รวบรวม เหตุการณ์การเผชิญหน้าระหว่าง มนุษย์โลกกับมนุษย์ต่างดาวนับแต่ปี หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงหรือ นับแต่ปี 1950 หรือ 50 กว่าปี ก่อนซึ่ง ยุคนั้นคนเราได้เจอกับมนุษย์ต่างดาว หลายรูปแบบ และบ่อยครั้งราวกับว่า เป็นยุคที่มนุษย์ต่างดาวจงใจเปิดตัว ตัวเองต่อชาวโลกอย่างไรอย่างนั้น
นักยูเอฟโอ.วิทยา (Ufologist) หรือ นักชีววิทยาผู้เชี่ยวชาญสิ่งมีชีวิตจาก ต่างดาวชาวอังกฤษแ่ข่งการ เผชิญหน้าระหว่างชาวเรา กับชาวเขา (ชาวต่างดาว) มี 3 รูปแบบได้แก่
1. ได้ พบหน้ามนุษย์่ต่างดาว และได้พูดจาพูดคุยกัน ตัวต่อตัว
2. ถูกเชื้อเชิญ หรือการขึ้นยานอวกาศ ยูเอฟโอ.ไปท่องอวกาศ
3.ได้ติดต่อสื่อสารกับ มนุษย์ต่างดาวโดยผ่านสื่อ ทั้งโดยอุปกรณ์สื่อสาร และโดยระบบโทรจิต
(ติดต่อกันทางจิต)
ผู้ศึกษาวิจัย เรียกมนุษย์ต่างดาวใน ยุคเริ่มแรกว่า “ครึ่งคนครึ่ง เทพ”เนื่องเพราะ มีอิทธิฤทธิ์ มีเทคโนโลยีสูงส่งกว่ามนุษย์โลกหลายเท่า เอาแค่การสร้างยานอวกาศมนุษย์ ต่างดาวมียานขับเคลื่อนเท่าความเร็ว ได้ไม่เกิน 10 เท่าความเร็วเสียงเท่านั้น
การเผชิญหน้าระหว่างชาวโลก ทั้งเป็นชาวบ้านธรรมดาและนักวิชาการ ต่างให้ข้อมูลตรงกันดวงดาวกั้นที่อยู่ ของมนุษย์ต่างดาวนั้นมีสภาพไม่ต่าง ไปจากอาณาจักรในอุดมคติของนักปราชญ์ ชาวกรีกเพลโตนั่นคืออาณาจักรยูโทเปีย
การเผชิญหน้าครั้งสำคัญที่สุด ในประวัติศาสตร์มนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลก นับแต่ปี 1950เป็นต้นมา คือเหตุการณ์วันที่20 พฤศจิกายน ค.ศ.1952 โดย หนุ่มชาวอเมริกันชื่อ จอร์จ อดัมสกี ที่กลางทะเล ทรายแคลิฟอร์เนีย ซึ่งจอร์จ ได้บรรยายว่า “สิ่งมีชีวิต ผู้นั้นเป็นผู้ชายแน่นอน แต่มีความสวยงามราวผู้หญิง เป็นความสวยสดงดงาม และเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบ ที่สุดเท่าที่เคนเจอะเจอมา
“คนผู้นั้นมีไหล่กว้าง ตรงผิวสีทรายผมสีทอง เป็นลอนสลวยรูปร่าง คล้ายชนเผ่าคอเชียน แต่ทั่วทั้งร่างเกลี้ยงเกลา ไม่มีขนหนวดเครา แม้เส้นเดียว”
สิ่งมีชีวิตจากต่างดาวที่จอร์จ เผชิญหน้า เขาเปิดเผยในเวลาต่อมาว่าออกมา จากยานทรงกลมสีเทาเงินจอดอยู่ กลางทะเลทราย ชาคนนั้นสวมใส่ชุด เหมือนถักทอเป็น ชิ้นเดียวกันตลอด ทั่วร่างเหมือนเครื่อง แบบยูนิฟอร์ม
