ถูกปกปิดเป็นความลับมากว่า 17 ปี รายงานลับสุดยอดเครื่องบินพาณิชย์ ของอิตาลี หวุดหวิดชนกับยานอวกาศ มนุษย์ต่างดาวเหนือสนามบินในประเทศอังกฤษ
รายงานลับยืนยันว่า เป็นเจตนายาน ยูเอฟโอ.ตามไล่หลัง เครื่องบินไอพ่นพาณิชย์ โดยไม่รู้จุดมุ่งหมายแน่ชัด
เหตุประหลาดเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 21 เมษายน ค.ศ.1991 เมื่อวัตถุบินลึกลับ รูปร่างคล้ายขีปณาวุธมิสไซล์ ได้พุ่งเฉียดเครื่องบินพาณิชย์บริษัทอลิตาเลียของอิตาลี เหนือสนามบินฮีธโรว์ กรุงลอนดอนอย่างหวุดหวิด
ขณะนั้นเครื่องบินพาณิชย์ของสายการบินอลิตาเลีย มีผู้โดยสาร 59 ชีวิต พร้อมลูกเรืออีกจำนวนหนึ่ง บินอยู่ในท้องฟ้าระดับ ความสูง 22,000 ฟุต เพื่อเตรียมร่อนลงสนามบินดังกล่าว
นักบินในเครื่องบินเจ็ตอลิตาเลีย ชื่อกัปตันอชิลล์ ซาเกตตี เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นวัตถุบินลึกลับ ซึ่งมีความยาวราว 30 ฟุต
“ผมมองเห็นวัตถุบินลึกลับ บินผ่านหัวไปชั่วระยะเวลา 3-4 วินาที รูปร่างของมันคล้ายจรวดขีปณาวุธมิสไซล์ มีแสงสีน้ำตาลพุ่งจากตอนท้าย” กัปตัน อลิตาเลียกล่าว
“เมื่อตั้งสติได้ผมตะโกนออกมา... ดูนั่น ดูนั่น พร้อมกับชี้นิ้วให้นักบินผู้ช่วยดู เขาพยักหน้ารับ เป็นสัญญาณว่ามองเห็นแล้ว”
“ช่วงเวลาที่วิกฤติบินลึกลับ โฉบบินผ่านด้านบนไป ผมวิทยุติดต่อไปยังหอบังคับการ บินเบื้องล่าง ถามโอเปอเรเตอร์ว่า มองเห็นอะไรในจอเรดาร์หรือไม่ เจ้าหน้าที่หอการบินตอบว่า “มีอะไรบางอย่างไม่รู้แน่ชัด ตามหลังคุณไป”
จากการเคลื่อนที่บนจอเรดาร์ที่จับภาพไว้ได้ เจ้าหน้าที่ประมาณว่ายานยูเอฟโอ. ใช้ความเร็วบินตามเครื่องบินพาณิชย์ ด้วยความเร็วไม่เกิน 120 ไมล์ต่อชั่วโมง แล้ว บินผ่านเครื่องบินพาณิชย์ในระยะห่าง 500 ฟุต จากนั้นทำความเร็ว บินหายวับไปเป็นมุมบิน ตรงขึ้นท้องฟ้า หายวับไปในก้อนเมฆ
นักบินให้การว่า “ตนเองแค่ เหลือบตามองจอเรดาร์แค่แวบเดียว ยานยูเอฟโอ.ก็หายวับไปแล้ว
3 ชั่วโมงต่อมาในรายงานข่าวใน แฟ้มลับเดียวกันนี้ ตำรวจเมืองเอสเซ็กซ์ ประเทศอังกฤษ ได้รายงานต่อผู้บังคับบัญชา ว่าพบยานลึกลับ สีทึบแสง ปราศจากเสียง บินลอยลำเหนืออยู่เหนือหัว ขณะจอดรถกวดขัน วินัยจราจรบนทางหลวง
ขณะเดียวกัน จากจอเรดาร์ในค่าย ทหาร ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียง จับภาพวัตถุบิน ประหลาดได้เช่นกัน แต่รายงานหน่วยเหนือ ไปว่า มันคือ “จรวดร่อน” (ขีปณาวุธร่อนข้าม ทวีปบินเรี่ยพื้นที่มีชื่อเสียงได้แก่รุ่น โทมาฮอว์ค ของสหรัฐอเมริกา)
“ไม่มีเบาะแสว่า วัตถุบินที่ปรากฏ ขึ้นในจอเรดาร์ หน่วยทหาร เป็นยานบินอะไร รุ่นใด จากประเทศใด แต่มีรูปร่างเหมือนกับที่ นักบินที่ 1 ของสายการบินอลิตาเลีย อธิบายไว้” รายงานตอนหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลอังกฤษ ตั้งขึ้นมา เป็นคณะกรรมการสอบสวน หาข้อเท็จจริง
“เมื่อเราขมวดประเด็นข้อมูลที่ได้รับ มาทุกด้าน จึงฟันธงไปในรายงานว่า สิ่งที่ พบเห็นในวันนั้น และมีพฤติืกรรมบินไล่ตาม เครื่องบินเจ็ทพาณิชย์ และร่อนอย่างเงียบ ๆ เหนือเมืองใหญ่ คือจานผี หรือยูเอฟโอ.”
