“ฮิตเลอร์” เคยสั่งสร้าง “จานบิน” โจมตีอังกฤษ-สหรัฐฯ
เอเจนซี - ขณะที่กองทัพนาซีเริ่มแตกพ่ายทั้งที่เมืองสตาลินกราดและแอฟริกาเหนือ ผู้นำเผด็จการ “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์” ยังหวังพลิกสถานการณ์ โดยสั่งทีมนักวิทยาศาสตร์สร้าง “สุดยอดอาวุธ” ซึ่งจะนำชัยชนะมาให้แก่ฝ่ายอักษะ
แม้อาวุธบางชนิด เช่น จรวด วี2 และ เครื่องบินขับไล่รุ่นแรกๆของโลก จะถูกนำมาใช้ต่อสู้กับฝ่ายสัมพันธมิตร แต่ก็สายเกินไปที่จะยับยั้งความพ่ายแพ้แก่กองทัพนาซี
นอกจากนี้ ยังมีอาวุธอื่นๆที่ “เหนือจินตนาการ” เสียจนไม่ผ่านขั้นตอนการวางแผน และ “จานบิน” ที่ใช้ทิ้งระเบิดในลอนดอนและนิวยอร์ก ก็อาจเป็นหนึ่งในนั้น
อย่างไรก็ตาม วันนี้มีคำยืนยันออกมาว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์ของฮิตเลอร์เคยออกแบบอากาศยานที่มีรูปร่างคล้าย “จานบิน” และสามารถพัฒนาถึงขั้นสร้าง “ต้นแบบ” ที่ใช้บินได้จริงมาแล้ว
รายงานจากนิตยสารด้านวิทยาศาสตร์ พีเอ็ม ของเยอรมนี ระบุว่า โครงการดังกล่าวอยู่ภายใต้การควบคุมของ ฮานส์ แคมม์เลอร์ และประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการทดลองต้านแรงโน้มถ่วงของโลก
รายงานดังกล่าวอ้างคำบอกเล่าของพยานซึ่งเชื่อว่าตนเคยเห็น “จานบิน” ที่มีสัญลักษณ์กางเขนเหล็กของกางทัพนาซี บินในระดับต่ำเหนือแม่น้ำเทมส์เมื่อปี 1944
ในช่วงเวลาเดียวกัน นิวยอร์ก ไทม์ส เคยลงบทความเกี่ยวกับ “จานบินปริศนา” และลงภาพถ่ายวัตถุดังกล่าวขณะบินผ่านตึกระฟ้าในนครนิวยอร์กด้วยความเร็วสูง
พีเอ็ม ระบุว่า กองทัพนาซีทำลายบันทึกการทดลองทางวิทยาศาสตร์ไปเป็นจำนวนมาก แต่ในปี 1960 ผู้เชี่ยวชาญด้านยูเอฟโอในแคนาดาได้ทดลองสร้างวัตถุดังกล่าวขึ้นใหม่ และพบว่ามันสามารถ “บินได้จริง”
ภาพที่อ้างว่าเป็นจานบินต้นแบบของนาซี ซึ่งถูกเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต
โครงการดังกล่าวของนาซีมีชื่อว่า “ชรีเวอร์-ฮาแบร์โมล” ทำการทดลองในกรุงปรากระหว่างปี 1941-1943 โดยมีรูดอล์ฟ ชรีเวอร์ เป็นวิศวกรและนักบินทดลอง และ ออตโต ฮาแบร์โมล เป็นวิศวกรคนที่ 2
ชรีเวอร์-ฮาแบร์โมล ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ ฮิตเลอร์ สั่งให้ แฮร์มานน์ กอริง ผู้บัญชาการกองทัพอากาศของนาซี สร้าง “สุดยอดอาวุธ” ขึ้น โดยในระยะแรกเป็นเพียงการสร้างเครื่องบินทิ้งระเบิดลุฟท์วาฟฟ์ แต่ต่อมาในปี 1944 โครงการดังกล่าวตกอยู่ในความดูแลของ แคมม์เลอร์ ซึ่งคิดสร้างอาวุธชนิดใหม่ที่มีรูปร่างคล้ายกับ “จานบิน”
โจเซฟ แอนเดรียส์ วิศวกรคนหนึ่งของโครงการเปิดเผยว่า กองทัพนาซีสร้างจานบินต้นแบบไว้ถึง 15 ลำ โดยห้องนักบินจะอยู่ส่วนกลางของตัวเครื่อง และมีปีกที่ปรับหมุนได้แผ่ออกเป็นวงกลม ซึ่งช่วยให้เครื่องสามารถลอยขึ้นได้
