เรื่องลึกลับจากทั่วโลก All mystery world

รวมเรื่องราว พลังแห่งจิตนาการ,โลกลี้ลับ,UFO,มนุษย์ต่างดาว,อารยธรรมโบราณ,ปริศนาต่างๆ,จากทั่วทุกมุมโลก

  • Homeหน้าหลัก
  • โลกต่างดาวโลกต่างดาว
    • Subitem 1
    • Subitem 2
  • โลกต่างมิติโลกต่างมิติ
    • Subitem 1
    • Subitem 2
  • โลกลี้ลับโลกลี้ลับ
    • Subitem 1
    • Subitem 2
  • จักรวาลจักรวาล
    • Subitem 1
    • Subitem 2
  • อารยธรรมโบราณอารยธรรมโบราณ
    • Subitem 1
    • Subitem 2
  • ภัยพิบัติภัยพิบัติ
    • Subitem 1
    • Subitem 2
  • พลังแห่งจินตนาการพลังแห่งจินตนาการ
    • Subitem 1
    • Subitem 2
You are here : Home »







คณะนักวิจัยตื่นเต้น หลังค้นพบซากแมมมอธที่ไซบีเรีย เนื่องจากเนื้อเยื่อยังแดงสด แถมมีหยดเลือดไหลออกมาด้วย จุดประกายความหวังในการโคลนนิ่งคืนชีพสัตว์ดึกดำบรรพ์...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 31 พ.ค. ว่า มีการค้นพบซาก "แมมมอธ" สัตว์ดึกดำบรรพ์ขนาดมหึมา อายุราว 10,000 ปี บริเวณหมู่เกาะโนโวสิบีร์สก์ นอกชายฝั่งทางตอนเหนือของไซบีเรีย และเป็นที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง เนื่องจากคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยยาคุตสก์ พบหยดเลือดไหลออกมาจากช่วงท้องขณะเจาะน้ำแข็งออกจากซากแมมมอธด้วย จุดประกายความหวังในการโคลนนิ่งคืนชีพให้สัตว์ใหญ่ดังกล่าว


ทั้งนี้ ทีมนักวิจัยจากเซอร์เบีย ยังได้เซ็นลงนามร่วมกับคณะนักวิทยาศาสตร์จากเกาหลีใต้ นำโดยนายฮวาง วู ซุก นักวิทยาศาสตร์สาขาสเต็มเซลล์ ผู้โคลนนิ่งสุนัขสำเร็จเป็นรายแรกของโลก เมื่อปี 2005 ด้วย





ด้านนายเซมยอน กรีกอเรียฟ ประธานกรรมการแห่งพิพิธภัณแมมมอธ และหัวหน้าคณะสำรวจ เปิดเผยว่า เศษเนื้อเยื้อของแมมมอธตัวที่พบนั้น ยังมีสีแดงเหมือนเนื้อสด เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะช่วงล่างของลำตัว ถูกฝังอยู่ในน้ำแข็งบริสุทธิ์ แต่ลำตัวช่วงบนนั้นค่อนข้างเสื่อมไปตามกาลเวลา โดยในช่วงเวลาที่ค้นพบแมมมอธ อุณหภูมิต่ำ -10 องศาเซลเซียส และการเจาะน้ำแข็งไปเจอเนื้อเยื่อพร้อมหยดเลือด สร้างความตื่นเต้นระคนประหลาดใจให้ทีมสำรวจยิ่งนัก แต่เลือดค่อนข้างมีสีเข้ม อย่างไรก็ดี จะมีการนำประเด็นดังกล่าวหารือกันต่อไป.





ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/oversea/348193
____________________
เครดิต :
________________________________

อ้างอิง :
________________________________
: Pageviews



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักธรณีวิทยาใต้ท้องทะเล 2 คน อ้างว่า ระหว่างที่ตนอยู่ในเรือดำน้ำ ทำการสำรวจสัตว์ใต้ท้องทะเล ในเขตกรีนแลนด์  ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติค จู่ๆก็พบสิ่งมีชีวิตลักษณะคล้ายนางเงือกว่ายเข้ามาใกล้เรือ



ทั้งนี้ขณะที่พวกเขาลงสำรวจสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึกก็สังเกตเห็นสิ่งเคลื่อนไหวลักษณะคล้ายมือคน แต่ใบหน้าคล้ายเอเลี่ยน และมีหางคล้ายปลา มือนั่นยืนมาแตะที่หน้าต่างเรือจนนักธรณีวิทยาทั้งสองคนถึงกับผงะ และเชื่อว่าสิ่งที่เห็นน่าจะเป็นนางเงือก

อย่างไรก็ตาม เมื่อภาพและเรื่องราวนางเงือกใต้มหาสมุทรแอตแลนติกเผยแพร่ออกไป ผู้คนก็ต่างวิจารณ์ว่าเป้นจริงหรือไม่ และตั้งข้อสังเกตต่อประเด็นดังกล่าวด้วย







ที่มา : http://news.mthai.com/world-news/243015.html
____________________
เครดิต :
________________________________