สิ่งมีชีวิต จากต่างดาวติดต่อ สื่อสารกับจอร์จ 2 รูป แบบโดยใช้ภาษามือ และใช้พลังจิต โทรจิตส่งสัญญาญ เข้าสู่สมองโดยไม่ ต้องเปิดปากพูด ต่อมาจอร์จจึงรู้ว่า ชายรูปสวยคนนั้น ชื่อออร์โธนมาจาก ดาววีนัสหรือดาว พระศุกร์เหตุผล มาที่นี่ก็เพื่อเตือน ชาวโลกเกี่ยวกับ มหันตภัยจากระเบิดนิวเคลียร์สามารถ ทำลายโลกได้
มนุษย์ต่างดาวออร์โธน อธิบายว่าแม้พลังงานนิวเคลียร์ได้ ประโยชน์มากแต่กำมันตภาพรังสีที่ ไม่อาจควบคุมได้ จะเป็นอันตราต่อระบบ นิเวศน์ของโลกอย่างมหาศาลและได้ แนะนำให้ชาวโลกใช้พลังงานที่เป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อมคือพลังแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งงานของเขาได้ใช้พังงานนี้เดินทางท่อง จักรวาล
การสนทนาระหว่างจอร์จ ชาวโลกกับออรโธน มนุษย์ต่างดาว ได้ถูกรวบรวมเป็นหนังสือ “จานผี ร่อนลงบนโลก” พิมพ์จำหน่ายเมื่อปี 1953 รวบรวมและเรียบเรียงโดย เดสมอนด์ เลสลีย์
ต่อมาอีก 2 ปี ในปี 1955 หนังสือ อีกเล่มก็ออกวางแผงจำหน่ายชื่อ“ประชากรณ์ ภายในยานอวกาศมนุษย์ต่างดาวซึ่งเป็น เรื่องราวต่อจากการพบปะระหว่างจอร์จ กับออร์โธนโดยออร์โธนได้เชื้อเชิญชาว โลกจอร์จขึ้นไปบนยานอวกาศของเขาด้วย
บนยานอวกาศลำนั้นจอร์จ ได้พบกับมนุษย์โลกซึ่งเป็นแขกรับเชิญ ด้วยเช่นกันเป็นชาวอเมริกันอาศัยอยู่ที่ นครลอสแองเจลีนซึ่งยานอวกาศได้ ร่อนบินจากโลกมายังดวงจันทร์ ซึ่งเป็น ซีกด้านมืดแต่จากแสงสลัวทำให้พอมอง เห็นป่าไม้ทะเลสาบ แม่น้ำถนนหนทาง ไปและที่ดวงจันทร์ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติ การแห่งหนึ่งเพื่อกินอาหารปรุงจาก ผักล้วน ๆ ไม่มีเนื้อผสม
จากนั้นเดินทางต่อไปยังดาว พระศุกร์ การเดินทางไปอย่างรวดเร็ว มากเหมือนยานถูกส่งไปด้วยลำแสง ส่องจากดวงจันทร์ไปยังดาวศุกร์ที่นั่น จอร์จเล่าว่าผู้คนต่างมีรูปร่างสวยสดงาม เป็นพวกมังสะวิรัติมีอายุยืนถึง 1,000 ปี
เคล็ดลับทำให้ออร์โธน และเผ่าพันธุ์ของเขามีอายุยืนมาก ก็เพราะมีเมฆหมอก ปกคลุมอย่างถาวร ป้องกันไม่ให้แสงอาทิตย์ส่องมา ถึงโดยตรงได้