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง นักวิทยาศาสตร์ของนาซีได้เข้าร่วมโครงการทดลองด้านอวกาศของสหรัฐฯเป็นจำนวนมาก
อิกอร์ วิตคอว์สกี อดีตนักข่าวและนักประวัติศาสตร์การทหารชาวโปแลนด์ เขียนในหนังสือ "Prawda O Wunderwaffe" ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2000 ว่า กองทัพนาซีเคยสร้างเครื่องบินลักษณะคล้ายระฆังคว่ำ และ ฮิตเลอร์ สั่งให้รวบรวมนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรมาช่วยงานกองทัพเป็นจำนวนมาก
วัตถุรูปร่างคล้ายจานบินยูเอฟโอ ที่อดีตนักข่าวชาวโปแลนด์และนักประวัติศาสตร์การทหารอ้างว่ากองทัพนาซีเป็นผู้สร้างขึ้น
ภาพวาดจำลองเหตุการณ์ขณะมีผู้พบเห็นจานบินของนาซีลอยในระดับต่ำเหนือท้องฟ้ากรุงลอนดอนเมื่อปี 1944
ฮิตเลอร์มุ่งมั่นจะสร้างอาณาจักรไรช์ที่ 3 ให้อยู่ได้นานถึง 1,000 ปี เพื่อสนองความใฝ่ฝันที่แสนสวย เขามีโครงการสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ชนิดพิเศษหลายโครงการ เช่น จานบินขึ้นลงตามแนวดิ่งที่สามารถบินได้เร็วเหนือเสียง, จรวดนำวิถียิงจากระยะไกล, เครื่องบินทิ้งระเบิดสมรรถนะสูง และระเบิดปรมาณู เป็นต้น ฮิตเลอร์สามารถทำโครงการได้สำเร็จเพียงบางโครงการเท่านั้น อาณาจักรไรช์ที่ 3 ของเขาก็ล่มสลายลงภายในระยะเวลาอันสั้นเมื่อกองทัพรัสเซียบุกเข้ายึดกรุง เบอร์ลิน
ก่อนที่ฮิตเลอร์จะยิงตัวตาย เขามีคำสั่งให้หน่วยเอสเอสทำลายโครงการที่เขาได้ทำสำเร็จแล้วให้สิ้นซาก เพื่อไม่ให้รัสเซียนำพิมพ์เขียวจากโครงการของเขาไปใช้ประโยชน์ อย่างไรก็ดี เมื่อคนของเอสเอสได้นำพิมพ์เขียวและจานบินทั้งหมดเผาทำลายที่กลางลานสนามบิน ปราก-จีเบลล์ ทหารรัสเซียสามารถยึดจานบินเครื่องต้นแบบได้หนึ่งลำ ส่วนโครงการจรวด วี2 และแบบพิมพ์เขียวก็ถูกทหารรัสเซียยึดเอาไปพัฒนาเป็นจรวดสกัด (SCUD) ขีปนาวุธนำวิถีที่ทำให้สหรัฐอเมริกากลัวจนขนหัวลุก เกิดวิกฤติที่เกือบก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 เมื่อรัสเซียแอบนำจรวดสกัดไปติดตั้งจ่อจมูกสหรัฐอเมริกาไว้ที่คิวบาในสมัย ประธานาธิบดีเคเนดีซึ่งเป็นคนหนุ่มรูปหล่อและมีอายุน้อยที่สุดในบรรดา ประธานาธิบดีทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา เขาได้ยื่นคำขาดต่อรัสเซียให้ถอนจรวดสกัดออกไปจากคิวบาภายใน 24 ชั่วโมง มิฉะนั้นสหรัฐอเมริกาจะใช้ระเบิดปรมาณูถล่มรัสเซียให้แหลกลาญทันที รัสเซียยอมถอนจรวดสกัดกลับเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม และนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ฟิเดล คัสโตร ผู้นำคิวบาก็กลายเป็นคู่แค้นของสหรัฐอเมริกาจนมีการทำลายล้างกันหลายครั้ง หลายหน แต่คัสโตรก็รอดตายมาจนถึงวันนี้ และเขาได้ยุติบทบาททางการเมืองโอนอำนาจบริหารให้กับน้องชายหลายปีแล้ว