อ้างอิง :
________________________________
: Pageviews







มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ประเทศจีน ได้เผยแพร่ภาพก้อนวัสดุสีดำที่มีน้ำหนักเบา ขนาดที่สามารถตั้งวางอยู่บนก้านเกสรดอกไม้โดยไม่เอนเอียง โดยในข้อมูลของทางมหาวิทยาลัยฯ ระบุว่า ก้อนวัสดุนี้คือ "คาร์บอน แอร์โรเจล" วัสดุที่เบาที่สุดในโลก (ภาพเอเยนซี)



เอเยนซี - มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ประเทศจีน ประสบความสำเร็จผลิต "คาร์บอน แอร์โรเจล" วัสดุที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในโลก สามารถป้องกันและแก้ปัญหามลพิษรั่วไหล ด้วยคุณสมบัติที่สามารถดูดซับสารพิษและน้ำมันที่รั่วไหลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สื่อต่างประเทศรายงาน (28 มี.ค.) ว่า มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ประเทศจีน ได้เผยแพร่ภาพก้อนวัสดุสีดำที่มีน้ำหนักเบา ขนาดที่สามารถตั้งวางอยู่บนก้านเกสรดอกไม้โดยไม่เอนเอียง โดยในข้อมูลของทางมหาวิทยาลัยฯ ระบุว่า ก้อนวัสดุนี้คือ "คาร์บอน แอร์โรเจล" วัสดุที่เบาที่สุดในโลก ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนา เพื่อนำไปใช้ในการป้องกันและแก้ปัญหามลพิษ ด้วยคุณสมบัติที่สามารถดูดซับสารพิษและน้ำมันที่รั่วไหลได้อย่างมีประสิทธิภาพ



รายงานของมหาวิทยาลัยฯ ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์จีนกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา "คาร์บอน แอร์โรเจล" โดยสร้างขึ้นด้วยเส้นใยและแผ่นคาร์บอนความหนาเพียง 1 อะตอม มีความหนาแน่นเฉพาะของวัสดุ อยู่ที่ 0.16 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร หรือประมาณ1 ใน 6 ของความหนาแน่นของอากาศ จึงเบากว่าวัสดุแอร์โรเจลที่ทำจากโพลีเมอร์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (นาซา) ซึ่งมีความหนาแน่นเฉพาะของวัสดุที่ 0.9 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร

ศาสตราจารย์เกา เชา หัวหน้าคณะวิจัยพัฒนา "คาร์บอน แอร์โรเจล" กล่าวว่า ในอนาคตวัสดุใหม่ นี้สามารถออกแบบเพื่อนำไปใช้ในการป้องกันและแก้ปัญหามลพิษ ด้วยคุณสมบัติที่สามารถดูดซับสารพิษและน้ำมันที่รั่วไหลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะคาร์บอน แอร์โรเจล สามารถดูดซับน้ำมันรั่วไหลได้อย่างรวดเร็ว โดยคาร์บอน แอร์โรเจล ขนาด 1 กรัม สามารถดูดซับน้ำมันได้วินาทีละ 69 กรัม นอกจากนี้ยังดูดซับได้ในปริมาณที่มากถึง 900 เท่าของน้ำหนักวัสดุ ขณะที่วัสดุซึ่งใช้ดูดซับน้ำมันในปัจจุบันนั้น สามารถดูดซับได้เพียง 10 เท่าของน้ำหนักวัสดุเท่านั้น



ที่มา : http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000039673
____________________




สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ว่า ทางการสวาซิแลนด์ได้เริ่มปฎิบัติการปราบปราม "เหล่าแม่มดขี่ไม้กวาดสูง" เกินกว่าระดับ 150 เมตรจากพื้นดินแล้ว หลังเคยประกาศเตือนว่าพฤติกรรมดังกล่าวจะเป็นภัยอันตรายต่อเครื่องบิน โดยก่อนหน้านี้ทางการได้ตั้งโทษปรับเหล่าแม่มดที่มีพฤติกรรมขี่ไม้กวาดบินสูงมาแล้ว

ด้านหน่วยงานการบินพลเรือนสวาซิแลนด์ระบุว่า ที่ผ่านมา หน่วยงานฯได้มีกฎหมายใหม่ด้านการบิน หลังจากพบว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกชน ได้นำเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งติดอุปกรณ์กล้องวีดีโอ เพื่อรวบรวมข้อมูลสำรวจสอดแนมและเพิ่งได้รวมพฤติกรรมของเหล่าแม่มดขี่ไม้กวาดเหล่านี้ด้วย โดยที่ผ่านมาการล่าแม่มดในสวาซิแลนด์ถือเป็นเรื่องจริงจังในประเทศที่มีผู้คนจำนวนมากเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์มนต์ดำ

นอกจากนี้ เมื่อปีที่แล้ว ส.ส.สวาซิแลนด์ ยังได้เรียกร้องให้มี "ขึ้นภาษี" ต่อหมอผีเพื่อหวังนำเงินของคนกลุ่มนี้มาช่วยแก้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศด้วย














ที่มา : http://news.sanook.com
____________________
เครดิต :
________________________________