อีกรายได้รับการบันทึกอย่าง เป็นทางการถึงการเผชิญหน้าครั้งยิ่ง ใหญ่ระหว่างคนกับมนุษย์จากต่างดาว คือชาวอเมริกันชื่อเดเนียล ฟรายถูก ลำแสงดูดขึ้นบนยานอวกาศมนุษย์ต่างดาว ต่อมารู้จักชื่อเอ - ลานบอกว่ามาจาก ดาวอังคาร
มนุษย์ต่างดาวอู - ลานและ เพื่อน ๆ เล่าว่าเผ่าพันธุ์ของพวกเขาเคย อยู่ที่ดาวอังคารมาก่อนต่อมาเมื่อ30,000ปี ก่อนเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นทำให้มี บากกลุ่มบางคน ขึ้นยานอวกาศหลบหนี ภัยพิบัติสงครามล้างโลกมาได้และใช้ชีวิต ร่อนเร่อยู่ในอวกาศ บนโลกใดมีสภาพ แวดล้อมที่เหมาะสมก็ไปอยู่อาศัยอย่าง ลับ ๆ โดยไม่พยายามเปิดเผยตัว
การเชื้อเชิญเดเนียลขึ้นมา บนยานอวกาศ เพราะต้องการเตือนภัย ที่นักวิทยาศาสตร์ชาวโลกกำลังเร่งพัฒนา ระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งหากไม่มีการจำกัด การสะสมอาวุธนิวเคลียร์อีกหน่อย ทั่วโลกดวงดาวสีน้ำเงินจะกลายเป็น ดวงดาวสีแดงเหมือนดาวอังคาร
อีกคนได้เผชิญหน้ากับมนุษย์ ต่างดาวอย่างฉันมิตรคือออฟีโอ แอง เจลัคชี่ ซึ่งได้เรียกผู้มาจากต่างดาวว่า “พี่น้องจาก อวกาศ” ได้เตือนเขาเรื่องการพัฒนา อุตสาหกรรมบนโลกสุดท้ายความเจริญ ทางวัตถุก็จะทำลายล้างโลกและมนุษยชาติ ทั้งหมด
เขาเสนอให้ชาวโลกนำ พลังงานอื่น ๆ มาใช้แทนพลังงาน นิวเคลียร์ เมื่อใดมนุษย์สามารถค้นพบ พลังงานทำให้ยานอวกาศเคลื่อนที่ ได้เร็วเท่าแสงเท่ากับว่า “ชาวโลกได้ค้น พบสัจธรรม” แล้ว
ย้อนอดีตไปเมื่อปี 1932 หรือ เกือบ 80 ปีก่อน ชาวอเมริกัน โฮเวิร์ด เมงเจอร์ได้เผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาว เช่นกันซึ่งขณะนี้เขามีอายุแค่ 8 ขวบได้ พบมนุษย์ต่างดาวรูปร่างเหมือนผู้หญิง นางแบบเธอบอกกับ ด.ช.โฮเวิร์ดว่าถิ่นที่ อยู่มีอยู่ 3 แห่ง คือที่ดาวศุกร์ดาวอังคาร และดาวเสาร์พร้อมกันนั้นได้มอบของขวัญ แก่โฮเวิร์ดเป็นวิธีการทำ “พลังงานไร้ มอเตอร์”เป็นพลังงานไม่ได้เกิดจากตัว มอเตอร์แต่เป็นพลังงานจักรวาลมีอยู่ ทุกที่ใช้ไม่มีวันหมดแต่จนถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครสามารถถอดรหัสสูตรการสร้าง พลังงานไร้มอเตอร์ได้
มนุษย์ต่างดาวผู้นี้ได้พาโฮเวิร์ด ขึ้นยานไปเยี่ยมดวงจันทร์ซึ่งเป็นชุมชน แห่งหนึ่งของมนุษย์ต่าวดาวซึ่งอยู่ใกล้โลก ที่สุดเมื่อเขากลับมายังโลกได้รับพันธุ์มัน ฝรั่งเป็นของขวัญซึ่งเมื่อนำมาปลูกโตกว่า มันฝรั่งบนโลกกว่า 5 เท่ารวมทั้งวิทยาการ อื่น ๆ ที่ได้รับการถ่ายทอดมา