จรวดสกัดของรัสเซียเป็นขีปนาวุธระยะไกลของค่ายคอมมิวนิสต์ในยุคสงครามเย็น เมื่อคอมมิวนิสต์ล่มสลายลงหลายประเทศได้นำจรวดสกัดมาพัฒนาจนมีประสิทธิภาพ สูงสามารถยิงไปได้ไกลมากขึ้น เช่น เกาหลีเหนือได้พัฒนาจนสามารถยิงจรวดสกัดไปถึงสหรัฐอเมริกา ซึ่งผมจะนำเรื่องจรวดสกัดของจริงที่ยิงจากกรุงแบกแดดไปยังกรุงริยาดในสงคราม อ่าวเปอร์เซียมาเล่าในเรื่องพาไปชมซาอุดิอาระเบีย หลังจากจบอนุกรมเรื่องพาไปชมเยอรมัน
โครงการจานบินเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1941 โดยนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญของเยอรมัน 3 คน คือ Schriever, Habermohl, Miethe และวิศวกรจากอิตาลีอีก 1 คน คือ Bellonzo เมื่อสงครามยุติลง กองทัพสหรัฐอเมริกาได้นำตัว Schriever และ Miethe ไปเป็นนักโทษในค่ายกักกันที่สหรัฐอเมริกาเพื่อทำงานเกี่ยวกับจานบินภายใต้ ชื่อว่า Operation Paperclip ส่วน Habermohl หน่วยข่าวกรองทางทหารสหรัฐอเมริกาได้รายงานว่าถูกรัสเซียจับตัวไป
เอเจนซี - ขณะที่กองทัพนาซีเริ่มแตกพ่ายทั้งที่เมืองสตาลินกราดและแอฟริกาเหนือ ผู้นำเผด็จการ “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์” ยังหวังพลิกสถานการณ์ โดยสั่งทีมนักวิทยาศาสตร์สร้าง “สุดยอดอาวุธ” ซึ่งจะนำชัยชนะมาให้แก่ฝ่ายอักษะ
แม้อาวุธบางชนิด เช่น จรวด วี2 และ เครื่องบินขับไล่รุ่นแรกๆของโลก จะถูกนำมาใช้ต่อสู้กับฝ่ายสัมพันธมิตร แต่ก็สายเกินไปที่จะยับยั้งความพ่ายแพ้แก่กองทัพนาซี
นอกจากนี้ ยังมีอาวุธอื่นๆที่ “เหนือจินตนาการ” เสียจนไม่ผ่านขั้นตอนการวางแผน และ “จานบิน” ที่ใช้ทิ้งระเบิดในลอนดอนและนิวยอร์ก ก็อาจเป็นหนึ่งในนั้น
อย่างไรก็ตาม วันนี้มีคำยืนยันออกมาว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์ของฮิตเลอร์เคยออกแบบอากาศยานที่มีรูปร่างคล้าย “จานบิน” และสามารถพัฒนาถึงขั้นสร้าง “ต้นแบบ” ที่ใช้บินได้จริงมาแล้ว
รายงานจากนิตยสารด้านวิทยาศาสตร์ พีเอ็ม ของเยอรมนี ระบุว่า โครงการดังกล่าวอยู่ภายใต้การควบคุมของ ฮานส์ แคมม์เลอร์ และประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการทดลองต้านแรงโน้มถ่วงของโลก
รายงานดังกล่าวอ้างคำบอกเล่าของพยานซึ่งเชื่อว่าตนเคยเห็น “จานบิน” ที่มีสัญลักษณ์กางเขนเหล็กของกางทัพนาซี บินในระดับต่ำเหนือแม่น้ำเทมส์เมื่อปี 1944
ในช่วงเวลาเดียวกัน นิวยอร์ก ไทม์ส เคยลงบทความเกี่ยวกับ “จานบินปริศนา” และลงภาพถ่ายวัตถุดังกล่าวขณะบินผ่านตึกระฟ้าในนครนิวยอร์กด้วยความเร็วสูง
