นักวิจัยใช้เซลล์หัวใจหนูและซิลิโคนสร้าง “แมงกะพรุน” เลียนแบบที่รู้วิธีว่ายน้ำ เป้าหมายเพื่อสร้างแบบจำลองสำหรับศึกษากายวิภาคของหัวใจ เพราะกลไกปั๊มภายในตัวแมงกะพรุนคล้ายคลึงกับหัวใจมนุษย์
ภาพยานอวกาศยักษ์ ที่บันทึกโดยกล้องของ NASA ที่เปิดออนไลน์ ให้ชมกันเป็นเวลาหลายปี ช่วงหลังๆนี้ อยากที่เคบบอกไว้
แม้ว่าพิธีเปิดมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2012 ลอนดอน เกมส์ จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เมื่อค่ำคืนวันที่ 27 กรกฏาคมที่ผ่านมา แต่แล้วก็เกิดเป็นประเด็น เมื่อมีชาวเน็ตสามารถจับภาพ วัตถุประหลาด ที่ลอยช้าๆ อยู่เหนือสนามกีฬาโอลิมปิก ขณะที่กำลังมีพิธีเปิดอยู่เบื้องล่าง
สัตว์ประหลาด เกยตื้นตายใต้สะพานบรูกลิน ชาวนิวยอร์กแตกตื่น เชื่อเป็น "มอนทอก มอนสเตอร์" ที่เคยโผล่ให้เห็นเมื่อ 4 ปีก่อน...
หน้ากาก และ วัตถุโบราณ มีอายุประมาณ 1,200 ปี ในห้องขนาดเล็กที่เพิ่งพบใหม่ ใต้ปิระมิดศักดิ์สิทธิ์ ในเขตขุดค้นซุลตัน เมืองตีกัล เมืองโบราณของเผ่ามายา ในเขตเอลเปเตน ประเทศกัวเตมาลา เปิดเผยโดยนักโบราณคดี เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2555
ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ จะเปลี่ยนมุมมองและแนวคิด ทุกคนจะได้พิสูจน์ว่าพื้นผิวของดวงจันทร์
ไม่ได้เป็นสีเทาจากภาพที่เราเห็น และเข้าใจตลอดมา
วัถตุคล้ายแมลงขนาดยักษ์ บินอยู่เหนือเมือง Astrakhan ในรัสเซีย โดยมีชาวบ้านหลายคนพบเห็น
เจ้าสิ่งนี้ลอยอยู่เป็นชั่วโมงก่อนที่จะหายไปจากสายตา
ปูเพศเมียตัวหนึ่งมีลวดลายที่ท้องเป็นรูปใบหน้าคน ซึ่งดูคล้ายทั้งพระเยซูคริสต์ และ อุซามะห์ บิน ลาดิน
เอเจนซี - มีคนจำนวนมากเคยอ้างว่าพวกเขาเห็นพระพักตร์ของพระเยซูคริสต์ปรากฎอยู่บนสิ่ง ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขนมปัง, ใบเสร็จรับเงิน หรือแม้กระทั่งพิซซ่า แต่วันนี้ชาวอเมริกันครอบครัวหนึ่งได้เห็นโฉมหน้าของบุตรพระเจ้าอยู่บนท้อง ของ “ปู” ตัวหนึ่ง
หากใครต้องการที่จะไปอยู่ บนดาวอังคาร ตามที่เคยประการขายตั๋วก่อนหน้านี้
ในบทความนี้
http://allmysteryworld.blogspot.com/2012/07/blog-post_10.html
ท่านไม่ต้องกลัวว่าจะอยู่แต่ในโดม ไม่ได้ออก ไปไหน เพราะตอนนี้เราค้นพบ "Alien Air"
สายการบินบนดาวอังคารแล้ว...