ต่อมาโฮเวิร์ดได้บอกเล่า วิทยาการทั้งหมดแก่เจ้าหน้าที่จาก รัฐบาลสหรับหลังจากน้นเขาไม่เคยรู้ อีกเลยว่า “ความรู้” ที่เขาได้รับมานั้น เป็นประโยชน์แก่ชาวโลกอย่างไรบ้าง
อย่างไรก็ตามโฮเวิร์ดได้ออก หนังสือ 1 เล่ม หนาแค่ 63 หน้าจดจำได้ ถึงวิธีการปรับปรุงดินเหมาะแก่การปลูก พืชรวมทั้งอาหารที่ช่วยลดความอ้วน
อีกผู้หนึ่งซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคน สำคัญการพบปะระหว่างชาวโลกกับ ชาวต่างดาวคือบัค แนลสัน เจ้าของไร่เมือง หลังเขาเมืองโอซาร์คส์ รัฐมิสซูรี่เหตุเกิด เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ. 1945 ยาน ยูเอฟโอลำหนึ่งร่อนลงที่สนามหญ้า สำหรับใช้เลี้ยงวัว
ก่อนหน้าจะร่อนลงสู่พื้นดิน ยานยูเอฟโอลำนั้นปล่อย แสงนีฟ้าใส่ อาบร่างบั๊คขณะที่ยืนมองยานจาก ต่างดาวอย่างตื่นตะลึงการฉายแสงครั้งนี้ เป็นของขวัญรับหน้าจากผู้มาเยือนอย่าง ฉันมิตรบั๊คพลันรู้สึกว่าอาการโรคเรื้อรัง ปวดเอง ปวดหลัง และ ปลายประสาทอักเสบ หายไปราวปลิดทิ้ง
ผู้มาจากต่างดาว เชิญชวนเขาไปขึ้น ยานเพื่อไปท่องอวกาศ บั๊คเกิดความกลัวจึง ให้เพื่อนชื่อบ้อบโซโลมอน และบัคกี้หนุ่มคนงาน ในไร่พร้อมหมาตัวโต ชื่อโบไปแทน
ทั้ง 3 ชีวิต จากโลกหายหน้า ไปเป็นจนกระทั่งปลาย เดือนเมษายน ปี 1955 ทั้งหมดกลับมายังโลก และได้บอกเล่าเรื่องราว ให้ฟังว่ามนุษย์ต่างดาว พาพวกเขาไปหลายแห่ง ทีแรกไปดาวอังคารที่นั่น มีห้วยหนองคลองบึง เหมือนบนโลกชาว อังคารกินแต่ผักไม่กินเนื้อสัตว์ต่อมา พาไปเยือนดาวศุกร์ที่นั่นกลางวันกับ กลางคืนมีแค่ 17 ชั่วโมง พวกเขาพบเห็น ยานพาหนะใช้กัน คล้ายรถยนต์แต่ร่อน บินเหนือพื้น 3-5 ฟุต
“ที่นั่นจึงไม่มีถนนไม่มีตำรวจ จราจรไม่มีคุกตะรางไม่มีรัฐบาลไม่มี นักการเมืองไม่มีสงครามไม่มีการใช้ เงินตราทุกสิ่งทุกอย่างล้วนได้มาฟรี ๆ ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บไม่ต้องกินไม่ต้องใช้ เหมือนทุกคนอิ่มทิพย์อยู่ในโลกทิพย์ ต้องการอะไรได้ดังใจนึก”
