผ่านไปยังวัตถุใดๆก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็น ยานอวกาศ อุกาบาต หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตก็ว่ากันไป
หลักการทำงานของเจ้าลำแสงแปลกประหลาดนี้คือ เมื่อมันพุ่งกระทบกับอะไรก็ตาม มันจะทำให้วัตถุนั้นถูก “ผลักหรือดึงดูด” ให้เคลื่อนที่ไปตามทิศทางของลำแสง ได้ดั่งใจนึก โดยมีชื่อเรียกว่า “tractor beam”
ในโลกความเป็นจริงนั้น ลำแสง tractor beam กำลังถูกพัฒนาขึ้นโดย เหล่านักวิทยาศาสตร์อังกฤษจากมหาวิทยาลัย Bristol และ Sussex พวกเขาได้พัฒนาต้นแบบลำแสงลากดึงวัตถุด้วย “เสียง”
ที่สามารถใช้งานได้จริงเป็นครั้งแรกในโลก โดยงานต้นแบบนี้ อาศัยลำโพงขนาดเล็กจิ๋ว 64 ตัว ที่สามารถสร้างคลื่นเสียงแบบ “Ultrasonic” (คลื่นเสียงที่มีความถี่สูงกว่า 20 KHz ขึ้นไป
โดยจะสูงขึ้นจนถึงเท่าใดนั้น ไม่ได้ระบุจำกัดเอาไว้ ซึ่งเป็นความถี่ที่สูงเกินกว่าที่ประสาทหูมนุษย์จะได้ยิน และโดยทั่วไปหูของมนุษย์จะได้ยินเสียงความถี่สูงเฉลี่ยเพียงแค่ประมาณ 15 KHz)
โดยเมื่อจัดเรียงให้ลำโพงคลื่นเสียง Ultrasonic ทั้ง 64 ตัว หันในมุมที่เหมาะสมกัน ก็จะเกิดเป็น “acoustic hologram” หรือสนามพลังเสียง ที่มีความสามารถในการหนีบวัตถุให้ลอยไปมาตามทิศทางที่ต้องการ คือการบังคับ บน ล่าง ซ้าย ขวา ได้หมด
และจากการทดลองตัวต้นแบบของ Tractor Beam ในภาพนั้น มันสามารถยกวัตถุขนาดเท่าเม็ดถั่วให้ลอยไปมาบนแผงลำโพงได้ ซึ่งสามารถควบคุมวัตถุจากระยะ 30 – 40 ซม.
ให้สามารถเคลื่อนที่ตามต้องการได้ ต่อจากนี้ทีมพัฒนาหวังว่าจะสามารถพัฒนา Tractor Beam จนสามารถนำไปใช้งานได้จริง ซึ่งมันจะมีประโยชน์อย่างมากหากว่าสามารถเคลื่อนย้ายวัติถุหนักๆได้
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งในด้านอุตสาหกรรม การขนส่ง เทคโนโลยีทางอวกาศหรือระบบขนย้ายวัตถุอันตราย เป็นต้น
ตัวอย่าง ต้นแบบ
ที่มา :hxxp://www.flagfrog.com/watch-scientists-develop-a-real-life-tractor-beam-using-sound-waves/
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
ซูเปอร์มูน (Super Moon) 14/11/2016 วันลอยกระทง
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
เมื่อวันที่ 10 พ.ย. เอเอฟพีรายงานว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศของสหรัฐอเมริกา หรือนาซา เผยแพร่ข้อมูลปรากกฏการณ์พระจันทร์เต็มดวงขนาดใหญ่กว่าปกติ หรือซูเปอร์มูน จากการที่ดวงจันทร์โคจรใกล้โลกมากที่สุด หรือจุดโคจรเพริจี ว่าจะเกิดขึ้นเต็มที่ในเวลา 13.52 น. ในวันจันทร์ที่ 14 พ.ย.นี้ ตามเวลามาตรฐานสากล (หรือตรงกับคืนเทศกาลลอยกระทง เวลา 20.52 น. ตามเวลาประเทศไทย)
นับเป็นการโคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบ 68 ปี มีระยะห่างไปจากโลกเพียง 356,509 กิโลเมตร ถือเป็นระยะทางที่น้อยที่สุดจากโลกนับตั้งแต่ปี 2491
ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นเป็นระยะเวลาราว 2 ชั่วโมง ดวงจันทร์จะมีขนาดใหญ่กว่าปกติราวร้อยละ 14 และสว่างกว่าปกติราวร้อยละ 30 เมื่อสังเกตด้วยตาเปล่า เนื่องจากตำแหน่งโคจรของโลก (และดวงจันทร์) อยู่ในช่วงขาเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ซึ่งจะใกล้ที่สุดในวันที่ 4 ม.ค. 2560
นอกจากนี้ นักดาราศาสตร์ระบุว่า หากช่วงเวลาที่เกิดขึ้นของซูเปอร์มูนตรงกับเส้นขอบฟ้าในบางประเทศ ก็จะยิ่งทำให้ดวงจันทร์แลดูมีขนาดใหญ่มากขึ้นไปอีก เนื่องจากปรากฏการณ์ภาพลวงตา หรือออพติคัลอิลูชั่น
ที่มา :
____________________
เครดิต : https://www.khaosod.co.th/sci-tech/news_94172
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
เคยอยากลองควบคุมความฝันของตัวเองเหมือนกับในหนังเรื่อง Inception กันบ้างหรือเปล่า? เชื่อว่าใครหลายคนคงอยากหลับตาลงแล้วโลดแล่นไปกับประสบการณ์ Lucid Dreams สักครั้ง ซึ่งเคยมีเสียงเล่าลือกันมาว่าจริงๆ แล้วการควบคุมความฝันไม่ใช่เรื่องยากเลย แค่ต้องมีสติระหว่างฝันก็เท่านั้นเอง แต่ดูเหมือนว่าวิธีการด้านต้นอาจใช้ไม่ได้กับทุกคน แถมบางครั้งเราดันเผลอตื่นกลางความฝันเมื่อรู้ตัวว่าฝันอยู่ซะอีก แต่ในวันนี้เราอาจจะได้สัมผัสประสบการณ์โลกความฝันที่ควบคุมได้ดั่งใจนึกด้วยอุปกรณ์เสริมบางอย่างกันแล้วครับ
