3 เหตุผลที่นักวิชาการไม่เชื่อว่าการย้อนเวลามีอยู่จริง
นับได้ว่าเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันมาอย่างยาวนานว่าการเดินทางข้ามเวลานั้นมีจริงหรือไม่ ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ต่างงัดเอาหลักฐานมาโต้แย้งอีกฝั่งหนึ่งกันอยู่เนืองๆ ซึ่งในบทความนี้เราจะพาไปชมเหตุผลจากนักวิชาการที่เชื่อกันว่าการย้อนเวลากลับมาล้วนไม่มีอยู่จริง โดยจะมีเหตุผลอะไรบ้างนั้น ไปชมกันได้เลย1.อนาคตนั้นไม่มีอยู่จริง
เหตุผลในข้อแรกก็คือว่าจริงๆแล้วโลกเราตอนนี้ไม่ได้มีอนาคตอยู่เลย เพราะสิ่งที่ทำให้เราเชื่อว่ามีอนาคตอยู่นั้นก็มาจากเวลาซึ่งเป็นสิ่งที่เราสมมติขึ้นมาเอง โดยในความเป็นจริงแล้วโลกก็มีอยู่เพียงแค่ในปัจจุบันและจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆเท่านั้น ไม่ได้มีอนาคตในอีก 10 นาที 10 วัน หรือแม้แต่ 10 ปีอยู่เลย
2.ยังไม่เคยมีใครกลับมาหาเรา
เหตุผลในข้อต่อมาก็เป็นเรื่องที่ถูกหยิบยกมาโต้แย้งอยู่เสมอสำหรับการข้ามเวลา เพราะถ้าหากมีการข้ามเวลาอยู่จริงๆทำไมยังไม่มีใครที่อยู่ในอนาคตได้ย้อนกลับมาหาเราสักที หรือไม่แม้แต่จะมีหลักฐานที่เคยปรากฏให้เห็นและพิสูจน์ได้อย่างแน่ชัดเลย3.มีอยู่แต่ในทฤษฏีเท่านั้น
เหตุผลสุดท้ายก็มาจากนักฟิสิกส์ทั้งหลายที่ได้พูดถึงการย้อนเวลาไว้ว่ามันเหมือนกับการเอาทฤษฏีมาพูดแต่เพียงเท่านั้น แถมยังเป็นแค่การเอาทฤษฏีบางส่วนมาตีความให้ในมุมมองที่ไม่สามารถเกินขึ้นได้จริงๆ หรือไม่ได้มีการพิสูจน์อ้างอิงที่แน่นอน ทำให้การย้อนเวลานั้นยังไม่อาจเป็นไปได้ในยุคที่เรามีองค์ความรู้และมีข้อจำกัดแบบนี้แน่นอนแหม่...สำหรับทั้งสามเห็นผลนี้ก็คงจะดับฝันใครต่อใครได้เยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นฝันที่อยากย้อนกลับไปแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีต หรือฝันที่จะรวยทางลัดอย่างการย้อนกับไปเดิมพันในคาสิโนมือถือ ที่เรารู้ผลไว้อยู่แล้ว แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ นอกจากนี้บนโลกของเรายังคงมีเรื่องราวอีกมากมายที่เป็นปริศนาลึกลับ รอให้มนุษย์เข้าไปค้นหา
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
หนึ่งในการค้นพบแห่งประวัติศาสตร์!!
การร่วมมือกันของนักสำรวจจากเยอรมนีและอียิปต์ได้ทำให้พวกเขาได้ค้นพบวัตถุสำคัญทางประวัติศาสตร์ชิ้นใหม่ ซึ่งพวกเขาคาดเดาว่าวัตถุชิ้นนี้จะมาอายุมากถึง 3,000 ปีเลยทีเดียว
การค้นพบนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านที่ย่านสลัมอันรู้จักกันในชื่อ Matariya ในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ โดยสิ่งที่พวกขุดเจอนั่นก็คือรูปปั้นฟาโรห์ที่มีขนาดสูงถึง 8 เมตร
ภาพของนักสำรวจที่กำลังตรวจสอบชิ้นส่วนของรูปปั้นที่พวกเขาเจอ |
ตัวรูปปั้นที่พบเห็นนั้นอยู่ในสภาพแตกหัก มันถูกสร้างด้วยหินควอตไซต์ ซึ่งทำให้พวกเข้าค้นพบรูปปั้นชิ้นอื่นๆ ตามมา และหากสำรวจบริเวณนี้ได้เรียบร้อย รูปปั้นเหล่านี้จะถูกนำไปจัดแสดงใน Grand Egyptian Museum พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ที่จะสร้างเสร็จในปี 2018
ตรงส่วนนี้น่าจะเป็นฐานที่มีข้อความบ่งบอกถึงอะไรสักอย่าง |
หลังจากการสำรวจเบื้องต้น พวกเขาคาดเดาว่ารูปปั้นนี้น่าจะเป็นรูปปั้นของฟาโรห์ Ramses II ซึ่งเป็นฟาโรห์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่มีฟาโรห์มาทุกพระองค์เลยทีเดียว
เชื่อกันว่าเขาเป็นคนสร้าง Heliopolis (และกลายมาเป็น Matariya ในปัจจุบัน) การขุดค้นครั้งนี้ถือเป็นอีกครั้งสำคัญที่สุดแห่งประวัติศาสตร์ เพราะทำให้พวกเราทราบถึงประวัติศาสตร์อียิปต์มากยิ่งขึ้น
ส่วนตัวของรูปปั้นที่แตกหัก |
ที่มา : hxxp://www.catdumb.com/3000-year-old-statue-discovered-pharaoh-ramses-ii/
____________________
เครดิต : catdumb.com
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
ระบบสุริยะ Trappist-1 |
มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีโอกาสค้นพบมนุษย์ต่างดาว