เมื่อปี 1950 กระแสตื่นมนุษย์ ต่างดาวในยุโรปและสหรัฐอเมริกาถึงขีด สูงสุดช่วงปลายปีมีข่าวลือชาวดาวอังคาร จะมาเยือนโลก เพื่อช่วยชาวโลกพ้นจาก มหาภัยพิบัติช่วงเวลานั้นเองทรูแมนเบธูรัม ได้ประกาศตัวว่า เขาเป็นตัวแทนได้รับ มอบหมาย จากมนุษย์ต่างดาวชื่อออร่า เรนส์ซึ่งเป็นกัปตัน ยานอวกาศทรงกลม บินมาถึงโลกโดยระบุว่า “มาจากดวงดาวอยู่ ด้านหลังดวงจันทร์” ซึ่งคำกล่าวนี้ต่อมา ถูกตีความว่าดวงจันทร์ในที่นี่น่าจะหมาย ถึงดวงอาทิตย์มากกว่า
ดวงดาวที่กล่าวนี้ ทรูแมนยืนยัน ว่าคือดาวแคลเรียนโคจรอยู่ด้าน หลังดวงอาทิตย์ตลอดเวลาดังนั้น มองจากดาวโลกจึงมองไม่เห็น
ต่อมาทรูแมนอ้างว่าคู่รัก ของเขาโดโรซี มาร์ตินชาวเมืองชิคาโก เป็นร่างทรงหรือได้รับการแต่งตัวจาก ชาวดาวแคลเรียน ให้เป็นสื่อกลางติดต่อ จากปากของโคโรซีนี่เองเปิดเผยว่าชาว ดาวแคลเรียนปกครองด้วยระบอบที่มี “แม่” เป็นหัวหน้าครอบครัวผู้คนมีอายุ ยืนยาวมากกว่าพันปีจึงจะเสียชีวิตลง โดยหายวับไปเหมือนสายหมอก
พร้อมกันนี้โคโรซีได้อ้างคำ เตือนจากเพื่อนชาวต่างดาวว่าจะเกิดน้ำ ท่วมใหญ่ขึ้นบนโลก ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.1954 แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงวันนั้นไม่มี อะไรเกิดขึ้นเธอจึงถูกหาว่าเป็นคนบ้า เสียสติ
ต่อมานักวิทยาศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยมินเนโซตา 3 คน คือลีออง เฟสตินเจอร์ เฮนรี เรคเชน และสแตนลีย์ แชคเตอร์ ได้ร่วมกันจับโกหก ทรูแมน และโคโรธีว่าเป็นการแอบอ้างเพราะ คำว่าดวงดาวแคลเรียนนั้นมาจากหนัง วิทยาศาสตร์ สร้างจากนวนิยายเขียน โดย วิลเลียม กรีนลีฟรวมทั่งคำกล่าว ที่ว่า “เราเดินทางมายังโลกก็เพราะ แสดงความปรารถนาดีต่อชาวโลกช่วย เหลือมนุษยชาติระหว่างเกิดการเปลี่ยน แปลงครั้งใหญ่ขึ้นบนโลก “ก็มาจากคำ พูดในภาพยนตร์เช่นกัน”
เรื่องนี้นับเป็นเหตุการณ์เดียว ที่มีการพิสูจน์ได้ว่า เป็นการอ้างมนุษย์ ต่างดาวเพื่อทำมาหากินเพราะขณะ โดโรธี เป็นร่างทรงมนุษย์ต่างดาวจากดาว แคลเรียนนั้นเงินทองไหลมาเทมา จนร่ำรวย
อีกรายที่อ้างว่าติดต่อกับ มนุษย์ต่างดาวได้เป็นผู้หญิงจากประเทศ แอฟริกาใต้ชื่ออลิซาเบธแคล เรอร์เปิด เผยว่าเมื่อวันที่ 7 เมษายนต์ ค.ศ. 1956 เธอได้รู้จักกับมนุษย์ต่างดาวผู้ชาย คนหนึ่งรูปร่างคล้ายคนแต่ไม่เหมือน เสียทีเดียวเพราะสวยงามราวเทพบุตร ต่อมารู้จักชื่อว่า “อาคอน”