อ้างอิง :
________________________________
: Pageviews





วันที่ 15 พ.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ที่ประเทศเบลีซได้มีการพังทำลายวิหารโนห์ มุล พีระมิดเก่าแก่อายุกว่า 2,300 ปีของชนเผ่ามายา โดยถูกริษัทก่อสร้างถนนรายหนึ่งนำรถแทรกเตอร์มาทำลายเพื่อนำกรวดไปทำถนน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่


ดร.จอห์น มอร์ริส จากสถาบันโบราณคดีเบลีซ เผยว่า กรณีดังกล่าวคนงานเหล่านั้นรู้ว่ากำลังทำอะไรและเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากที่พวกเขากล้าทำลายสิ่งก่อสร้างดังกล่าว โดยการพังทำลายเริ่มมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่เบลีซมีกฎหมายคุ้มครองโบราณสถานที่เข้มงวด ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะแจ้งข้อหาตามกฎหมายกับบริษัทและผู้ดำเนินการรายนี้








ที่มา : http://news.mthai.com/world-news/239117.html
____________________
เครดิต :
________________________________

อ้างอิง :
________________________________
: Pageviews

ภาพจำลองหากมนุษย์ไปสำรวจดาวอังคาร (สเปซด็อทคอม)

ในอวกาศอันกว้างใหญ่เกินจะจินตนาการไหว มนุษย์เราออกเดินทางไปไกลสุดแค่...ดวงจันทร์ บริวารของโลกที่อยู่เคียงกันมานาน เราปรารถนาจะไปให้ไกลกว่านั้น และดาวอังคารเพื่อนบ้านที่ดูแสนจะแห้งแล้งคือเป้าหมายต่อไปที่เราจะไปเยือน...แต่เราจะไปกันได้ง่ายแค่ไหน?
     


ภาพถ่ายวัตถุลึกลับเหนือกรุงปอดโกริกา เมืองหลวงของมอนเตเนโกร

       เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ประชาชนชาวมอนเตเนโกรตื่นตะลึง หลังมีการเผยแพร่ภาพถ่ายของจานบินปริศนาที่บันทึกได้เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน ผ่านสื่อสำนักต่างๆ นับเป็นครั้งแรกที่พบยานลึกลับเหนือน่านฟ้ามอนเตเนโกร นับตั้งแต่ที่ดินแดนแห่งนี้ประกาศเอกราชแยกตัวออกจากเซอร์เบีย เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2006
     
        รายงานข่าวระบุว่า ชาวมอนเตเนโกรกว่า 625,000 คนทั่วประเทศต่างตกตะลึงกับรายงานข่าวของสื่อหลายสำนักในประเทศ รวมถึงนิตยสารข่าวชื่อดังอย่าง “วิเยสติ” ที่มีการเผยแพร่ภาพถ่ายของช่างภาพหนังสือพิมพ์ชื่อดัง “โซรัน ยูริช” ซึ่งสามารถบันทึกภาพวัตถุลึกลับบนท้องฟ้าเหนือกรุงปอดโกริกา เมืองหลวงของประเทศ
     
        โดยวัตถุดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับจานบินยูเอฟโอจากนอกโลกถูกบันทึกภาพไว้ได้ เมื่อคืนวันพฤหัสบดี (9) ที่ผ่านมา โดยยูริชอ้างว่า วัตถุปริศนาที่เขาบันทึกภาพเอาไว้ได้นั้นมีสีสันสดใสเห็นได้ชัดเจนและมันยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปร่าง ขนาด ทิศทาง รวมถึง ความเร็วได้ในขณะเคลื่อนที่ด้วยเช่นกัน
     
        อย่างไรก็ดี สำนักงานควบคุมการจราจรทางอากาศแห่งเซอร์เบียและมอนเตเนโกร (SMATSA) ที่ตั้งอยู่ในกรุงเบลเกรดของเซอร์เบีย ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศใน 3 ประเทศคือ เซอร์เบีย มอนเตเนโกร รวมถึงพื้นที่ราวครึ่งหนึ่งของบอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา ออกมายืนยันว่า ไม่พบปัญหาด้านการจราจรทางอากาศในคืนวันพฤหัสบดี (9) แต่ไม่มีการยืนยันว่า เรดาร์ประสิทธิภาพสูงของSMATSA สามารถตรวจพบวัตถุประหลาดที่บินได้เหนือน่านฟ้าของมอนเตเนโกร ในวันดังกล่าวด้วยหรือไม่


       


สำนักงานควบคุมการจราจรทางอากาศแห่งเซอร์เบียและมอนเตเนโกร (SMATSA) ไม่ยอมเปิดเผยว่า เรดาร์ของตนตรวจพบวัตถุลึกลับจริงหรือไม่








ที่มา : http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000058094
____________________
เครดิต :
________________________________

อ้างอิง :
________________________________
: Pageviews





ข้อมูลระยะทางและเวลาในการเดินทางเป็นข้อมูลโดยเฉลี่ยอ้างอิงการทดลองและปฏิบัติการจริงขององค์การบริการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) และปฏิบัติการทดลองโครงการมาร์ส 500 (Mars500) ในการจำลองภารกิจเดินทางไปดาวอังคารของห้องปฏิบัติการของสถาบันศึกษาปัญหาชีวการแพทย์ (Institute for Bio-Medical Problems) ในกรุงมอสโก รัสเซีย
       