พีเอ็ม ระบุว่า กองทัพนาซีทำลายบันทึกการทดลองทางวิทยาศาสตร์ไปเป็นจำนวนมาก แต่ในปี 1960 ผู้เชี่ยวชาญด้านยูเอฟโอในแคนาดาได้ทดลองสร้างวัตถุดังกล่าวขึ้นใหม่ และพบว่ามันสามารถ “บินได้จริง”
ภาพที่อ้างว่าเป็นจานบินต้นแบบของนาซี ซึ่งถูกเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต
โครงการดังกล่าวของนาซีมีชื่อว่า “ชรีเวอร์-ฮาแบร์โมล” ทำการทดลองในกรุงปรากระหว่างปี 1941-1943 โดยมีรูดอล์ฟ ชรีเวอร์ เป็นวิศวกรและนักบินทดลอง และ ออตโต ฮาแบร์โมล เป็นวิศวกรคนที่ 2
ชรีเวอร์-ฮาแบร์โมล ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ ฮิตเลอร์ สั่งให้ แฮร์มานน์ กอริง ผู้บัญชาการกองทัพอากาศของนาซี สร้าง “สุดยอดอาวุธ” ขึ้น โดยในระยะแรกเป็นเพียงการสร้างเครื่องบินทิ้งระเบิดลุฟท์วาฟฟ์ แต่ต่อมาในปี 1944 โครงการดังกล่าวตกอยู่ในความดูแลของ แคมม์เลอร์ ซึ่งคิดสร้างอาวุธชนิดใหม่ที่มีรูปร่างคล้ายกับ “จานบิน”
โจเซฟ แอนเดรียส์ วิศวกรคนหนึ่งของโครงการเปิดเผยว่า กองทัพนาซีสร้างจานบินต้นแบบไว้ถึง 15 ลำ โดยห้องนักบินจะอยู่ส่วนกลางของตัวเครื่อง และมีปีกที่ปรับหมุนได้แผ่ออกเป็นวงกลม ซึ่งช่วยให้เครื่องสามารถลอยขึ้นได้
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง นักวิทยาศาสตร์ของนาซีได้เข้าร่วมโครงการทดลองด้านอวกาศของสหรัฐฯเป็นจำนวนมาก
อิกอร์ วิตคอว์สกี อดีตนักข่าวและนักประวัติศาสตร์การทหารชาวโปแลนด์ เขียนในหนังสือ "Prawda O Wunderwaffe" ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2000 ว่า กองทัพนาซีเคยสร้างเครื่องบินลักษณะคล้ายระฆังคว่ำ และ ฮิตเลอร์ สั่งให้รวบรวมนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรมาช่วยงานกองทัพเป็นจำนวนมาก
วัตถุรูปร่างคล้ายจานบินยูเอฟโอ ที่อดีตนักข่าวชาวโปแลนด์และนักประวัติศาสตร์การทหารอ้างว่ากองทัพนาซีเป็นผู้สร้างขึ้น
ภาพวาดจำลองเหตุการณ์ขณะมีผู้พบเห็นจานบินของนาซีลอยในระดับต่ำเหนือท้องฟ้ากรุงลอนดอนเมื่อปี 1944
ฮิตเลอร์มุ่งมั่นจะสร้างอาณาจักรไรช์ที่ 3 ให้อยู่ได้นานถึง 1,000 ปี เพื่อสนองความใฝ่ฝันที่แสนสวย เขามีโครงการสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ชนิดพิเศษหลายโครงการ เช่น จานบินขึ้นลงตามแนวดิ่งที่สามารถบินได้เร็วเหนือเสียง, จรวดนำวิถียิงจากระยะไกล, เครื่องบินทิ้งระเบิดสมรรถนะสูง และระเบิดปรมาณู เป็นต้น ฮิตเลอร์สามารถทำโครงการได้สำเร็จเพียงบางโครงการเท่านั้น อาณาจักรไรช์ที่ 3 ของเขาก็ล่มสลายลงภายในระยะเวลาอันสั้นเมื่อกองทัพรัสเซียบุกเข้ายึดกรุง เบอร์ลิน