มนุษย์ต่างดาวอาคอนได้พา อลิซาเบนขึ้นยานอวกาศเพื่อไปเยือน ดาวมาตุภูมิของเขาไปกับยานอวกาศ ใช้พลังงานธรรมชาติ หรือพลังคอสมอส (พลังจักรวาล) ต่อมาทั้งคู่เกิดรักกันและ ตั้งท้องอาคอนจึงพาเธอไปที่ดาวเมตัน ดวงดาวของเขาและคลอดลูกชายชื่อ ไอลิงที่นั่น
ชาวดาวเมตันเป็นพวกมังสะวิรัตเป็นดวงดาวมีแต่สันติสุขปราศ จากสงครามและการแย่งชิงไม่มีเชื้อโรค ไม่มีเงินทองหลังคลอดลูกได้ 4 เดือน อลิซาเบธ รู้สึกหายใจไม่ออกไม่อาจอยู่ บนดวงดาวเมตันได้อีกจึงถูกส่กลับมายัง โลกเวลาผ่านไปถึงปี 1963 อาคอนกับ ลูกชายมาเยี่ยมเธอที่แอฟริกาใต้อยู่ร่วม ชีวิตได้ระยะเวลาหนึ่งพ่อกับลูกก็จากไป และไม่กลับมาอีก
จากการเผชิญหน้าระหว่าง มนุษย์โลกกับมนุษย์ต่างดาว นักยูเอฟโอ. วิทยาได้สรุปรูปร่างหน้าตาและพฤติกรรม ของมนุษย์ต่างดาวได้ดังต่อไปนี้
► 1.มนุษย์ ต่างดาวมีรูปร่างหน้าตาดั้งเดิมเป็นอะไร อย่างใด? ไม่มีใครรู้ได้แต่ที่พบเห็น สัมผัสได้ มาในรูปแบบคล้ายคนและมี บุคลิกภาพที่ชาวโลกประทับใจในความ สวยงามน่าคบหา
► 2. บ้านของมนุษย์ต่างดาว ไม่มีรูปแบบคล้ายอาศัยอยู่ในโลกแห่ง จินตนาการหรือโลกอุดมคติที่ปราศจาก รูปร่างอยู่ร่วมกันอย่างไมตรีจิตมีคุณธรรม ล้ำเลิศไม่ต้องกินไม่ต้องหา มีแต่เสพย์สุข ราวกับอยู่ในสรวงสวรรค์ตามจินตนาการ ของมนุษย์
► 3.ดวงดาวของมนุษย์ต่างดาว มันเป็นจักรวาลหรือกลุ่มดาวไม่ใช่ดาวดวงใดดวงหนึ่ง มนุษย์ต่างดาวมี ความสัมพันธ์กันทั้งจักรวาล
► 4.มีข้อสังเกตว่ามนุษย์ ต่างดาวไม่แทรกแซงกิจการภายในของ ชาวโลกดังรู้เห็นได้จากไม่เคยมีการ ติดต่อกับผู้นำชาวโลกชาติใด ๆ มีแต่ ปรากฏตัวต่อผู้ยากไร้ชาวไร่หรือผู้มี การศึกษาน้อยคล้ายกับเป็นการเปิด สัมพันธ์เพื่อให้ความช่วยเหลือใน ทางอ้อม
► 5.เมื่อไม่มีใครรู้เห็นผู้มาจาก ต่างดาวมีรูปร่างอย่างไรมีเป็นรูปแบบ ดั้งเดิมจึงมีข้อสันนิษฐานว่าน่าจะเป็น พลังงานที่ใช้รูปกลิ่น ไร้เสียงชนิดหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ได้ทุกที่ทุกสภาพแวดล้อม หรือเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุสสาร ชนิดใด ๆ ก็ตามอาจทำให้วัตถุและ สสารนั้นมีชีวิตเคลื่อนไหวได้
