นัก วิทย์พบโครงกระดูกต้นตระกูลคนที่เก่าแก่ที่สุด 4.4 ล้านปี ในเอธิโอเปียบ้านเดียวกันกับ “ลูซี” แย้งความเชื่อคนมาจากลิง นักวิจัยเผยไม่ใช่ทั้งคนและชิมแปนซี แต่มีลักษณะเข้าใกล้บรรพบุรุษร่วมคนกับลิงมากยิ่งขึ้นทุกที สอดคล้องทฤษฎีดาร์วิน
หน้า ปกวารสารไซน์ฉบับพิเศษของเดือน ต.ค. 52 ที่ตีพิมพ์ภาพโครงกระดูก "อาร์ดี" และภายในเล่มได้ตีพิมพ์งานวิจัยเกี่ยวกับการค้นพบโครงกระดูกสิ่งมีชีวิต ตระกูลคนที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเป็นครั้งแรก (เอเอฟพี)
ภาพ 3 มิติที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์จากการวิเคราะห์ของเดเมอร์ โอเลจาร์
ในปี ค.ศ. 1988 เออรอล ทอรัน นักวิจัยชาวอเมริกันได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลภาพถ่ายพีระมิดดีและเอ็ม ทอรันมีความเห็นว่าโครงสร้างที่เห็นนั้นน่าจะเกิดจากการก่อสร้าง มิใช่เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ จากนั้น ไรแลนด์ บาคแมนก็ทำการวิเคราะห์ซ้ำเช่นกันและมีความเห็นเช่นเดียวกับทอรัน แต่รายละเอียดนั้นแตกต่างกัน
ในปี ค.ศ. 1976 เมื่อยานไวกิงได้ทำการโคจรสำรวจและถ่ายภาพดาวอังคารส่งกลับมายังโลกนั้น องค์การนาซาได้รับข้อมูลภาพกว่า 60,000 ภาพ และในภาพเหล่านั้นมีอยู่ภาพหนึ่งซึ่งเป็นภาพของดาวอังคารในแถบที่เรียกว่าไซโดเนีย (Cydonia) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของดาวอังคาร
Voynich manuscript เป็นหนังสือ ที่ลึกลับที่สุดในโลก เนื่องจากภาษาที่ใช้ได้มีการเข้ารหัส ที่ยังไม่สามารถถอดความได้ มันถูกเขียนด้วยปากกาขนนก มีขนาด 6 x 9 นิ้ว หนา 11/2นิ้ว มีอยู่ 240 หน้า แต่บางหน้าขาดหายไป ปกสมุดทำจากหนังลูกวัวสีครีม ไม่มีการระบุชื่อผู้เขียน ชื่อเรื่องหรือปีที่เขียนใด
หนังสือ เป็นสิ่งพิมพ์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้อ่านง่ายและเข้าใจวัตถุประสงค์ของ ผู้เขียน หากแต่กระนั้นก็ยังมีหนังสือและตัวอักษรมากมายที่คนอ่านแล้วอึ้งอย่างแรงว่า มันต้องการสื่ออะไรว่ะเนี้ย เนื่องจากผู้เขียนเขียนด้วยอักษรเฉพาะคนตนเองพร้อมกับภาพแปลกๆ ที่สื่อเหมือนไม่เต็มใจนำเสนอ เหมือนว่าปิดบังความลับที่สำคัญเกี่ยวกับศาสนาหรือเวทมนต์อะไรสักอย่าง และนี้คือ 10 หนังสือที่นักวิจัยและนักอักษรศาสตร์ งง ที่สุดในประวัติศาสตร์ ว่ามันต้องการสื่ออะไรกันแน่?
10.Codex Seraphinianus
Bosnian pyramid
เป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ของ อินเดียน่า โจนส์ (ตัวจริง)กับหุบเขาปิรามิดอย่างน้อยสามแห่ง ที่ตั้งอยู่ในหุบเขา
ขนานนามกันว่าปิรามิดแห่งดวงอาทิตย์ , ดวงจันทร์
, Dragon , Love และ Earth ซึ่งปิรามิดกลุ่มนี้ตั้งอยู่ในทวีปยุโรป
สันนิษฐานว่า มหาปิรามิดแห่งนี้ มีอายุเก่าแก่ถึง 12,000 ปีเลยที่เดียว
องค์ใหญ่สุด มีขนาดฐานยาวถึง 365 เมตร กับมุมลาดเอียงที่ 60 องศา
มีขนาดใหญ่กว่าปิรามิดที่เมืองกิซ่า อียิปต์ ซะอีกครับ...