ภาพถ่ายดาวอังคาร จาก NASA หลังจากกส่องๆดู ปรากฏว่ามีสิ่งผิดปกติบนท้องฟ้า
มีลักษณะคล้ายกับ ยานอวกาศ หรือจรวด
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง ภาพจาก NASA: http://marsrovers.jpl.nasa.gov/gallery/all/2/p/584/2P178208022EFFAE03P2264R7M1.JPG
________________________________
นักวิทยาศาสตร์นาซ่างง ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร หรือแม้กระทั่งใคร? สร้างหลุมที่ผิดปกติบนพื้นผิวของดาวอังคาร
หลุมนี้ถูกค้นพบโดยบังเอิญบนดาวเคราะห์แดง ถ่ายโดยยาน HiRISE บริเวณภูเขาไฟ Pavonis Mons
และดูเหมือนมันจะทะลุไปยังโพรง หรือถ้ำใต้ดิน (ดูจากแสงสว่าง ที่ส่องอยู่ด้านขวาของ ช่องหลุมดังกล่าว)
จาการวิเคราะห์ พบว่าหลุมดั่งกล่าวมีขนาด ความกว้าง 35 เมตร
ภูเขาไฟ Pavonis Mons ตั้งอยู่ด้านล่างตรงกลาง |
ทางด้าน Nasa กำลังให้ความสนใจกับหลุมดั่งกล่าวอย่างมาก และเตรียมนำหุ่นยนตร์ ลงไปสำรวจ โดยเชื่อว่า ภายใต้พื้นผิว อาจมีสิ่งมีชิวิต อาศัยอยู่
(ความเห็นส่วนตัว)
Nasa กำลังเล่นตลกกับชาวโลกหรือหรือเปล่า Admin ดูรูปแล้วหากไม่เกิดจากอุกาบาต ก็ต้องเกิดจากขีปนาวุธจากทาง Nasa เองที่เป็นคนเจาะไว้ แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่า คือ มีอะไรอยู่ในโพรง หรือถ้ำใต้ดิน
ที่มา :
http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-2175747/A-hole-Mars-Nasa-orbiter-accidentally-photographs-open-crater-leading-underground-cavern-surface-Red-Planet.html
____________________
เครดิต :
________________________________
นอกจากสิ่งลี้ลับ ผี วิญญาณบนโลกใบนี้ที่มนุษย์ให้ความสนใจ กับคำถามที่ว่า มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ ไม่ต่างจากคำถามที่ว่า มนุษย์ต่างดาวนั้นมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ เป็นความท้าทายที่มนุษย์พยายามติดต่อ สื่อสาร กับมนุษย์ต่างดาวมาเป็นเวลานาน ทั้งเฝ้าติดตามสังเกตความผิดปกติของยานที่บินเหนือท้องฟ้า และการออกไปสำรวจสิ่งมีชีวิตนอกโลก
ที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นของ "นางลิซ่า เกรนาดินี ภรรยาพ่อค้าผ้าไหมผู้ร่ำรวย และสตรีผู้เป็นแบบวาดภาพ"
โมนา ลิซา "เป็นแบบวาดภาพให้แก่" ลิโอนาร์โด ดาวินซี ยอดจิตรกรเอกและนักสถาปัตยกรรมอมตะชื่อก้องโลก เมื่อปี 1504
วิญญาณสีแดง นี้คือปรากฏการณ์ปประหลาดและไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อนจนกระทั้งเวลาล่วงเลยเกือบถึงศตวรรษที่ 20 มันจึงถูกพบเห็น
นักวิทย์ฯ ชี้่ ธารน้ำแข็งบางลง อากาศอุ่นลงเรื่อยๆ
ภาพถ่ายจากดาวเทียมอะควา ขององค์การนาซา ชี้ให้เห็นแผ่นน้ำแข็งที่แตกออกจนกลายเป็นเกาะขนาดใหญ่ บริเวณส่วนปลายสุดของธารน้ำปีเตอร์แมนน์ ทางตอนเหนือของเกาะกรีนแลนด์ มีขนาดกว่า 120 ตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญ่กว่าเกาะแมนฮัตตันของสหรัฐฯ ถึง 2 เท่า
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ที่บริเวณชายหาดรัฐรีโอกรันดีโดซูล ทางตอนใต้ของประเทศบราซิล เจ้าหน้าที่ชายฝั่งทะเลได้พบซากของเพนกวินพันธุ์เมเกลเลนิค จำนวนกว่า 512 ตัว นอนตายเกลื่อนบริเวณ ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ ยังไม่พบสาเหตุการเสียชีวิตดังกล่าว คาดว่าอีกประมาณ 1สัปดาห์ถึงจะรู้สาเหตุที่แท้ หลังเจ้าหน้าที่ได้นำซากเพนกวินดังกล่าวไปตรวจที่วิเคราะห์ที่มหาวิทยาลัยปอร์ตูอาเลเกรแล้ว
น่าสนใจและน่าติดตามทุกๆ วันพฤหัสบดีเช่นเคย กับสารคดีออนไลน์ที่ไทยรัฐออนไลน์ภูมิใจนำเสนอ วันนี้พบกับมหากาพย์แห่งพายุที่อ่านได้รับประกันความมัน และได้ความรู้แน่นอน...