มีคำถามอยู่นานมา แล้วมนุษย์ต่างดาวหาก มาถึงโลกจริงพวกเขา มาดีหรือมาร้ายจาก เหตุการณ์ซึ่งนำมาเป็น ข้อสรุปหลายเหตุการณ์ เช่นผู้เผชิญหน้ากับ มนุษย์ต่างดาวเรียกหา ผู้มาจากต่างดาวว่า“พี่น้อง ผู้มาจากต่างดาว”ก็แสดง ว่าย่อมมาดีกว่ามาร้าย
อีกทั้งเหตุการณ์สำคัญในปี 1952 กองทัพ สหรัฐทดลองระเบิดเอช - บอมบ์เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่กลางทะเลทรายแคลิ-ฟอร์เนีย และหลังจาก นั้น 19 วัน คือวันที่ 20 พฤศจิกายน จอร์จ อดัม สกีได้พบกับมนุษย์ ต่างดาวชื่อออร์โธนที่ บริเวณทะเลทรายแคลิ-ฟอร์เนียเช่นกันซึ่ง ออร์โธน ได้กล่าวกับ จอร์จว่า“นี่ชาวโลก กำลังจะทำลายล้างโลก อย่างนั้นหรือ?”
นอกจากนี้ยังมีคำเตือนจาก พี่น้องชาวต่างดาวถึง ชาวโลกจากการ เผชิญ หน้าได้ต่ำกว่า 50 ครั้ง ได้เตือน ถึงวารสุดท้าย ของโลกเกิดจากสงคราม นิวเคลียร์ และมหาภัย พิบัติครั้งใหญ่ เกิดจากภาวะโลกร้อน
พร้อมกันนี้ ก็มีคำมั่นสัญญาจาก เพื่อนผู้หวังดีจากต่างดาวถึงมนุษย์บาง คนว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับโลกพวก เขายินดีพาเพื่อนชาวโลก (บางคน) เดิน ทางไปอยู่โลกใหม่ซึ่งชาวโลกรับรู้ใน ชื่ออาณาจักรยูโตเปีย
คำมั่นสัญญานี้ดูเหมือนว่า ตรงกับข้อความบันทึกในคัมภีร์ไบเบิล ของชาวคริสต์ซึ่ง พระเจ้าเตือน โนอาห์สร้าง เรืออาร์คเพื่อรักษาสัตว์พืชเอาไว้ก่อน จะเกิดน้ำท่วมโลก
ดังนั้นคำเตือนจากเพื่อนชาว ต่างดาวระหว่างปี 1950 จะเกิดอะไรขึ้นหรือ ไม่กับโลกในยุคปัจจุบันแน่นอนสิ่งที่เรา สัมผัสได้จากทุกชาติทุกส่วนของโลกใน เวลานี้ชาวโลกกำลังเผชิญกับภาวะโลก ร้อนตัวการสำคัญทำให้น้ำแข็งขั้วโลก ละลายเกิดภัยแล้งภัยน้ำท่วมภัยพายุร้าย ภัยภูเขาไฟระเบิดหากว่าภัยพิบัติดังกล่าวมาเกิดขึ้นถึงระดับสูงสุดไม่ว่าเป็นมหาภัยพิบัติใดล้วนแล้วทำให้มนุษย์ ทั่วโลกสูญพันธุ์ไปได้เพียงแค่ชั่วข้ามคืน เท่านั้น
ผู้เผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาว เรียกหาเพื่อนผู้อารี ว่า “กึ่งเทพ” ดังนั้น พระเจ้าที่เราเรียกหาขณะเผชิญกับ อันตรายนั้น น่าจะใช่ “พวกเขา” หรือไม่? ก็ไตร่ตรองกันเอาเอง
ที่มา :http://plak.nokroo.com/browse.php?cat_id=30&id=15923
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
loading...