ที่มา : http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000057416
____________________
เครดิต :
________________________________

อ้างอิง :
________________________________
: Pageviews




ภาพจำลองมนุษย์อวกาศทำการเพาะปลูกพืชในเรือนกระจกบนดาวอังคาร เพื่อผลิตอาหารระหว่างปฏิบัติภารกิจบนดาวเคราะห์เพื่อนบ้าน (นาซา)

       มนุษย์โลกกลุ่มแรกที่จะไปตั้งรกรากบนดาวอังคารอาจไม่ใช่มนุษย์อวกาศ แต่เป็นชาวไร่ชาวสวน ผู้ที่ต้องไปบุกเบิกพื้นที่ทำกินบนดาวแดง เพื่อสร้างแหล่งผลิตอาหาร และเตรียมการสำหรับมนุษย์ที่จะไปตั้งรกรากบนดาวเคราะห์เพื่อนบ้าน
     
       ภารกิจพิชิตดาวอังคารนั้นเป็นความใฝ่ฝันและเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของมนุษย์โลก โดยองค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) มีแผนที่จะส่งมนุษย์ไปดาวอังคารในช่วงหลังปี 2030 ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการไปเยือนดาวเพื่อนบ้านเท่านั้น แต่ยังไปเพื่อสำรวจและบุกเบิกพื้นที่บนดาวแดง เพื่อหวังเป็นถิ่นฐานแห่งใหม่ของมนุษย์โลกในอนาคต โดยมีแผนที่จะส่งมนุษย์ไปบุกเบิกพื้นที่ทำการเกษตรเพื่อผลิตอาหารเลี้ยงชุมชนมนุษย์บนดาวอังคาร
     
       “สิ่งหนึ่งที่ชาวไร่ชาวสวนทุกคนบนดาวอังคารจะได้รู้ คือการผลิตอาหารนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก มันไม่ใช่เรื่องขี้ปะติ๋ว ดูอย่างเวลาที่ผ่านมาจนถึงหลายร้อยปีก่อนการทำไร่ทำสวนก็กินเวลาเกือบทั้งหมดของเรา ซึ่งชาวอาณานิคมบนดาวอังคารรุ่นแรกๆ จะต้องกลับไปสู่ชีวิตรูปแบบนั้นเพื่อความอยู่รอด”
     
       คำกล่าวของ เพเนโลพี บอสตัน (Penelope Boston) ผู้อำนวยการโครงการศึกษาธรณีวิทยาถ้ำ และคาสต์ (Cave and Karst Studies program) สถาบันการทำเหมืองแร่และเทคโนโลยีนิวเม็กซิโก (New Mexico Institute of Mining and Technology) ในสหรัฐฯ กล่าวในระหว่างการประชุม ฮิวแมนส์ ทู มาร์ส ซัมมิท (Humans 2 Mars Summit) ที่จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน (George Washington University) เมื่อ 6-8 พ.ค. ที่ผ่านมา
     
       ทั้งนี้ นาซากำลังขะมักเขม้นในการศึกษาวิจัยเรื่องการเกษตรบนดาวอังคารและในอวกาศ เพราะมีเป้าหมายในการส่งมนุษย์กลุ่มแรกไปดาวอังคารราวอีก 20 กว่าปีข้างหน้า ขณะที่เจ้าหน้าที่ของนาซาข้องใจว่า ถ้าภารกิจดังกล่าวเป็นโครงการระยะยาวแทนที่จะเป็นการไปเยือนดาวอังคารในระยะสั้น ทำให้การไปถึงดาวอังคารและยืดเวลาพักอาศัยออกไปเป็นเรื่องยากขึ้น
     
       “การอยู่อย่างยั่งยืนของมนุษย์บนดาวอังคาร คือเป้าหมายของพวกเราใช่หรือไม่? ผมคิดว่านี่คือหัวข้อที่ดีในการอภิปรายร่วมกัน” บิล เกอร์สเตนไมเออร์ (Bill Gerstenmaier) ผู้ช่วยผู้อำนวยการของนาซาในส่วนสำนักงานผู้อำนวยการภารกิจการดำเนินงานและสำรวจโดยมนุษย์ กล่าวไว้ในระหว่างการประชุมดังกล่าว
     
       แน่นอนว่าการเพาะปลูกพืชพรรณธัญญาหารบนดาวอังคารเป็นความท้าทายยิ่ง ซึ่งแม้ว่าการวิจัยบนสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station) หรือ ไอเอสเอส (ISS) ได้พิสูจน์ว่า พืชสามารถเจริญเติบโตได้ในสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่รู้ว่าสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำบนดาวอังคารจะส่งผลต่อพืชจากโลกมนุษย์แตกต่างไปอย่างไร
     
       ทั้งนี้ บนพื้นผิวดาวอังคารนั้นได้รับแสงอาทิตย์เพียงครึ่งหนึ่งของโลกเท่านั้น และสภาวะที่ถูกล้อมไว้ด้วยเรือนกระจกที่ถูกปรับความดันยิ่งทำให้แสงแดดส่องไม่ถึงพืช ดังนั้น การให้แสงเสริมแก่พืชจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่การจัดหาแสงเพิ่มเติมนั้นก็จำเป็นต้องใช้พลังงานในปริมาณมาก
     