คลิปวิดิโอ จากยานอวกาศของรัฐเซีย เผยแพร่โดย DDSDTV เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2012
เผยให้เห็นยานอวกาศหรือ UFO สัญจรไปมา เหนือพื้นโลก และในอวกาศ อย่างพลุกพล่าน
เมื่อชมคลิปแล้ว จะสังเกตได้ว่า บางลำบินอยู่เหนือชั้นบรรยากาศโลกด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ
แต่ที่เร็วกว่า จนกล้องจับแทบไม่ทัน ส่วนใหญ่ จะบนอยู่ในห้วงอวกาศ ผ่านโลกไป...
ชมคลิป
ที่มา :http://www.youtube.com/watch?v=_McMfrzrhmM&feature=player_embedded
____________________
เครดิต :
________________________________
ที่ถูกบันทึกโดยกล้อง ติดอยู่บนยานสำรวจ มาร์ส เอ็กซ์พลอเรชัน โรเวอร์ ออพพอร์ทูนิตี
คุณเคยสงสัยอะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้เหมือนกับที่ฉันเคยสงสัยหรือไม่ ว่าภายในสิ่งที่เราเห็นอยู่ปกติทุกวัน มันอาจมีอะไรเกิดขึ้นมากกว่าสิ่งที่เราเห็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแปลก ๆ ของปรากฏการณ์ธรรมชาติ หรือสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ ที่เรียกว่า UFO สิ่งเหล่านั้นมันมีจริงหรือไม่ แต่แล้วฉันก็ได้แต่เฝ้าเก็บความสงสัยไว้ภายในใจคนเดียว จนวันหนึ่ง ฉันได้ไปค้นพบเจออะไรบ้างอย่างที่ทำให้ฉันต้องตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าภายในโลกใบนี้ของเราจะมีปรากฏการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นอย่างที่ฉันเคยคิดไว้ และนี่คือภาพปรากฏการณ์ของธรรมชาติที่ทำให้ฉันต้องถึงกับบอกว่ามันสุดยอดมาก ๆ จริง
ดอกไม้น้ำแข็ง ( Ice Flowers )
Ice Flowers เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่สร้างความตกตลึงให้แก่ผู้พบเห็น เนื่องจากมันจะเกิดขึ้นบนทะเลที่กลายเป็นน้ำแข็ง และเกิดมีเกร็ดน้ำแข็งที่ก่อตัวขึ้นมาเป็นช่อดอกไม้สีขาว กลีบบางผุดขึ้นมาเต็มพื้นน้ำแข็ง สาเหตุ ของการเกิด ปรากฏการณ์ธรรมชาติดอกไม้น้ำแข็ง เป็นหนึ่งในรูปแบบของแผ่นน้ำแข็ง ที่เพิ่งก่อตัวขึ้นใหม่ เมื่อไอน้ำอิ่มตัว ( Saturated Water Vapors ) ที่แทรกตัวขึ้นมาตามรอยแตกของแผ่นน้ำแข็ง สัมผัสกับอากาศเย็นจัดด้านบนก็จะเริ่มก่อตัวเป็นเกร็ดน้ำแข็ง ส่วนเกลือที่อยู่บนผิวของเกร็ดน้ำแข็งก็จะเกิดการตกผลึก เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยบนผิวของเกร็ดน้ำแข็ง ผลึกเกลือที่เกิดขึ้นจะเป็นเสมือนแกนให้ให้ไอน้ำอิ่มตัว ที่เหลือเกาะเป็นเกร็ดน้ำแข็งใหม่ขึ้นสลับไปมาจนซ้อนทับกันจนคล้าย กลีบดอกไม้
โวลเคนิก ไลทนิ่ง (Volcanic Lightning)