“อย่างไรก็ตาม ผู้พบเห็นไม่อาจ บรรยายรูปร่างได้อย่างแน่ชัด เพราะเห็นแค่ แวบเดียว และเห็นอยู่ในมุมสูง อีกทั้งการบิน หายลับไป ยานลึกลับใช้ความเร็วสูงมาก อาจเหนือเสียงนับร้อยเท่า”
อีกรายงานหนึ่งที่น่าเชื่อถือได้ เกี่ยวกับการปรากฏตัวยานยูเอฟโอ.ได้บันทึก ไว้ในรายงานกองทัพอากาศอังกฤษ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ.1991 ซึ่งผู้โดยสารเครื่องบิน พาณิชย์รุ่นโบอิ้ง 737 เกือบทั้งลำ มองเห็น วัตถุลึกลับด้วยสองตาของตนเอง มีลักษณะคล้าย “จรวดไร้ปีก”
จรวดไร้ปีกลำนั้น เร่งความเร็วแซง ขึ้นหน้าโบอิ้ง 737 ขณะเพิ่งบินทยานขึ้นจาก ท่าอากาศยานแก็ตวิค กรุงลอนดอน
จากนั้นเดือนกว่าต่อมา นักบิน สายการบินบริตาเนีย แอร์เวย์ ขณะจะร่อนลง สนามบินแก็ตวิค ได้รายงานมายังหอบังคับ การบินอย่างละล่ำละลัก ว่า “เราพบยานบิน รูปร่างเหมือนสี่เหลี่ยม ขนมเปียกปูน กำลัง บินแข่งกับเราในระยะ ห่างกันแค่ 100 หลา จากที่นั่งนักบินถึงตัว ยานลึกลับ”
จอเรดาร์ ที่หอบังคับการ เบื้องล่าง ก็จับภาพ ยานลึกลับนี้ได้ ขณะบินตามเครื่องบิน พาณิชย์ด้วยความเร็ว 120 ไมล์ต่อชั่วโมง
เหตุการณ์ ทั้งหมดนี้ ต่อมา ได้รับการสรุปว่า เป็นการกระทำของ ยานมนุษย์ต่างดาว แต่ไม่ทราบ วัตถุประสงค์แน่ชัด
ยังมี เหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันนี้ เกิดขึ้นอีก เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2008 ที่ผ่านมา นักบินสาย การบินคอนติเนนตัล แอร์ไลน์ รายงานด่วน มายังหอบังคับการบิน สนามบินจอร์จ บุช แห่ง นครฮุสตันว่า...มีวัตถุบินลึกลับ คล้ายจรวด ไม่มีปีก บินขนาบข้างเครื่องบินพาณิชย์ โดยไม่มีวี่แวว คุกคามทำร้ายแต่อย่างใด
หรือเมื่อเร็ว ๆ นี้ เมื่อปลายปี ที่ผ่านมา ก่อนเวลารุ่งสางเหนือเมืองทาง ภาคเหนือประเทศนอร์เวย์ เกิดเหตุการณ์ทำให้ ผู้พบเห็นพากันแตกตื่น เป็นลำแสงประหลาด ขดเป็นวงเหมือนก้นหอย
นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า เป็นการ ทดลองขีปณาวุธ “บูลาวา” ของกองทัพรัสเซีย ยิงจากเรือดำน้ำในทะเลขาว
แต่นักยูเอฟโอ.วิทยา ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า เกิดจากการร่อนบินยานยูเอฟโอ. เมื่อพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าใช้ขับเคลื่อนยาน ติดกับสนามแม่เหล็กโลก ที่บริเวณขั้วโลกเหนือ
จึงเกิดปรากฏการณ์ ลำแสงขดเป็นวงกลมเหมือนก้นหอย ซึ่งดูเผิน ๆ เหมือนแสงเหนือ
เป็นคำถามเดิม เหตุใดมนุษย์ ต่างดาวจึงทำลับ ๆ ล่อ ๆ กับชาวโลกเช่นนี้ เมื่อมาถึงโลกแล้ว ก็ควรมาเจริญสมพันธไมตรีกัน
คำถามนี้นักยูเอฟโอ.วิทยา ตอบ เหมือนเดิมเช่นกันว่า...เทคโนโลยีของ ชาวโลก ยังไม่สูงส่งพอไปสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้ ถ้าเราพัฒนาไปถึงขั้นสูงได้เมื่อใด มนุษย์ต่างดาวก็พร้อมกล่าวว่า... สวัสดีชาวโลก
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
loading...