ขณะนี้กำลังขุดค้นเพื่อเปิดผิวชั้นดินที่ปกคลุมมายาวนานกับคนงานกว่า 700 คน
และทั้งหมดนี้กำลังอยู่ระหว่างการสืบค้นหาหลักฐานกันอยู่ครับ
กลุ่มเมฆประหลาด!! มองดูคล้ายห่อหุ้มวัตถุขนาดใหญ่ มีสายฟ้าวูบวาบวิ่งวนรอบๆ
ที่เมือง Montreal ประเทศแคนาดาในคืนวันที่ 21 ที่ผ่านมา ได้เกิดกลุ่มเมฆประหลาดเกิดขึ้น Cloud Thunder
ปรากฏการณ์นี้คล้ายกับภาพถ่ายในปี 1957 ที่ทางการทหารสหรัฐได้เคยบันทึกไว้ในแฟ้มลับ UFO
ในนเอกสารบันทึกว่า ทหารสหรัฐนายหนึ่งพร้อมเพื่อนอีกคนได้ถ่ายไว้ในเช้าวันหนึ่งของเดือนกันยายน ปี 1957
เป็นปรากฏการณ์การ ก่อตัวของเมฆประหลาดขนาดใหญ่ พร้อมกับการเกิดกลุ่มควันสีขาวในลักษณะรูปวงแหวน พร้อมกับมีวัตถุทรงกลมปรากฏขึ้น แต่วัตถุนั้นยังถูกปกคลุมห่อหุ้มไว้ด้วยเมฆสีเทาดำ จึงทำไห้มองเห็นแบบลางๆไม่ชัดเจน กลุ่มเมฆและวัตถุประหลาดนี้จับกลุ่มลอยอยู่บนท้องฟ้าเป็นเวลา ประมาณ 5 นาที จึงสลายตัวไป
และจากคำบรรยายประกอบคลิปวิดีโอ ผู้โพสยืนยันว่า.. สิ่งที่เขาถ่ายได้.. แน่นอน!! มันคือUFO
เขาเล่าพร้อมกับทำมือฟันธง โช้บ!!อย่างแรง..
อีหนึ่งคลิป
ในขณะที่ก้อนเฆมก้อนอื่นๆ เคลื่อนที่ไปตามกระแสลม
แต่ก้อนนี้กลับหยุดนิ่งอยู่กับที่ และดูเหมือนจะคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยซ้ำ..
มีเพียงเศษกลุ่มควันที่ถูกลมพัดปลิวออกไป ก้อนหลักกลับนิ่ง...
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
ที่เมือง Montreal ประเทศแคนาดาในคืนวันที่ 21 ที่ผ่านมา ได้เกิดกลุ่มเมฆประหลาดเกิดขึ้น Cloud Thunder
ดูจากคลิปแล้วจะเห็นได้ว่า มีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปรอบๆยาน ตลอดเวลา
ในนเอกสารบันทึกว่า ทหารสหรัฐนายหนึ่งพร้อมเพื่อนอีกคนได้ถ่ายไว้ในเช้าวันหนึ่งของเดือนกันยายน ปี 1957
เป็นปรากฏการณ์การ ก่อตัวของเมฆประหลาดขนาดใหญ่ พร้อมกับการเกิดกลุ่มควันสีขาวในลักษณะรูปวงแหวน พร้อมกับมีวัตถุทรงกลมปรากฏขึ้น แต่วัตถุนั้นยังถูกปกคลุมห่อหุ้มไว้ด้วยเมฆสีเทาดำ จึงทำไห้มองเห็นแบบลางๆไม่ชัดเจน กลุ่มเมฆและวัตถุประหลาดนี้จับกลุ่มลอยอยู่บนท้องฟ้าเป็นเวลา ประมาณ 5 นาที จึงสลายตัวไป
และจากคำบรรยายประกอบคลิปวิดีโอ ผู้โพสยืนยันว่า.. สิ่งที่เขาถ่ายได้.. แน่นอน!! มันคือUFO
เขาเล่าพร้อมกับทำมือฟันธง โช้บ!!อย่างแรง..
อีหนึ่งคลิป
ในขณะที่ก้อนเฆมก้อนอื่นๆ เคลื่อนที่ไปตามกระแสลม
แต่ก้อนนี้กลับหยุดนิ่งอยู่กับที่ และดูเหมือนจะคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยซ้ำ..