ก่อนที่ฮิตเลอร์จะยิงตัวตาย เขามีคำสั่งให้หน่วยเอสเอสทำลายโครงการที่เขาได้ทำสำเร็จแล้วให้สิ้นซาก เพื่อไม่ให้รัสเซียนำพิมพ์เขียวจากโครงการของเขาไปใช้ประโยชน์ อย่างไรก็ดี เมื่อคนของเอสเอสได้นำพิมพ์เขียวและจานบินทั้งหมดเผาทำลายที่กลางลานสนามบิน ปราก-จีเบลล์ ทหารรัสเซียสามารถยึดจานบินเครื่องต้นแบบได้หนึ่งลำ ส่วนโครงการจรวด วี2 และแบบพิมพ์เขียวก็ถูกทหารรัสเซียยึดเอาไปพัฒนาเป็นจรวดสกัด (SCUD) ขีปนาวุธนำวิถีที่ทำให้สหรัฐอเมริกากลัวจนขนหัวลุก เกิดวิกฤติที่เกือบก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 เมื่อรัสเซียแอบนำจรวดสกัดไปติดตั้งจ่อจมูกสหรัฐอเมริกาไว้ที่คิวบาในสมัย ประธานาธิบดีเคเนดีซึ่งเป็นคนหนุ่มรูปหล่อและมีอายุน้อยที่สุดในบรรดา ประธานาธิบดีทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา เขาได้ยื่นคำขาดต่อรัสเซียให้ถอนจรวดสกัดออกไปจากคิวบาภายใน 24 ชั่วโมง มิฉะนั้นสหรัฐอเมริกาจะใช้ระเบิดปรมาณูถล่มรัสเซียให้แหลกลาญทันที รัสเซียยอมถอนจรวดสกัดกลับเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม และนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ฟิเดล คัสโตร ผู้นำคิวบาก็กลายเป็นคู่แค้นของสหรัฐอเมริกาจนมีการทำลายล้างกันหลายครั้ง หลายหน แต่คัสโตรก็รอดตายมาจนถึงวันนี้ และเขาได้ยุติบทบาททางการเมืองโอนอำนาจบริหารให้กับน้องชายหลายปีแล้ว
จรวดสกัดของรัสเซียเป็นขีปนาวุธระยะไกลของค่ายคอมมิวนิสต์ในยุคสงครามเย็น เมื่อคอมมิวนิสต์ล่มสลายลงหลายประเทศได้นำจรวดสกัดมาพัฒนาจนมีประสิทธิภาพ สูงสามารถยิงไปได้ไกลมากขึ้น เช่น เกาหลีเหนือได้พัฒนาจนสามารถยิงจรวดสกัดไปถึงสหรัฐอเมริกา ซึ่งผมจะนำเรื่องจรวดสกัดของจริงที่ยิงจากกรุงแบกแดดไปยังกรุงริยาดในสงคราม อ่าวเปอร์เซียมาเล่าในเรื่องพาไปชมซาอุดิอาระเบีย หลังจากจบอนุกรมเรื่องพาไปชมเยอรมัน
โครงการจานบินเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1941 โดยนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญของเยอรมัน 3 คน คือ Schriever, Habermohl, Miethe และวิศวกรจากอิตาลีอีก 1 คน คือ Bellonzo เมื่อสงครามยุติลง กองทัพสหรัฐอเมริกาได้นำตัว Schriever และ Miethe ไปเป็นนักโทษในค่ายกักกันที่สหรัฐอเมริกาเพื่อทำงานเกี่ยวกับจานบินภายใต้ ชื่อว่า Operation Paperclip ส่วน Habermohl หน่วยข่าวกรองทางทหารสหรัฐอเมริกาได้รายงานว่าถูกรัสเซียจับตัวไป
ที่มา : http://www.unigang.com/Article/7377,http://bbs.playpark.com
____________________
เครดิต :
________________________________
นาซาพบดาวเคราะห์ "กลิส 581 จี" สภาพแวดล้อมเหมือนโลก "มากที่สุด" ขณะที่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ดวงจันทร์ "ไตตัน" ของดาวเสาร์ มีสภาพเหมาะสม อาจมีมนุษย์ต่างดาวอาศัยอยู่...