เมื่อไม่นานมานี้เกิดโปรเจ็กต์หนึ่งบนเว็บไซต์ Kickstarter ซึ่งได้ทำการนำเสนอสายรัดหัวรุ่นหนึ่งภายใต้ชื่อ iBand+ ที่ทางผู้พัฒนาระบุว่าสามารถตรวจจับคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) ได้แม่นยำระดับเดียวกับการทดลองในห้องแล็ปเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งเซ็นเซอร์แบบพิเศษที่จะช่วยตรวจจับสุขภาพเพื่อวัดการเคลื่อนไหวของร่างกาย, อัตราการเต้นของหัวใจ และอุณหภูมิภายใน นอกจากนี้ยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสมองและร่างกายต่อหนึ่งรอบการนอนด้วยอัลกอริทึมซอฟท์แวร์ที่เรียนรู้ได้เอง และจะปรับแต่งคลื่นเสียงให้เหมาะสมเพื่อให้เราสามารถเข้าสู่ระยะการนอนหลับได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือสามารถ เร่งให้เกิดปฏิกริยา Lucid Dream หรือฝันที่ควบคุมได้อีกด้วย
โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้ว ความฝันจะเกิดขึ้นเมื่อเราอยู่ในสภาวะ REM Sleep (Rapid Eye Movement Sleep) ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายมีเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการทำงานขึ้นและมีการกรอกลูกตาไปมาอย่างรวดเร็ว ในระหว่างที่เราอยู่ภายใต้ระยะ REM นี้ ผู้พัฒนาระบุว่า ร่างกายส่วนมากจะขาดการติดต่อกับสมองส่งผลให้กล้ามเนื้อไม่สามารถเคลื่อนไหวต่อไปได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงไม่สามารถควบคุมความฝันตามใจนึกได้นั่นเอง แต่ iBand+ สามารถช่วยเราให้คุมความฝันได้ ด้วยความพิเศษในการตรวจจับคลื่นสมองซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การเข้าสู่สภาวะ Lucid Dream
iBand+ เริ่มวางจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ Kickstarter แหล่งรวมโปรเจ็กต์สำหรับนักพัฒนาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยหากสนับสนุนผู้พัฒนาเป็นจำนวนเงินเริ่มต้นที่ 129 ยูโร หรือราว 4,900 บาท ก็จะได้รับเซ็ต iBand+ ไปแบบครบชุดโดยทันที โดยจะสามารถเริ่มส่งสินค้าถึงมือเราได้ทุกที่บนโลกได้ภายในช่วงเดือนกรกฎาคมปีหน้าที่กำลังจะถึงนี้ สำหรับใครที่สนใจอยากทดลองเล่นจริงๆ คงต้องรีบหน่อยเพราะทางผู้พัฒนาเองก็ใกล้ปิดรับเงินระดมทุน ซึ่งหากไม่ทันรอบนี้คงต้องอดใจรอรอบหน้ากันอีกครั้ง อย่างไรก็ตามสินค้าที่วางจำหน่ายด้านต้นก็ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าจะใช้ได้จริงหรือไม่ ซึ่งผู้ใช้งานบางส่วนที่ร่วมสนับสนุนและสั่งจองก็มีความเห็นไปในทางสงสัย รวมถึงความกังวลต่อปัญหาบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นหากควบคุมความฝันได้ซึ่งเป็นเรื่องที่ขัดต่อธรรมชาติ
REM-Dreamer |
โดยก่อนหน้านี้ก็เคยมีสินค้าในลักษณะเดียวกันวางจำหน่ายผ่าน Amazon ในชื่อ REM-Dreamer ซึ่งผู้ใช้ที่ได้ทำการซื้อไปได้กลับมารีวิวว่า บางครั้งหน้ากากที่สวมใส่ขณะนอนหลับก็ไม่ได้สามารถช่วยให้ควบคุมความฝันได้เสมอไปและอาจต้องมีเทคนิคบางอย่างเพื่อให้เข้าสู่สภาวะ Lucid Dream อีกด้วย ส่วน iBand+ จะช่วยให้เราควบคุมความฝันได้ต่างจากอุปกรณ์ชนิดอื่นได้หรือไม่นั้น คงต้องรอการยืนยันจากผู้ใช้งานอีกครั้ง สำหรับใครที่สนใจ iBand+ และต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ลิงก์เว็บไซต์ด้านล่างครับ
ที่มา : http://www.techmoblog.com/iband-eeg-headband-helps-you-experience-lucid-dream/
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง : KICKSTARTER
________________________________
ช็อกสะท้านวงการ !! นักวิทย์ฯผวา จับสัญญาณประหลาดจากต่างดาว 234 ดวง!! ยิ่งรู้ที่มา..ถึงกับอึ้งยกทีม!! ปริศนา "สิ่งมีชีวิตนอกโลก" ใกล้ถูกเปิดเผย !!!?