เมื่อคืนวาน 22 ก.พ. 60 นาซ่า (NASA) ได้ประกาศการค้นพบครั้งสำคัญ ว่าพบระบบสุริยะที่มีดาวเคราะห์ขนาดเดียวกับโลกถึง 7 ดวง โคจรรอบดาวฤกษ์ และมี 3 ดวงที่อยู่ในตำแหน่งที่สิ่งมีชีวิตสามารถอาศัยอยู่ได้ (habitable zone คือไม่ใกล้หรือไกลจากดาวฤกษ์มากเกินไป)
The Trappist robotic telescope at La Silla, Chile |
การค้นพบครั้งนี้มาจากการศึกษาวิจัยด้วยกล้องโทรทรรศน์สำหรับสำรวจอวกาศตั้งอยู่ในประเทศชิลี พบกลุ่มดาวดังกล่าวอยู่ห่างออกไป 40 ปีแสงในกลุ่มดาวราศีกุมภ์ (constellation Aquarius) ดาวทั้ง 7 โคจรรอบดาวฤกษ์ดวงเดียว NASA ตั้งระบบสุริยะนี้ว่า TRAPPIST-1 และตั้งชื่อดาวเคราะห์ทั้ง 7 ดวงตามตัวอักษร b-h
TRAPPIST-1 อยู่ห่างจากโลก 40 ปีแสงหรือ 235 ล้านล้านไมล์ ถือว่าค่อนข้างใกล้กับโลก ส่วนดาวฤกษ์ของ TRAPPIST-1 ถือเป็นดาวแคระ (dwarf planet) ที่อุณหภูมิเย็น (ultra-cool) เมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์ของเรา ดาวเคราะห์ทั้ง 7 ดวงโคจรอยู่ใกล้ดาวฤกษ์มาก (ใกล้กว่าวงโคจรของดาวพุธ) และถ้ายืนอยู่บนดาวเคราะห์ดวงใดดวงหนึ่ง เราสามารถเห็นดาวดวงที่ติดกันด้วยตาเปล่า
เทียบขนาดของโลก กับดาว ในระบบ TRAPPIST-1 |
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบขนาดของดาวในระบบ TRAPPIST-1 มีขนาดใกล้เคียงกับโลกมากๆ และมี 3 ดวงอยู่ในข่ายที่จะมีน้ำ และอาจมีสิ่งมีชีวิตอยู่
“เราอยู่ในขั้นที่ลุ้นมากสำหรับการค้นหาว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่นั่นหรือไม่ เพราะโอกาสของดาวที่มีขนาดใกล้เคียงกับโลกในกาแล็กซีทางช้างเผือกจำนวนมากจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่หรือไม่นั้นยากจะหยั่งรู้ได้ ผมคาดหวังว่าเราจะได้คำตอบในอีกสิบปีข้างหน้า” อโมรี ตริโอด์ นักวิจัยหัวหน้าทีมชาวเบลเยียมจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ กล่าว
ภาพจำลองว่าดาวแทร็ปพิสต์อาจมีสภาพแวดล้อมพื้นผิวเป็นแบบนี้ (NASA/JPL-Caltech via AP) |
ชมภาพจำลองพื้นผิว ดาวเคราะห์ d ของ TRAPPIST-1 แบบ 360 องศา โดย NASA
ที่มา : NASA
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
ดวงจันทร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะจักรวาล นั่นคือ ”แกนีมีด” (Ganymede)
ดาวเคราะห์บริวารของดาวพฤหัสบดี ที่ครั้งหนึ่งนักดาราศาสตร์ของนาซาออกมายืนยันว่าดวงจันทร์แกนีมีดมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่อย่างแน่นอน
ดวงจันทร์แกนีมีด เป็นดวงจันทร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง และมีพลังสนามแม่เหล็กสูง พื้นผิวของดวงจันทร์แกนีมีดแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาอย่างซับซ้อนและยาวนาน หากสังเกตให้ดีจะพบว่าดวงจันทร์แกนีมีดมีลักษณะคล้ายคลึงกับดวงจันทร์ของโลก
แกนีมีดถูกค้นพบครั้งแรกโดย ”กาลิเลโอ กาลิเลอี” นักดาราศาสตร์ชาวอิตาลี เมื่อวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 1610 โดยตั้งชื่อตามเทพเจ้ากรีกโบราณ
ในปี ค.ศ. 2015 องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือนาซา ได้ออกมารายงานว่าบนดวงจันทร์แกนีมีดมีมหาสมุทรขนาดใหญ่ซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นผิวน้ำแข็ง โดยนาซากล่าวว่าปริมาณน้ำในมหาสมุทรของดวงจันทร์แกนีมีดมีปริมาณมากกว่าน้ำทั้งหมดของโลกรวมกันเสียอีก
ผลการยืนยันครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการสำรวจโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮัมเบิล รวมถึงข้อมูลจากยานสำรวจกาลิเลโอ ที่ถูกส่งไปสำรวจดาวพฤหัสบดีเมื่อปี ค.ศ. 1995 ที่พบว่าดวงจันทร์แกนีมีดอาจมีสนามแม่เหล็กและมีแรงดึงดูดคล้ายคลึงกับโลกของเรา
นอกจากนี้ นาซายังกล่าวว่ามหาสมุทรที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นผิวน้ำแข็งนั้น อาจมีความลึกมากกว่ามหาสมุทรบนโลกราว 10 เท่า และอยู่ใต้พื้นน้ำแข็งที่หนากว่า 150 กิโลเมตร แต่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถยืนยันอุณหภูมิของน้ำ แต่เชื่อว่ามันอาจอบอุ่นพอให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้
ที่มา : SpokeDark.TV
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________