Volcanic Lightning เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ อันมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเกิด ภูเขาไฟระเบิด จะเกิด พายุสายฟ้า ขึ้นในเถ้าภูเขาไฟที่กำลังพวยพุ่งขึ้นเหนือ ภูเขาไฟ โดยนักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถค้นพบสาเหตุ ของ ปรากฏการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง (Volcanic Lightning) โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งสมมุติฐานว่า ปรากฏการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง นั้นน่าจะคล้ายการเกิด พายุสายฟ้า ( Thunderstorms ) และในการสัมนาเกี่ยวกับสภาวะอากาศ เหล่านักวิทยาศาสตร์ ได้สัมนากันว่าปรากฏการณ์นี้ อาจเกิดจากการที่อนุภาคของเถ้าภูเขาไฟเกิดการพุ่งชนกัน ทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต ขึ้นในอนุภาคของเถ้าภูเขาไฟ และเป็นเหตุให้เกิดฟ้าผ่าขึ้น ขณะเกิดภูเขาไฟระเบิด และเมื่อเร็วๆนี้ ก็มีสมมุติฐานใหม่ ว่าอาจเกิดจากที่เม็กม่า ได้ปลดปล่อยความชื้นออกมา
ไอส์เซอร์เคิ้ล ( Ice Circle )
Ice Circle ไอส์เซอร์เคิ้ล เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่พบเห็นได้ยาก และสมมุติฐานที่เป็นที่ยอมรับกันถึงสาเหตุการเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติ ไอส์เซอร์เคิ้ล นี้เกิดจากการที่ ผิวน้ำเริ่มก่อตัวเป็น น้ำแข็งจากบริเวณกึ่งกลางของผิวน้ำ แล้วค่อย ๆ ก่อตัวตามขอบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และต้องประกอบกับแหล่งน้ำจะต้องไหลเอื่อยๆ เพื่อให้เกิด น้ำแข็ง สามารถก่อตัวบริเวณขอบ ขณะหมุนขยายตัวออกมาเรื่อยๆ จนไปชนกับขอบน้ำแข็งแผ่นอื่นๆ ไอส์เซอร์เคิ้ล บางแผ่นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 150 เมตร อาจจะพบอยู่เดี่ยวๆ หรือเป็นกลุ่มก็ได้
เมฆรูปทรงเลนส์ (Lenticular)
Lenticular เป็นภาษาลาติน มีความหมายว่า รูปทรง เลนส์ (Lens - Shaped ) เมฆรูปทรงเลนส์ ( Lenticular cloud ) เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ แสนประหลาด และสวยงาม มันช่างดูคล้าย จานบิน และหากปรากฏการณ์ เมฆรูปทรงเลนส์ เกิดขึ้นในสมัยก่อน รูปภาพวัตถุบินลึกลับ ต่างที่มีการจารึกไว้ก็อาจเป็น ปรากฏการณ์นี้ก็เป็นไปได้ สาเหตุของการเกิด เมฆจานบิน เมื่ออากาศชื้นอิ่มตัวพัดผ่านยอดเขาสูง หรือบริเวณภูเขา จะทำให้เกิดการไหลของกระแสอากาศชื้น แบบลูกคลื่นขนาดใหญ่ หลายระลอกขึ้น เมื่ออากาศชื้นถูกพัดไหลขึ้นสูงขึ้นเรื่อย ตามระลอกคลื่นอุณหภูมิจะค่อยลดลงเรื่อยจนถึงจุดที่ทำให้ อากาศชื้นเริ่มกลั่นตัว ทำให้เกิด ปรากฏการณ์ เมฆจานบิน เมื่อเมฆไหลลงมาต่ำเรื่อยๆอุณหภูมิจะสูงขึ้น เมฆจะค่อยๆระเหยกับไปอยู่ในสภาพของอากาศชื้นอีกครั้ง