       ทางด้าน ดี มาร์แชล พอร์เตอร์ฟิลด์ (D.Marshall Porterfield) ผู้อำนวยการแผนกวิจัยวิทยาศาสตร์ชีวภาพและกายภาพ ของสำนักผู้อำนวยการภารกิจการดำเนินงานและสำรวจโดยมนุษย์กล่าวเสริมว่า ในแง่ระบบที่วิศวกรรรมต้องการนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะตอนนี้นาซากำลังศึกษาการใช้หลอดแอลอีดี (LED) เพื่อให้ความยาวคลื่นเพียงย่านเดียวที่พืชต้องใช้เพื่อสังเคราะห์แสงอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นนักวิจัยยังศึกษาด้วยว่าพืชสามารถอยู่รอดได้ในสภาวะที่มีความดันต่ำกว่าบนโลกได้หรือไม่ เนื่องจากการให้ความดันในเรือนกระจกบนดาวอังคารมากเท่าไหร่ หมายถึงเรือนกระจกยิ่งต้องใหญ่ขึ้นเท่านั้น
     
       “คุณไม่ต้องเพิ่มความดันเรือนกระจกให้เท่าความดันปกติบนโลก เพื่อทำให้พืชเจริญเติบโตหรอก การรักษาความดันให้เท่าปกติบนพื้นผิวดาวเคราะห์อื่นเป็นเรื่องยาก แต่คุณสามารถลดความดันเหลือ 1 ใน 10 ของระดับปกติโดยที่พืชยังเติบโตได้” คำอธิบายเพิ่มเติมจาก โรเบิร์ต เฟิร์ล (Robert Ferl) ผู้อำนวยการศูนย์สหวิทยาการเพื่อการวิจัยทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพ (Interdisciplinary Center for Biotechnology Research) มหาวิทยาลัยฟลอริดา (University of Florida)
     
       แต่เรือนกระจกนั้นต้องผนึกแยกจากส่วนอาศัยของมนุษย์อวกาศอย่างสิ้นเชิงด้วย ซึ่ง ทาเบอร์ แมคคัลลัม (Taber MacCallum) เจ้าหน้าที่อาวุโสของบริษัทพารากอนสเปซเดเวลลอปเมนต์คอร์เปเรชั่น  (Paragon Space Development Corp) เสนอกลเม็ดในการรับมือปัญหาดังกล่าว โดยให้ชาวไร่อวกาศบนดาวแดงต้องสวมชุดปรับความดันระหว่างทำสวนทำไร่
     
       นอกจากนั้น เกษตรกรบนดาวอังคารยังต้องรับมือกับรังสีต่างๆ อีก ซึ่งบนดาวอังคารไม่มีชั้นบรรยากาศที่หนาแน่นเหมือนโลกที่ช่วยป้องกันรังสีจากดวงอาทิตย์ได้ และยังมีอนุภาคต่างๆ จากอวกาศที่อาจเป็นอันตรายทั้งต่อมนุษย์และพืชบนดาวอังคาร ดังนั้นเกราะป้องกันหรือเครื่องบรรเทาจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
     
       “การดูแลรักษาโครงสร้างพื้นฐานนั้นเป็นส่วนที่มีค่าใช้จ่ายสูงสำหรับการปลูกพืชบนดาวอังคาร อุปกรณ์หรืออะไหล่ต่างๆ ที่จำเป็นควรมีอย่างเหลือเฟือ เผื่อมีบางสิ่งบางอย่างพังเสียหาย ซึ่งในความเป็นจริงนั้น การขนส่งเครื่องไม้เครื่องมือจำนวนมากจากโลกไปดาวอังคารเพื่อทำการเกษตรบนดาวอังคารอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 15-20 ปี และเมื่อเทียบกันแล้ว มันอาจจะมีน้ำหนักน้อยกว่าการขนส่งอาหารที่ต้องดำเนินการควบคู่กันไป” แมคแคลลัมกล่าว
     
       แม้ภารกิจนี้จะเป็นความท้าทายอย่างมาก แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เกษตรกรรมบนดาวอังคารจะบรรลุผลในที่สุด
     
       “ทุกๆ การอพยพครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์เกิดขึ้นเพราะเรานำเอาเกษตรกรรมของเราไปด้วย เมื่อคุณเรียนรู้วิธีที่จะนำเอาพืชพรรณติดตัวไป คุณไม่อาจไปเพียงเพื่อเยี่ยมเยือน แต่คุณสามารถพำนักอาศัยและดำรงชีวิตต่อไปได้” เฟิร์ล กล่าวทิ้งท้าย







ที่มา : http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000057005
____________________
เครดิต :
________________________________

อ้างอิง :
________________________________
: Pageviews



นานหลายทศวรรษแล้ว ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าไฟใต้น้ำตกอีเทอนอลเฟรมของนิวยอร์ก ลุกโชนไม่รู้จักดับจากก๊าชในชั้นหิน อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบล่าสุดของนักวิจัยสหรัฐฯ ปฏิเสธทฤษฎีดังกล่าวโดยสิ้นเชิง แต่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้อย่างชัดเจนว่ามันเกิดจากกระบวนการใด
       