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อ 26 พ.ย. ว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์จากองค์การการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) ค้นพบดาวเคราะห์ดวงล่าสุด ชื่อว่า "กลิส 581 จี" มีสภาพแวดล้อมเหมือนโลก "มากที่สุด" เท่าที่เคยค้นพบมาก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ กลิส 581 จี อยู่ห่างออกไปราว 123 แส้นล้านไมล์ พบในกลุ่มดาวตราชั่ง ขนาดใหญ่กว่าโลก 3-4 เท่า ใช้เวลาโคจรเป็นเวลา 37 วัน นอกจากนี้ยังอาจมีของเหลว หรือแหล่งน้ำอยู่บนพื้นผิวด้วย การค้นพบครั้งล่าสุดนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้สังเกตการณ์ดาวเคราะห์ดวงดังกล่าวมาร่วม 11 ปีแล้ว และได้ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารแอสโตรฟิสิคอลด้วย
ขณะที่เหล่านักวิทยา ศาสตร์ส่วนใหญ่ยังคงเชื่อว่า "ไตตัน" ดวงจันทร์ของดาวเสาร์ มีสภาพเหมาะสม อาจเอื้อให้สิ่งมีชีวิตสามารถดำรงอยู่ได้ และอาจมีมนุษย์ต่างดาวอาศัยอยู่.
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
เผยภาพ อัลตราซาวด์ของลาริซซ่า ดีน คุณแม่มือใหม่ วัย 23 ปีจากเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ต่างดาวในภาพยนตร์ ซึ่งสร้างความขบขันและตกตะลึงให้กับเธอและสก็อตต์ ผู้เป็นสามีอย่างมาก
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 20 พ.ย.ว่า เกิดกรณีฮือฮา นายเรนาโต้ ดาวิลญ่า ริเควลเม่ เจ้าหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์"ไปรวาโด ริตอส อันดินอส"ในเมืองคุสโค ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเปรู ได้ค้นพบมัมมี่ประหลาดโบราณ มีลักษณะดวงตาใหญ่กว่ามนุษย์ ตัวเล็กมีความสูงราว 50 ซม.
รายงานระบุว่า การค้นพบดังกล่าวสร้างความฮือฮาและทำให้นัก
โบราณคดีหลายคนจากสเปนและรัสเซีย เดินทางมาดูมัมมี่พิศดารดังกล่าว ที่พิพิธภัณฑ์ เพื่อเห็นด้วยตาตัวเอง และทุกฝ่ายต่างสรุปว่า มัมมี่โบราณนี้"ไม่ใช่มนุษย์"และเตรียมจะศึกษามัมมี่นี้ต่อไป รวมทั้งการตรวจสอบดีเอ็นเอว่าเป็นมนุษย์หรือไม่ด้วย
รายงาระบุว่า สำหรับกระโหลกของมัมมี่พิศดารนี้ คล้ายกับกระโหลกผลึกในภาพยนตร์เรื่อง"อินเดียน่า โจนส์"ซึ่งเป็นมัมมี่ที่เป็นมนุษย์ต่างดาว และมีพลังเหนือธรรมชาติ
ที่มา : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?