มีเพียงเศษกลุ่มควันที่ถูกลมพัดปลิวออกไป ก้อนหลักกลับนิ่ง...
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
โดยมีจรวด Atlas เป็นตัวผลักดันออกจากโลกด้วยความเร็ว 51,810 กม./ชม.
ซึ่งเป็นการทำสถิติความเร็วใหม่ของยานหรือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
ยานไพโอเนียร์ 10 ใช้เวลาเดินทางเพียง 11 ชม.ก็บินผ่านพระจันทร์มุ่งหน้าสู่ดาวอังคาร ซึ่งก็ใช้เวลาอีกประมาณ 4 เดือน ก็ผ่านวงโคจรดาวอังคารออกไป
แม้จะยังไม่มีการพบตัวตนจริงๆ ของมนุษย์ต่างดาวอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีคนจำนวนมากที่เชื่อว่า มนุษย์ต่างดาว มีจริง และเคยเดินทางมาเยือนโลกของเราตั้งแต่สมัยโบราณ โดยอ้างถึงสิ่งก่อสร้างแปลกๆ ที่ยังหาที่มาที่ไปไม่ได้หลายๆ อย่าง อาทิ รูปสลักหินบนเกาะอีสเตอร์ รวมไปถึง พีระมิดที่อียิปต์ ก็ยังมีคนตีขลุมว่าเป็นผลงานของมนุษย์ต่างดาวเอาดื้อๆ ทุกวันนี้คนที่เชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวมีหลักฐานภาพถ่ายยานอวกาศ และรูปร่างหน้าตาของมนุษย์ต่างดาวมายืนยัน ทว่าความน่าเชื่อถือยังเป็นที่เคลือบแคลงอยู่
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. โดยอ้างข้อมูลจากนักดาราศาสตร์ชั้นนำของรัสเซียที่ระบุว่า มนุษยชาติจะได้เผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวอย่างแน่นอนภายในปี ค.ศ. 2031 หรืออีก 20 ปีนับจากนี้ โดยรายงานข่าวระบุว่า อังเดร ฟิงเคิลสไตน์ นักดาราศาสตร์ชื่อดังซึ่งทำงานให้กับรัฐบาลรัสเซียออกมายืนยันด้วยตัวเอง เมื่อวันจันทร์ (27มิ.ย.)ว่า ในจักรวาลยังมีสิ่งมีชีวิต อื่นๆอยู่ รูปแบบของชีวิตไม่ได้มีแต่บนโลกของเราเท่านั้น พร้อมระบุว่า มนุษยชาติจะได้เผชิญหน้ากับผู้มาเยือนจากนอกโลกอย่างแน่นอนภายในระยะเวลา 20 ปีนับจากนี้
ถูกปกปิดเป็นความลับมากว่า 17 ปี รายงานลับสุดยอดเครื่องบินพาณิชย์ ของอิตาลี หวุดหวิดชนกับยานอวกาศ มนุษย์ต่างดาวเหนือสนามบินในประเทศอังกฤษ
ค้นพบพีระมิดและหลุมศพโบราณที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินด้วยดาวเทียมอินฟาเรด
ทั้งนี้ ที่มหาวิทยาลัยอลาบามา ที่เบอร์มิ่งแฮม ดร. ซาร่า พารคัก นักอียิปต์วิทยาและทีมงานเป็นผู้ทำการสำรวจพบที่ตั้งของพีระมิด 17 แห่ง หลุมศพกว่า 1,000 หลุมและโบราณสถานกว่า 3,000 แห่งฝังอยู่ใต้ทะเลทรายผ่านแสงอินฟาเรดเหนือพื้นโลกขึ้นไป 450 ไมล์ (720 ก.ม.) นอกจากนี้ยังคงพบพีระมิดอีก 2 แห่งบนพื้นดินด้วย
ถ้ำคริสตัลขนาดใหญ่ ชื่อว่า “ไนก้า” ที่ประเทศเม็กซิโก เป็นถ้ำที่ถูกค้นพบโดยบังเอิญโดยคนงานเหมือนแร่ 2 คน เมื่อหลายสิบปีก่อน มันมีขนาดใหญ่พอที่จะนำรถทั้งคันเข้าไปจอดได้ มีความลึกของถ้ำราว 300 เมตร
โดยทีม “โอเชียน เอ็กซ์พลอเรอร์” จำนวน9 คน ซึ่งทำเงินเป็นจำนวนมากจากการค้นหาและขายสมบัติใต้ทะเลจากน่านน้ำต่างๆ ทั่วโลก ได้พบวงกลมประหลาดวงหนึ่งที่อาจเป็นร่องรอยยานยูเอฟโอ ที่ระดับความลึกกว่า 87 เมตร บริเวณก้นทะเลบอลติค เมื่อวันที่ 19 ม.ย. ที่ผ่านมา
ข่าวคราวของสิ่งก่อสร้างบนดาวอังคาร...