       เหล่านักค้นคว้าวิจัยจากมหาวิทยาลัยอินดีแอนา พบว่าชั้นหินใต้อุทยานเชสนัท ริดจ์ เคาน์ตี อันเป็นที่ตั้งของน้ำตก ไม่เพียงพอสำหรับผลิตก๊าซ ซึ่งนั่นหมายว่าธรรมชาติคงมีกระบวนการอื่นที่สามารถผลิตก๊าซได้เพียงพอสำหรับหล่อเลี้ยงเปลวเพลิงให้ยังลุกไหม้ชั่วกัลปาวสาน



       ทั่วโลกมีไฟไม่รู้ดับทางธรรมชาติหลายร้อยแห่ง และแต่ละแห่งสันนิษฐานว่าก๊าซทางธรรมชาติจากชั้นหินโบราณเบื้องล่างที่เรียกกันว่าชั้นหินดินดาน คือสิ่งหล่อเลี้ยงเปลวเพลิงให้ยังคงลุกโชติช่วง อย่างไรก็ตาม อาร์นด์ท ชิมเมลมันน์กับเหล่านักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอินเดียนา พบว่าชั้นหินที่อยู่ใต้เปลวเพลิงน้ำตกในนิวยอร์กไม่เพียงพอสำหรับก่อปฏิกิริยาเช่นนี้ได้
     
       เชื่อกันว่าเปลวไฟชั่วนิรันดร์ที่อยู่ใต้น้ำตกอีเทอนอลเฟรมในนิวยอร์ก ถูกจุดด้วยคนพื้นเมืองอเมริกันหลายพันปีก่อน อย่างไรก็ตาม จากผลวิจัยล่าสุด ชิมเมลมันน์ระบุว่าชั้นหินมีอุณหภูมิแค่ประมาณหนึ่งเท่านั้นและที่สำคัญมันไม่ได้เก่าแก่อย่างที่คิดไว้แต่แรก



       ด้วยทั้งสองปัจจัยจึงหมายความว่าชั้นหินใต้น้ำตกในนิวยอร์กจึงไม่สามารถสร้างก๊าซธรรมชาติได้เหมือนเหล่าเปลวเพลิงที่ไม่รู้จักดับอื่นๆ ทั่วโลก และพวกนักวิจัยก็ยอมรับไม่ทราบจริงๆ ว่ากระบวนการผลิตก๊าซใต้น้ำตกนิวยอร์กเกิดขึ้นจากวิธีการใด
     
       ตามทฤษฎีแล้ว อุณภูมิของชั้นหินต้องอยู่ใกล้จุดเดือดของน้ำหรือร้อนกว่านั้น เพื่อสลายโมเลกุลคาร์บอนในชั้นหิน และปฏิกิริยาเหล่านี้จะเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดก๊าซทางธรรมชาติ





     









ที่มา : http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000057448
____________________
เครดิต :
________________________________

อ้างอิง :
________________________________
: Pageviews





สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า (11 พ.ค.) เอเปกัวเอน อดีตเมืองท่องเที่ยวริมทะเลสาบทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ที่ประสบภัยธรรมชาติจนจมลงบาดาลเมื่อ 28 ปีก่อน โผล่พ้นน้ำ


เอเปกัวเอน ก่อตั้งขึ้นเมื่อทศวรรษที่ 1920 เป็นหมู่บ้านตากอากาศริมทะเลสาบน้ำเค็ม คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาแช่ทะเลสาบน้ำเค็ม ที่มีปริมาณเกลือมากกว่าในทะเลถึง 10 เท่า ที่นี่มีประชากรอาศัยอยู่ราว 1,500 คน แต่ทั้งหมดก็ต้องอพยพออกจากบ้าน ในวันที่ 10 พ.ย.1985 เพราะเกิดพายุฝนตกกระหน่ำติดต่อกันนานอย่างไม่เคยพบมาก่อน ทำให้ทะเลสาบล้นตลิ่งทะลวงกำแพงกั้นคลื่นจนท่วมถนนริมทะเลสาบ ไม่กี่วันต่อมาบ้านของพวกเขาก็ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 10 เมตร

ทั้งนี้ เอเปกัวเอน ไม่ได้รับการบูรณะใดๆ แต่ยังเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยว ซึ่งผู้ที่มาจะได้พบกับนายพาโบล โนวัค วัย 82 ปี ที่เดินทางกลับมาอยู่บ้านของเขาทันที ที่น้ำเริ่มลดลงในปี 2009 ซึ่งกล่าวว่า เขามีความสุขดี แม้จะต้องอยู่คนเดียว



















ที่มา : http://news.sanook.com
____________________
เครดิต :
________________________________

อ้างอิง :
________________________________
: Pageviews
บทความที่ใหม่กว่า บทความที่เก่ากว่า หน้าแรก
  • PopularPosts
  • Tags
  • Archive