____________________
เครดิต :
________________________________
รวมภาพเอ็กซเรย์ เมื่อวัตถุหลุดเข้าไปในร่างกายมนุษย์
สำนักข่าวต่างประเทศมีการเผยแพร่ ภาพผลการเอ็กซ์เรย์ร่างกายผู้ป่วยที่พบว่า มีสิ่งแปลกปลอมหลากหลายชนิดเข้าไปในร่างกาย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกรณีที่แพทย์ประสบพบเจอ และต่างก็ประหลาดใจว่า สิ่งของเหล่านี้เข้าไปอยู่ในร่างกายได้อย่างไร
การรวบรวมในครั้งนี้ มีภาพเอ็กซ์เรย์กว่า 100 ภาพ ที่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือ “Stuck Up!” ซึ่งจัดทำโดยนายแพทย์มาร์ตี้ เอ ซินด์เฮียน และเพื่อนร่วมงานอีกสองคนคือ นายแพทย์ริช อี เดรเบน และนายแพทย์เมอร์ดอก ไคนท์ จะเห็นได้ว่าบางภาพมีแว่นกันแดด กรรไกร เทปเพลง แม้กระทั่งตุ๊กตาไลท์เยียร์ ก็สามารถเข้าไปยังร่างกายผู้ป่วยได้
นาย แพทย์ซินด์เฮียน กล่าวว่า มักจะพบลักษณะเช่นนี้กับบรรดาคนที่มีอายุน้อย ที่มีแนวโน้มที่จะกลืนวัตถุ หรือสอดใส่ทุกอย่างเข้าไปในร่างกายไม่ว่าจะทางจมูก หรือทางปาก
แต่ ขณะเดียวกันนายแพทย์เดรเบนกล่าวด้วยว่า ผู้ป่วยบางรายสอดใส่วัถุเหล่านี้เข้าไปทางทวารหนัก ขณะมีการทำกิจกกรมทางเพศ จนเผลอหลุดเข้าไป แล้วไม่สามารถนำกลับออกมาได้จนต้องมาพบแพทย์เพื่อให้การช่วยเหลือ บางรายระบุว่ากำลังทำงานบ้านขณะถอดเสื้อผ้าจนเกิดอุบัติเหตุ
แต่ ผู้ป่วยบางรายก็ไม่ยอมเปิดปากว่า สาเหตุที่วัตถุแปลกปลอมเหล่านี้หลุดเข้าไปเป็นเพราะสาเหตุใด บางคนใช้ไอพอดสอดเข้าไปในร่างกายก็มี ซึ่งดูเหมือนว่า คนเรามีแนวโน้มที่กล้าที่จะมีพฤติกรรมแปลกๆ มากขึ้น
อย่างไรก็ตามหนังสือเล่มนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษา ไม่ได้นำเสนอเพื่อความสนุกสนาน หรือล้อเลียนผู้ป่วยแต่อย่างใด เพราะอย่างน้อยก็เป็นการเตือนให้ผู้ป่วยระมัดระวัง หากเกิดความผิดพลาดก็อาจต้องมาพบแพทย์ หากอันตรายเกิดความผิดพลาดขึ้นมาก็อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ที่มา : Mthai
____________________
เครดิต :
________________________________
ค้นพบ "ทะเลสาบน้ำเค็ม" บนดวงจันทร์ยูโรปา บริวารของดาวพฤหัสฯ เชืื่อเอื้อต่อสิ่งมีชีวิต...
สำนัก ข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 18 พ.ย. ว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์ ค้นพบ "ทะเลสาบน้ำเค็ม" บน "ยูโรปา" ดวงจันทร์ที่เป็นบริวารของดาวพฤหัสฯ ผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็นว่าอาจเอื้อต่อสิ่งมีชีวิต และยังเป็นความหวังสำหรับในการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก ซึ่งหลังการค้นพบดังกล่าว องค์การการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) จึงพิจารณาจัดส่งปฏิบัติการสำรวจการค้นพบทะเลสาบน้ำเค็มด้วยเช่นกัน
(16 พ.ย.) เว็บไซต์ huffingtonpost.co.uk รายงานว่าหญิงสาวชาวรัสเซีย รายหนึ่งชื่อ มาร์ต้า เยโกรอฟนัม ได้ออกมาเปิดเผยว่าเธอมีร่างของมนุษย์ต่างดาว หรือเอเลี่ยน ไว้ครอบครองตั้งแต่ปี 2009 และจับร่างดังกล่าวมาแช่ไว้ในตู้เย็น
ภาพจาก www.thesun.co.uk
ทีมสำรวจค้นหาเยติ ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ และรัสเซียร่วมด้วย เปิดเผยว่า พวกเขาค้นพบหลักฐานสำคัญที่สามารถยืนยันได้ว่า เยติ มีอยู่จริง...