เมฆ แมมมะทูส ( Mammatus Clouds )
Mammatus Clouds เมฆ แมมมะทูส หรือ เมฆตะปุ่มตะปํ่า (Bumpy clouds) เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่จะทำให้เมฆเกิด เป็นเซล เป็นปุ่มเล็กปุ่มน้อย คล้ายถุงห้อยลงมาจากท้องฟ้า โดยคำว่า "mammatus" มาจากภาษาลาติน mamma แปลว่าเต้านม ซึ่งมาจากการที่ก้อนเมฆมีลักษณะคล้าย เต้านมของวัว โดยแต่ละปุ่มมีขนาดใหญ่ 1 - 3 กิโลเมตร ยืนยาวลงมาประมาณ 0.5 กิโลเมตร เรียงรายยาวหลายร้อยกิโลเมตร ปรากฏการณ์ นี้อาจเกิดขึ้น 15 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ปรากฏการณ์ เมฆ แมมมะทูส มีส่วนเชื่อมโยงกับ การเกิดพายุใหญ่ หรือก่อนเกิดพายุ ทอร์นาโด
ฟองโฟม Whipping Cream Ocean
Whipping Cream Ocean เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นบริเวณชายฝั่งทางเหนือของ เมืองซิดนี่ย์ ( Sydney ) ที่ยัมบา ( Yamba ) ของ นิวเซาธ์เวลส์ ( New South Wales ) และได้แปรเปลี่ยนชายฝั่งเป็น คาปูชิโนใน ( Cappuccino Coast ) ฟองโฟมได้กลืนกินทั้งหาด และอาคารสิ่งก่อสร้างไปกว่าครึ่งหลังที่ก่อสร้างอยู่ริมชายหาด ไม่เว้นแม้แต่ศูนย์หน่วยกู้ภัยชายหาดท้องถิ่น ฟองโฟมนี้กินอาณาบริเวณออกไปมากกว่านี้
และนี่คือคำตอบที่ทำให้ฉันได้รู้ว่านอกจากสิ่งที่ฉันเห็น ยังมีเรื่องราวและปรากฏการณ์ธรรมชาติต่าง ๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ มันเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งเราทุกคนมีโอกาสได้พบเห็นน้อยมาก บางครั้งภาพบางภาพอาจดูสวยงาม หรือดูแล้วน่ากลัว แต่การเกิดปรากฏการณ์ของธรรมชาติแต่ละครั้งมักจะมีการบ่งบอกถึงอะไรบางสิ่งบางอย่างที่จะเกิดขึ้น และทำให้มนุษย์อย่างพวกเราต้องเตรียมตัวรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นและอาจจะนำมาซึ่ง “ภัยธรรมชาติ” นั่นเอง
ที่มา : http://www.learners.in.th/blogs/posts/398295
____________________
เครดิต : http://dek-d.com/board/view.php?id=1594245
________________________________
เตรียมตัวลืมคำว่า เมกะพิกเซล กันได้แล้วเมื่อ กล้องที่สามารถถ่ายรูปที่มีความละเอียดระดับ กิกะพิกเซล ได้ถือกำเนิดแล้ว
พอดีมีคนสงสัยว่าเจ้าภาพ ขนาด 1 G มันมีจริงหรือ!
Admin เลยจัดมาให้ชมกัน ให้หายสังสัย...