บทความที่ได้รับความนิยม

  • พระพุทธเจ้าตรัส มนุษย์ต่างดาวมีจริง!!
    พระพุทธเจ้าตรัสถึงโลกอื่น (ปรโลก) อยู่เสมอๆ พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ใน "จูฬนีสูตร" พระไตรปิฎก หน้า ๒๑๕ เล่ม ๒๐ ว่า จักรวาล ประ...
  • สี่เหลี่ยมลูกบาศก์ปริศนา ปรากฎบนพื้นผิวของดวงอาทิตย์ 27/9/2012
    สี่เหลี่ยมลูกบาศก์ ปริศนาที่ปรากฎบน พื้นผิวของดวงอาทิตย์  เมื่อวันที่ 27/9/2012 และปรากฎอยู่ข้างๆ ดวงอาทิตย์ เมื่อวานนี้ 30/9/2012 ...
  • ข้อความจากต่างมิติ - มิติคู่ขนาน, โลกใต้พิภพ, UFO, Yeti(เยติ)
    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตมาจากท่านเมตาตรอน (Metatron) ผู้รับการสื่อสาร: Tyberonn วันที่รับการสื่อสาร: 20 กรกฎาคม 2008 เรื่อง: อาณาจักรใต...
  • พลังจิต/ Psychic Power
    เรื่องราวพลังแห่งจินตนาการ ทั้งที่พิสูจน์ได้และไม่ได้ ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ พลังจิต คืออะไร ? / Psychic Power ? ...  สำหรับคนทั่วไป...
  • บทสรุปหลักฐาน UFOและมนุษย์ต่างดาว ที่รอสเวลล์
    ในวันที่ 8 กรกฎาคม 1947 เรืออากาศโทวอลเตอร์ โฮท ซึ่งเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกองทัพอากาศแห่งสหรัฐเมืองรอสเวลล์ ได้ประกาศอย่างเป็นทา...

ป้ายกำกับ

4179 Toutatis กระแสจิต กอลลัม กายทิพย์ กาแล็กซี่ กาแล็คซี่ แกะ 6 ขา ข้อความจากต่างมิติ ขั้วโลก คลายเครียด ความฝัน คำทำนาย คิริบาส เคปเลอร์-10ซี จักรวาล จันทร์ไททัน จิตใต้สำนึก ฉลามดึกดำบรรพ์ ช้างน้ำ ช้างแมมมอธ ชาวอินคา ชูปาคาบรา(Chupacabra ) เชียงใหม่ เชื้อไวรัส ซูเปอร์แมน ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ดาว ดาวคริปตัน ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์น้อย ดาวเคราะห์เพชร ดาวแคระแดง DG CVn ดาวเซเรส ดาวพฤหัสบดี ดาวพุธ(mercury) ดาวศุกร์ ดาวเสาร์ ดาวหาง ดาวอังคาร ดำ โดรน(drone) ไดโนเสาร์ ถอดจิต ทฤษฎีโลกกลวง ทฤษฎีสมคบคิด ทวีปโบราณ ทะเลสีเลือด ที่สุดของโลก โทรจิต นกฟีนิกซ์ (Phoenix) นักบินอวกาศ นางเงือก นาซก้า (Nazca) นาซี น้ำ เนสซี แนะนำ บั้งไฟพญานาค บันทึกส่วนตัว บิ๊กฟุต(Bigfoot) เบอร์มิวด้า แบคทีเรีย ประเทศไทยยามราตรี ประสบการณ์แปลก ปริศนา ปาฏิหาริย์ ปิรามิด ปูยักษ์ ผ้าคลุมล่องหน ผาแต้ม ผีดูดเลือด ฝนดาวตก พญานาค พยากรณ์ พระพุทธเจ้า พลังงานจากวัตถุ พลังจิต พลังลี้ลับ พลังแห่งการผ่อนคลาย พลังแห่งความเชื่อมั่น พลังแห่งจินตนาการ พลังออร่า พายุทราย พิลึกโลก พีระมิด ฟอสซิล ฟอสซิลหอย ฟาโรห์ ฟาโรห์ Ramses II ภัยพิบัติ ภูเขาไฟ ภูเขาไฟRebel Dragon ภูติ มงกุฎทองคำ มนุษย์ต่างดาว มนุษย์ต่างดาวลักพาตัว มักกะลีผล มังกร มัมมี่ มายา มือเทียม เมฆประหลาด แม่มด โมอายเกาะอีสเตอร์ ยักษ์ ยานอวกาศ เยติ รถ รอดซ์ รอสเวลล์ ระบบสุริยะ รัสเซีย ล็อกเนสส์ ลี้ลับ ลูกไฟประหลาด โลก โลกคู่ขนาน โลกต่างดาว โลกต่างมิติ โลกใต้พิภพ โลกปรภพ โลกลี้ลับ โลกอื่น โลมา ไลบีเรีย วงแหวน วอยเอเจอร์1 วัตถุลึกลับ วิญญาณ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์หลอกลวง วิวัฒนาการ แวมไพร์ สตีเฟน ฮอว์กินส์ สโตนเฮนจ์ สฟิงซ์ สมาธิ สสารมืด สัตว์ประหลาด สารคดี สึนามิ สุสานฟาโรห์ หนังสือลึกลับ เหมืองอวกาศ อวกาศ อาณาจักรมู อารยธรรมโบราณ อีโบลา อียิปต์ อุกกาบาต เอลนีโญ(EI Nino) เอลฟ์ เอเลียน เอเลี่ยน ฮิตเลอร์ Antikythera Machine Area 51 auroras AUTEC Black hole Blobfish Costa Rica Crop circle DNA Download Ganymede Glow Worms Gnome Gravity Haarp highlight Hybrid INDIGO ISS Kepler-78b Kiribati Lacerta Mona Lisa Nasa Nebula OREGON VORTEX pโลกลี้ลับ picpost Popocatepetl Puma Punku StarChild Super Moon The Eye Titan moon Top tractor beam TRAPPIST-1 Tyndall Effect UFO videopost wallpaper Water Bears WormHole Zombie