...ซึ่งลักษณะคล้ายคลึงกับสฟิงซ์แห่งกิเซยังไม่จางหาย ตรงข้ามครับ กลับมีคนค้นพบและพยายามหาหลักฐาน ซึ่งเป็นทั้งภาพถ่ายและตำนาน ออกมานำเสนอสู่สาธารณชนกันอยู่เรื่อยๆ
ในจุดนี้แหละครับ ที่ทำให้มีคนปิ๊งในปัญญาขึ้นมาว่า หากสิ่งก่อสร้างบนดาวอังคารมันมีจริงแล้วไซร้ ไฉนเลยมันจะไม่มีร่องรอยปรากฏอยู่ บนดาวบ้านใกล้เรือนเคียง เช่นว่าดวงจันทร์หรือโลกบ้าง
...ซึ่งลักษณะคล้ายคลึงกับสฟิงซ์แห่งกิเซยังไม่จางหาย ตรงข้ามครับ กลับมีคนค้นพบและพยายามหาหลักฐาน ซึ่งเป็นทั้งภาพถ่ายและตำนาน ออกมานำเสนอสู่สาธารณชนกันอยู่เรื่อยๆ
ในจุดนี้แหละครับ ที่ทำให้มีคนปิ๊งในปัญญาขึ้นมาว่า หากสิ่งก่อสร้างบนดาวอังคารมันมีจริงแล้วไซร้ ไฉนเลยมันจะไม่มีร่องรอยปรากฏอยู่ บนดาวบ้านใกล้เรือนเคียง เช่นว่าดวงจันทร์หรือโลกบ้าง
เรื่องของ Face on Mars หรือใบหน้าบนดาวอังคาร เป็นที่ถกเถียงกันมาหลายปีแล้ว ว่ามันเป็นเรื่องจริง เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีอยุ่บนดาวอังคารจริงๆ หรือว่าเป็นแค่ความบังเอิญ อันเนื่องมาจากข้อผิดพลาดทางเทคนิคของการถ่ายภาพ คนที่มีมนุษย์ต่างดาวในหัวใจต่างก็หวังกันลึกๆ ว่ามันน่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างของอารยธรรมบนดาวอังคาร เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากนอกโลกก็อยู่ไม่ไกลเลย
จากการศึกษาหลายต่อหลายปี จากกลุ่มนักวิชาการและนักลึกลับศาสตร์จำนวนมากพบว่า เรื่องของดาวอังคาร มีจารึกอยู่ในตำนานโบราณมากมาย โดยเฉพาะคัมภ์ไบเบิล มีการกล่าวถึงการสู้รบของเทวทูตสองฝ่าย บางคนเชื่อว่า เหตุการในพระคัมภีร็ตอนหนึ่งที่กล่าวถึงที่มั่นของเทวทูตฝ่ายกบฏ ก็คือเมืองบนดาวอังคารนี่เอง แต่นั่นก็เป็นเพียงการตีความครับ หาหลักฐานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้ ดังนั้นคนที่กระหายใคร่รู้เรื่องนี้จึงได้แต่รอผลพิสูจน์จากองค์การนาสา เพียงอย่างเดียว นับตั้งแต่มีการพบใบหน้าบนภาพถ่ายใบแรก นาสาก็ส่งยานอวกาศและดาวเทียมไปสำรวจดาวอังคารเป็นว่าเล่น น่าเสียดายที่ไม่มีลำไหนสามารถลงไปถ่ายภาพชนิดใกล้ชิดได้เลย เนื่องจากเครื่องมักจะ "ขัดข้อง" ทุกครั้งเมื่อเข้าสู่บรรยากาศของดาวอังคาร
ชาวกรีกโบราณเรียกดาวดวงนี้ว่า Red Planet หรือ ดาวเคราะห์สีแดง Mars เป็นชื่อโรมันครับ ชื่อในภาษากรีกคือ Ares เทพแห่งสงคราม เป็นดวงดาวที่มองเห็นด้วยตาเปล่าได้ชัดเจนพอๆกับดาวศุกร์ และใช้เป็นเครื่องหมายบอกทิศของนักเดินทางในสมัยก่อน
ดาวอังคารเป็นที่ดึงดูดใจของนักดาราศาสตร์ทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น อาจจะเนื่องมาจากความสวยงามของมันครับ นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า อาจเคยมีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวอังคาร ในขณะที่บางคนเสนอแนวคิดว่า ต่อไป ดาวอังคารอาจเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตในอนาคต ก็ตามแต่จะว่ากันไปล่ะครับ ที่แน่ๆก็คือ ดาวอังคารจะเป็นเป้าหมายแรกของมนุษย์ชาติ ในยุคแห่งการบุกเบิกอวกาศ ซึ่งจะมาถึงในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน
ดาวอังคารเป็นดาวดวงแรกที่เป็นทางผ่าน หากมนุษย์ต้องการเดินทางออกนอกระบบสุริยะ เชื่อไหมครับว่า ในช่วงที่ดาวอังคารอยู่ใกล้โลกที่สุด มันจะดูสว่างสุกใสกว่าดาวดวงใดๆบนท้องฟ้า พื้นดินสีแดงของดาวอังคารทำให้นักวิทยาศาสตร์เรียกดาวดวงนี้กันเล่นๆว่า "Red Planet" ครับ
ปีหนึ่งของดาวอังคารกินเวลา 779.9 วันหากนับตามเวลาของโลก และวันหนึ่งบนดาวอังคารจะยาวกว่าโลกของเราประมาณ 37 นาที บรรยากาศส่วนมากเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มีน้ำแข็งปกคลุมอยู่ประปรายที่แกนเหนือและใต้ของดาว พื้นผิวของดาวอังคารเต็มไปด้วยหลุมอุกาบาต หุบเหว แนวภูเขาไฟ ตลอดจนคลองยาวเหยียดที่ไม่มีน้ำ ปกติแล้วดาวอังคารจะมีพายุอย่างรุนแรงตลอดเวลา อนุภาคฝุ่นเล็กๆเหล่านี้จะลอยขึ้นสูงมาก จนบางครั้งปกคลุมชั้นบรรยากาศจนมองไม่เห็นพื้นผิวของดาวเลย ดาวอังคารมีดวงจัทร์เป็นบริวารอยู่สองดวงครับ ชื่อ โฟโบส กับ เดมิออส ( Phobos and Demios ) เนื่องจากขนาดของดวงจันทร์ทั้งสองนี้เล็กมาก นักวิทยาศาสตร์จึงตั้งข้อสันนิษฐานว่า ดวงจันทร์เหล่านี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ หากแต่เป็นอุกาบาต หรือดาวเคราะห์น้อยที่บังเอิญโคจรผ่านมา แล้วถูกแรงดึงดูดของดาวอังคารจับเอาไว้ครับ
นักดาราศาสตร์ยุคใหม่ผิดหวังไปตามๆกันครับ เมื่อการสำรวจของศตวรรษที่ 20 นำทีมโดยสหรัฐอเมริกาและโซเวียตรัสเซียเก่า ต่างยืนยันว่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆบนดาวอังคาร และยิ่งผิดหวังหนักขึ้นไปอีก เมื่อได้ศึกษาถึงบรรยากาศของดาวอังคาร ตลอดจนภูมิประเทศ เพราะมันไม่เอื้ออำนวยต่อสิ่งมีชีวิตเลย พวกจุลชีวะอาจจะพอดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่สัตว์ที่มีโครงสร้างสลับซับซ้อน พอที่จะสร้างอารยธรรมขึ้นมาอย่างมนุษย์เนี่ย เห็นทีจะมีอยู่ยากครับ
ความหวังของการพบสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารเริ่มเรืองรองขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อนาสาและองค์กรอวกาศ ของอดีตสหภาพโซเวียตรัสเซีย ต่างทยอยประกาศรายละเอียดการค้นพบ ที่ยานสำรวจต่างๆได้มาจากดาวอังคาร ภาพถ่ายจากยานมารีเนอร์ 9 และ ยานสำรวจจากยานไวกิ้ง 1 และ 2 ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มคล้อยตามแล้วว่า บนดาวอังคาร มีสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่โต ลักษณะเป็นปิระมิดเรียงรายกันล้อมรอบสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่มีลักษณะเป็นใบหน้าคนอยู่จริง
ภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาภาพ "ใบหน้าบนดาวอังคาร" |
ส่วนที่เรียกกันว่า "Inca City"ครับ |
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
Pageviews