กล้องตัวนี้เป็นผลงานของ มหาวิทยาลัย Duke ได้สร้างกล้องที่มีความละเอียดระดับ
กิกะพิกเซลที่มีชื่อว่า Aware-2 โดยขณะนี้กล้องตัวนี้ยังเป็นเพียงกล้องต้นแบบอยู่
มันสามารถถ่ายรูปได้มีความละเอียดสูงสุดถึง 50 กิกะพิกเซล(5หมื่นเมกะพิกเซล)
ด้วยความละเอียดระดับนี้ทำให้ วัตถุที่อยู่ไกล 800 เมตรยังสามารถซูมดูรายละเอียดได้อย่างชัดเจน
และซึ่งการพัฒนาในขณะนี้สามารถทำได้ที่ระดับ 1 พันล้านพิกเซล และกำลังทำการพัฒนาต่อเนื่องไปอีกในอนาคตเพื่อนำไปใช้ในวงการทหาร ส่วนการจะเอามาใช้งานจริง ไม่แน่ว่าอนาคตเราอาจได้เห้นกล้องระดับ Gigapixel ก็เป็นได้ ใครจะไปรู้
ตัวกล้อง AWARE-2 Camera 001 ความละเอียดเต็ม:. 2.0137 กิกะไบต์, 1150 .pgm images from all cameras |
ตัวกล้อง AWARE-2 Camera 002 ความละเอียดเต็ม:. 1.3156 กิกะไบต์, 98 .pgm images from all cameras |
ลองกด ซูมดู
ที่มา : http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-2162930/Gigapixel-camera-Prototype-Duke-University-scientists-captures-images-FIVE-times-better-human-eye.html
http://disp.duke.edu/projects/mosaic/cam001.html
http://disp.duke.edu/projects/mosaic/cam002.html
http://wowboom.blogspot.com/2012/06/50-gigapixel-camera.html
____________________
เครดิต :
________________________________
หากใครที่กำลังเบื่อโลกมนุษย์ ต้องการหลีกหนีไปให้ไกล โอกาสนี้มาถึงแล้วเมื่อสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าของบริษัท มาร์ วัน มีการเปิดขายตั๋วเดินทางไปตั้งรกรากที่ดาวอังคารในอีก 11 ปีข้างหน้า โดยจะมีการส่งนักบินอวกาศจำนวน 4 คนไปบุกเบิก แล้วทยอยส่งไปเรื่อยๆครั้งละ 4 คนในทุกๆ 2 ปี
ภาพถ่าย แบบ 360 องศา บนดาวอังคาร ล่าสุด จากทางนาซ่าให้เราได้ชมความงดงามของแผ่นดิน
และท้องฟ้าแห่งดาวแดง ดาวอังคาร
โดยยานสำรวจ Mars Exploration Rover Opportunity โดยใช้กล้อง Panoramic camera หรือ Pancam
โดยรวมเอาภาพถ่ายแต่ละช็อต กว่า 817 ภาพ มาต่อกันให้ กลายเป็นภาพแบบ 360 องศา อย่างที่เห็น
แต่ถึงกระนั้น Admin ก็ยังไม่ลืมสังเกตสิ่งผิดปกติ บนดาวแดงดวงนี้ (มีใครเห็อะไรไหม)
ก็ซูมๆ เห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง เนื่องจากภาพ ในเวปใซต์ แหล่งข้อมูลค่อนข้างเล็ก
เลยตัดสินใจ โหลดภาพต้นฉบับจากทางนาซ่า
ด้วยขนาดที่ใหญ่โตมโหฬาร ผนวกกับ ความเร็วอินเตอร์แบบ Super Ultra High Speed Internet ของ Admin จึงใช้เวลาดาวน์โหลดกว่าครึ่งค่อนวันกว่า จะได้ ภาพที่มีขนาดเกินครึ่ง 1 G.
เอาละเราลองมาดู สิ่งนี้กัน
ภาพจากทางน่าซ่า
ขยายให้เห็นชัดละกัน...
ที่มา : http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-2170196/Mars-Exploration-photo-Spectacular-360-panorama-captured-NASAs-Opportunity-Rover.html
____________________
รับชมภาพเต็มๆ ซูมสุดขอบฟ้าได้ที่นี่ : http://www.jpl.nasa.gov/spaceimages/details.php?id=PIA15689
________________________________
โลกเรานั้นเดิมทีเคยมีดวงจันทร์ถึง 3 ดวง ชื่อว่า Fatta, Lelia, Mesiats ชาวอารยัน (Aryan) เป็นผู้ที่นำดวงจันทร์มาไว้ที่นี่ทั้ง 3 ดวง ด้วยจุดประสงค์บางอย่าง ดวงจันทร์ทั้ง 3 ดวง เป็นเสมือนดาวเทียม ผมเองก็หลงเข้าใจตั้งนานว่าดวงจันทร์เหล่านี้ พวกเรปทิเลียน (Reptilian) นำมา ซึ่งเป็นพวกคล้ายสัตว์เลื้อยคลาน