คลังบทความ

  • ►  2018 (4)
    • ►  เมษายน (2)
    • ►  มีนาคม (2)
  • ►  2017 (4)
    • ►  กรกฎาคม (1)
    • ►  มีนาคม (2)
    • ►  มกราคม (1)
  • ►  2016 (27)
    • ►  พฤศจิกายน (5)
    • ►  ตุลาคม (2)
    • ►  กันยายน (5)
    • ►  กรกฎาคม (1)
    • ►  มิถุนายน (2)
    • ►  เมษายน (2)
    • ►  มีนาคม (5)
    • ►  กุมภาพันธ์ (2)
    • ►  มกราคม (3)
  • ►  2015 (30)
    • ►  สิงหาคม (1)
    • ►  กรกฎาคม (4)
    • ►  มิถุนายน (3)
    • ►  พฤษภาคม (1)
    • ►  เมษายน (1)
    • ►  มีนาคม (1)
    • ►  กุมภาพันธ์ (6)
    • ►  มกราคม (13)
  • ►  2014 (99)
    • ►  ธันวาคม (2)
    • ►  พฤศจิกายน (9)
    • ►  ตุลาคม (15)
    • ►  กันยายน (8)
    • ►  สิงหาคม (2)
    • ►  กรกฎาคม (2)
    • ►  มิถุนายน (13)
    • ►  พฤษภาคม (11)
    • ►  เมษายน (5)
    • ►  มีนาคม (16)
    • ►  กุมภาพันธ์ (7)
    • ►  มกราคม (9)
  • ▼  2013 (177)
    • ►  ธันวาคม (3)
    • ►  พฤศจิกายน (16)
    • ►  ตุลาคม (23)
    • ►  กันยายน (15)
    • ►  สิงหาคม (8)
    • ►  กรกฎาคม (1)
    • ►  มิถุนายน (5)
    • ▼  พฤษภาคม (11)
      • นักวิจัยเฮ! พบซาก 'แมมมอธ' พร้อม 'เลือด' มีหวังโคล...
      • ตะลึง!! พบนางเงือก ใต้มหาสมุทรแอตแลนติค
      • "คาร์บอน แอร์โรเจล" (Carbon aerogels) วัสดุน้ำหนั...
      • “สวาซิแลนด์“ ประกาศปราบปราม “แม่มดขี่ไม้กวาดบินสูง...
      • บริษัทก่อสร้างทำลายพีระมิด ชนเผ่ามายา เอากรวดมาสร้...
      • ถ้าจะไปดาวอังคาร...
      • ฮือฮา! พบวัตถุปริศนาคล้าย UFO โผล่น่านฟ้า “มอนเตเน...
      • ไปดาวอังคารไกลกว่าดวงจันทร์แค่ไหน (Infographic)
      • “ทำไร่บนดาวอังคาร” ความหวังผลิตอาหารเลี้ยงชุมชนมนุ...
      • ฉงน! นักวิจัยพบไฟประหลาดใต้น้ำตกสหรัฐฯ ไม่ได้เกิดจ...
      • จมใต้น้ำ 28 ปี! เมืองบาดาลอาร์เจนตินาโผล่
    • ►  เมษายน (16)
    • ►  มีนาคม (9)
    • ►  กุมภาพันธ์ (40)
    • ►  มกราคม (30)
  • ►  2012 (309)
    • ►  ธันวาคม (30)
    • ►  พฤศจิกายน (35)
    • ►  ตุลาคม (32)
    • ►  กันยายน (12)
    • ►  สิงหาคม (17)
    • ►  กรกฎาคม (39)
    • ►  มิถุนายน (33)
    • ►  พฤษภาคม (15)
    • ►  เมษายน (22)
    • ►  มีนาคม (25)
    • ►  กุมภาพันธ์ (23)
    • ►  มกราคม (26)
  • ►  2011 (246)
    • ►  ธันวาคม (27)
    • ►  พฤศจิกายน (15)
    • ►  ตุลาคม (50)
    • ►  กันยายน (56)
    • ►  สิงหาคม (26)
    • ►  กรกฎาคม (19)
    • ►  มิถุนายน (19)
    • ►  พฤษภาคม (25)
    • ►  มีนาคม (2)
    • ►  กุมภาพันธ์ (7)
  • ติดตาม
  • comments
  • สถิติ

ผู้ติดตาม

Follow @twitterdev

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Flag Counter hits counter
2014 Allmysteryworld. All rights reserved.
Designed by allmysteryworld