ภาพดาวเทียมที่ถ่ายโดยโปรแกรม กูเกิลแมพ ซึ่งมีหลายภาพปรากฎรูปทรง ที่มีโครงสร้างประหลาดในทะเลทรายโกบี พื้นที่ชายแดนระหว่างมณฑลกานซู และมณฑลซินเจียง ตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ แหล่งที่มีการใช้พื้นที่ในการผลิตและพัฒนาอุปกรณ์นิวเคลียร์
เป็นปริศนาภาพถ่ายว่า “โครงสร้างดังกล่าวเกิดจากอะไร และสร้างมาเพื่อจุดประสงค์ใด” ซึ่งมีบางภาพพบยานพาหนะอยู่ในพื้นที่ ทำให้มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า พื้นที่ทะเลทรายแห่งนี้อาจจะเป็นที่ตั้งของกองทัพที่มีวัตถุประสงค์ทางทหาร
ผู้ใช้ในอินเตอร์เน็ตพยายามวางซ้อนภาพเหล่านี้กับแผนที่ของสหรัฐ สร้างความกังวลว่า อาจจะมีจุดประสงค์ร้ายทางทหารต่อพวกเขา ขณะที่บางส่วนแย้งว่า หากจีนจะโจมตีสหรัฐจีน ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องสร้างแผนที่เหล่านี้ในทะเลทราย
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
กระทู้นี้จะเป็นการรวมข้อความสื่อสารทางโทรจิต
จากท่านเมตาตรอนทุกๆตอน ที่สื่อสารเรื่อง
เป็นเรื่องที่ฮือฮาอีกครั้งหลัง โหรต่างประเทศออกมาระบุว่า วันที่ 11 เดือน 11 ปี 2011 เวลา 11 นาฬิกา จะเป็นวันที่เปิดประตูสวรรค์ประตูที่ 11 และสิ่งมีชีวิต ทั้งดีและไม่ดีจากภพอื่น จะเดินทางมายังโลกมนุษย์ อาจทำให้เกิดเหตุร้ายหรือภัยพิบัติบนโลก มนุษย์อาจบาดเจ็บล้มตายทั่วโลก ทั้งโลกตะวันตกและเอเชีย รวมถึงประเทศไทย...
UFO รูปดิสก์เหนือเมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลีย -- 8 พฤศจิกายน 2011
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลเอาเองนะครับ
ผมแค่แปลมาและนำมาโพสต์ให้อ่านเท่านั้นนะครับ
เชื่อไม่เชื่อ ก็อยู่ที่ตัวท่านเองนะครับ
แต่ถ้าอ่านแล้วรู้สึกต่อต้านขึ้นมาอย่างรุนแรง
ก็คิดเสียว่าอ่านเอาสนุกๆก็ได้นะครับ..
คิดเสียว่าอ่านนวนิยายวิทยาศาสตร์ก็แล้วกัน
อย่าไปซีเรียสมากถึงขนาดเอาเป็นเอาตายเลยนะครับ
เสียสุขภาพกาย - สุขภาพจิตเปล่าๆ
หมอชาวแคนาดาถึงกับผงะ เมื่อภาพจากการทำอัลตราซาวนด์ลูกอัณฑะให้คนไข้ชายรายหนึ่ง ปรากฏเป็นภาพใบหน้าของคนกำลังทุกข์ทรมานและจ้องมองกลับมา...
ดาวหาง ?....หรือ..???
ถูกบันทึกไว้ที่ตุลาคม 01, 19 ตุลาคมและ 31 ตุลาคม 2011
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________