ดวงที่ชื่อ Fatta มีแรงดึงดูดมหาศาล Fatta ในภาษากรีกเรียกว่า Phaeton ส่วนชาวสุเมเรียนเรียก Tiamat เมื่อ 111,814 ปีก่อนคริสกาล เคยมีสงคราม (star war) ซึ่งน่าจะเป็นสมัยแอตแลนติก
ดวงจันทร์ Fatta, Lelia เป็นที่อาศัยของเผ่าพันธุ์เกรย์ (Grays) ว่ากันว่า Demigod มีความหมายอีกทีคือ “เผ่าพันธุ์มนุษย์” ที่มีระดับทางจิตวิญญาณ (Spiritual) และเทคโนโลยีที่สูงกว่ามนุษย์บนโลก ได้ทำลาย Fatta, Lelia โดยเริ่มทำลาย Lelia ก่อน และหลังจากนั้นก็ทำลาย Fatta ชิ้นส่วนจาก Fatta ตกลงสู่พื้นโลกด้วยแรงกระแทกอันมหาศาล ทำให้เกิดการเปลี่ยนขั้ว (polar shift) เอียง 23.5 องศา
(ฉะนั้น นิบิรุ – NIBIRU จึงไม่เคยพุ่งชนโลก) ชิ้นส่วนของ Fatta จมอยู่ใต้มหาสมุทร เนื่องจาก Fatta มีอิทธิพลต่อโลกมาก มีผลทำให้โลกหมุนช้า และเนื่องจากมันถูกทำลาย จึงทำให้โลกหมุนรอบตัวเองเร็วขึ้น ส่วน Mesiats มันคือดวงจันทร์ที่เห็นอยู่นี่เอง
หลายปีที่มีการติดต่อกับเผ่าพันธุ์เกรย์นั้น เทคโนโลยีได้พัฒนาขึ้นมาก เช่น Antigravity-Type Craft ซึ่งสามารถเดินทางไป ดวงจันทร์ Moon, ดาวอังคาร Mars และ ดาวศุกร์ Venus ได้
รัฐบาลนั้นยังปิดบังโกหกต่อสาธารณชนอย่างมากในเรื่องพวกนี้ เช่น ความจริงที่ว่าบนดวงจันทร์มีต้นไม้ และพืชเติบโตที่นั่น สามารถเปลี่ยนสีได้ตามฤดูกาล และมีก้อนเมฆด้วย ซึ่งเป็นด้านมืดของดวงจันทร์ และสามารถเดินได้บนดวงจันทร์โดยมีแรงโน้มถ่วงเช่นเดียวกับโลก
อังเดร ฟิงเกลสทีน (Andrei Finkelstein) นักดาราศาสตร์ชื่อดัง ซึ่งทำงานให้กับรัฐบาลรัสเซีย ได้ออกมายืนยันด้วยตัวเอง เมื่อ 27 มิถุนายน 2553 ว่า ในจักรวาลยังมีสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ อยู่ พร้อมระบุว่า มนุษยชาติจะได้เผชิญหน้ากับผู้มาเยือนจากนอกโลกอย่างแน่นอน ภายในระยะเวลา 20 ปีนับจากนี้…
ข้อมูลจากนักดาราศาสตร์ชั้นนำของรัสเซียระบุว่า มนุษยชาติจะได้เผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวอย่างแน่นอนภายในปี ค.ศ. 2031 หรืออีก 20 ปีนับจากนี้ โดย อังเดร ฟิงเกลสทีน เปิดเผยเรื่องดังกล่าวระหว่างที่เขาเดินทางไปกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุมนานาชาติว่าด้วยเรื่อง “การค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก” โดยเขาได้ย้ำกับที่ประชุมว่า “นอกจากโลกของเราแล้ว ในจักรวาลยังมีดาวอีกหลายดวงที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมกับการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต และมีความเป็นไปได้อย่างมากที่มนุษย์ต่างดาวจะมีรูปร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์ คือ มี 2 แขน, 2 ขา และ 1 ศีรษะ”
การเปิดเผยล่าสุดของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังของรัสเซียรายนี้ เป็นการตอกย้ำกระแสความเชื่อเรื่องสิ่งมีชีวิตนอกโลกให้ชัดเจนยิ่งขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ วารสารทางวิชาการ “The Journal of Cosmology” ได้ตีพิมพ์บทความที่อ้างว่า มีการค้นพบซากไมโครฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตนอกโลกปะปนมากับอุกกาบาต
ที่ตกลงสู่พื้นโลกมาแล้วเช่นกัน
ที่มา : http://www.mythland.org/v3/thread-4660-1-1.html
____________________
เครดิต : http://www.bobthai.com
________________________________