วันนี้ (31 ต.ค. 2559) เกิดเรื่องสะเทือนวงการดาราศาสตร์จนกลายเป็นกระแสฮือฮาไปทั่วโลกอีกครั้ง เมื่อ เออร์แมนโน บอร์รา และอีริค ทร็อตเทียร์ นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยลาวาล ในประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการสำรวจท้องฟ้าด้วยกล้องสโลน ดิจิทัล สกาย เซอร์เวย์ (Sloan Digital Sky Survey - SDSS)
เผยว่า มีการตรวจพบแสงลึกลับ ลักษณะคล้ายแสงแฟลชจากดาว 234 ดวง ซึ่งคาดว่าจะเป็นสัญญาณจากมนุษย์ต่างดาวที่พยายามติดต่อกับโลก
ซึ่งหลังจากพบสัญญาณดังกล่าว เหล่านักดาราศาสตร์ได้วิเคราะห์สัญญาณจากดาวทั้งหมด 2.5 ล้านดวง และพบว่ามาจากดาว 234 ดวงที่กล่าวมาข้างต้น คาดว่าเป็นสัญญาณจากมนุษย์ต่างดาวที่พยายามติดต่อสื่อสารกับโลก ก่อนจะสรุปและตีพิมพ์การค้นคว้าของตนลงในนิตยสารฟิสิกส์ต่อไป โดยนักดาราศาสตร์ยืนยันว่า
อย่างไรก็ตาม เออร์แมนโน และอีริค ยังระบุด้วยว่า แม้สัญญาณดังกล่าวจะใกล้เคียงกับสิ่งที่พวกตนสงสัย ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารจากต่างดาว แต่ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน เนื่องจากยังมีคำอธิบายเหตุผลของความเป็นไปได้อื่นๆด้วย เช่น อาจเป็นไปได้ว่าสัญญาณเหล่านี้เกิดจากการหมุนของโมเลกุล หรือเกิดจากการตกกระทบกันอย่างรวดเร็วในอวกาศ ซึ่งการพบค้นพบดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการยืนยันในขั้นตอนสุดท้ายที่ทุกๆคนต่างลุ้นระทึกไปพร้อมๆกันถึงความจริงที่กำลังจะปรากฏชัดออกมา
ที่มา : hxxp://inter.news-lifestyle.com/contents/160120/
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
Sloan Digital Sky Survey - SDSS |
ซึ่งหลังจากพบสัญญาณดังกล่าว เหล่านักดาราศาสตร์ได้วิเคราะห์สัญญาณจากดาวทั้งหมด 2.5 ล้านดวง และพบว่ามาจากดาว 234 ดวงที่กล่าวมาข้างต้น คาดว่าเป็นสัญญาณจากมนุษย์ต่างดาวที่พยายามติดต่อสื่อสารกับโลก ก่อนจะสรุปและตีพิมพ์การค้นคว้าของตนลงในนิตยสารฟิสิกส์ต่อไป โดยนักดาราศาสตร์ยืนยันว่า
"จากการเปรียบเทียบสัญญาณดังกล่าวของดาว 234 ดวง กับดวงอาทิตย์ พบว่าเป็นไปได้ว่าสัญญาณเหล่านั้นจะมาจากมนุษย์ต่างดาว"
อย่างไรก็ตาม เออร์แมนโน และอีริค ยังระบุด้วยว่า แม้สัญญาณดังกล่าวจะใกล้เคียงกับสิ่งที่พวกตนสงสัย ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารจากต่างดาว แต่ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน เนื่องจากยังมีคำอธิบายเหตุผลของความเป็นไปได้อื่นๆด้วย เช่น อาจเป็นไปได้ว่าสัญญาณเหล่านี้เกิดจากการหมุนของโมเลกุล หรือเกิดจากการตกกระทบกันอย่างรวดเร็วในอวกาศ ซึ่งการพบค้นพบดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการยืนยันในขั้นตอนสุดท้ายที่ทุกๆคนต่างลุ้นระทึกไปพร้อมๆกันถึงความจริงที่กำลังจะปรากฏชัดออกมา
ที่มา : hxxp://inter.news-lifestyle.com/contents/160120/
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________