นักวิจัยหลายรายล้วนแต่เผยแพร่ผลงานส่อทำนายว่า มีหวังว่ามนุษย์ประหลาดพวกนี้จะมากวาดล้างเรา เพราะเห็นเราเป็นพวกที่ไม่รู้ผิดรู้ชอบ แพร่พันธุ์รวดเร็ว หรือด้วยเหตุผลอย่างอื่น และยังได้ยกประวัติศาสตร์ของมนุษย์ขึ้นเป็นหลักฐานให้เห็นว่า ล้วนแต่แสดงความมุ่งร้ายกับมนุษย์แปลกหน้า รวมทั้งกับลิงชิมแปนซีและกอริลลา
ลัทธิโลกกลวงลวงโลก
ย้อนกลับไปก่อนความเชื่อเรื่องโลกกลวงกับฐานทัพของมนุษย์ต่างดาวและนาซี ดอกเตอร์ไซรัส รีด ทีด ผู้สร้างทฤษฎีที่ไม่มีใครเถียงได้ว่าไม่เป็นจริงซึ่งกล่าวว่า ภายในโลกนี้มีโลกกลวงที่มีพระอาทิตย์ครึ่งดวง และมีผู้คนอาศัยอยู่ เมื่อด้านหนึ่งมืด อีกด้านก็จะสว่าง ไม่เพียงแค่ความเชื่อนี้เท่านั้นที่เกิดขึ้นจากดอกเตอร์ ไซรัส รีด ทีด เพราะภายหลังที่สามารถสร้างทฤษฎีและต่อสู้อย่างข้าง ๆ คู ๆ จนประกาศว่าไม่มีใครพิสูจน์ว่าความคิดของเขาไม่จริง ซึ่งก็ไม่แปลกที่ไม่มีใครทำได้ ในเมื่อเรารู้กันดีว่าภายใต้โลก คือ หินร้อน และชั้นหิน ต่าง ๆ
“ซูเปอร์ UFO”
เจ้าหน้าที่การบิน เล่าว่า เมื่อเครื่องบินลาดตระเวนไปถึงความสูง 10,700 เมตร เขาก็เห็นวัตถุส่องแสงสว่างค่อยๆ เปลี่ยนจากขนาดเล็กเป็นขนาดใหญ่ รูปทรงกลม ใหญ่กว่าดวงจันทร์นับร้อยเท่า เส้นผ่าศูนย์กลาง 50 ไมล์ทะเล (1 ไมล์ทะเล เท่ากับ 1,852 เมตร) ปรากฏอยู่ 20 นาที จากนั้นแสงก็ค่อยๆ ริบหรี่ลงจนกระทั่งหายลับไป
หากย้อนเวลานั่งไทม์แมชชีนกลับไป ในช่วงเวลาประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล เราคงได้เห็นการใช้ชีวิต ที่อยู่ภายใต้แนวคิดที่เชื่อว่าโลกของเราแบน หากเดินทางไปจนสุดขอบโลก มนุษย์จะต้องตกลงไป ดังเรือเดินสมุทรมากมายที่เมื่อเดินทางออกไปในระยะทางไกลที่ต้องหลับหายไปจาก ขอบฟ้า ซึ่งแนวคิดนี้ได้สืบทอดมาอย่างยาวนานด้วยหลากหลายเงื่อนไข
ช่วงต้นปี 2010 กลุ่มนักวิทยาศาสตร์อเมริกันได้ทดสอบ DNA
ของสิ่งที่จะเป็นได้ว่าคือ กะโหลกของเอเลี่ยน
พยายามจะวิเคราะห์ Nuclear DNA (nDNA) แล้ว
คณะทัวร์ป่าหน้าฝนของอุทยานภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เดินทางสำรวจท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ ได้พบกับรอยเท้าบนหินก้อนใหญ่ ตามเส้นทางไปลานหินปุ่ม ตรงข้ามกับสะพานมรณะ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าตรวจสอบ
ชาวเมือง Oakville กรุง วอชิงตัน ต้องประหลาดใจ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 1994 เกิดฝนตกห่าใหญ่ แต่แทนที่จะเป็นฝนธรรมดา ชาวเมืองกลับเห็นลักษณะหยดน้ำฝนแตกต่างกันออกไปทุกครั้ง มันมีลักษณะเหมือนวุ้นเหมือนกาวนับไม่ถ้วนกำลังตกลงมาจากฟากฟ้า
ดำ ที่สุดในจักรวาล การที่อะไรจะำดำได้มันจะต้องสะท้อนแสงได้ต่ำ เมื่อแสงไม่สะท้อนออกมาเราก็จะมองเห็นมันเป็นสีดำ และดาวดวงนี้ก็มีค่าการสะท้อนแสงน้อยกว่า 1% ของแสงที่ตกกระทบ
ชาวบุรีรัมย์นับร้อย ตื่นแห่ดูลูกหมูเพศผู้ประหลาดคลอดออกมามี 1 หัว 2 หาง 3 หู มีขา 8 ขา สุดท้ายเสียชีวิต ขณะเจ้าของเชื่อจะนำโชค
เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรรมชาติของรัฐมินเนสโซต้า สหรัฐอเมริกา เข้าตรวจสอบศพสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง ที่ถูกพบอยู่บนถนนในเมืองโดวกลาส ซึ่งมีลักษณะเหมือนสัตว์ประหลาดดูดเลือดในตำนานของรัฐแห่งนี้
"นาซ่า" สร้างภาพจำลองฐานปฏิบัติการบนดวงจันทร์
ข้อมูลจาก "ยานอวกาศ" 3 ลำบ่งชี้หลักฐานการค้นพบ "น้ำ" บนดวงจันทร์ที่มีความน่าเชื่อถือที่สุดและมีการตีพิมพ์รายละเอียดลงใน "ไซเอินซ์ แม็กกาซีน" นิตยสาร วิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลก ช่วยเปิดทางให้ความฝันในการเริ่มต้นจัดตั้ง "อาณานิคมมนุษย์" บนดาวบริวารหนึ่งเดียวของโลกเขยิบเข้าใกล้ความจริงมากยิ่งขึ้น!
8ส.ค.54 สำนักข่าวต่างประเทศ ได้เผยว่า องค์การนาซาได้เปิดข้อมูลใหม่ที่เป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าดาวอังคารจะมีธารน้ำไหลมาก่อน โดยข้อมูลดังกล่าวรวบรวมได้จากยานสำรวจดาวอังคาร Mars Reconnaissance Orbiter
โดยคลิปดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ทางยูตุ้ปเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๔ ในขณะผู้โดยสารเครื่องบินลำหนึ่งใช้กล้องถ่ายภาพวิวกลุ่มเมฆ จู่ๆก็มีวัตถุเป็นลำแสงยาววิ่งพาดผ่านไปอย่างรวดเร็ว
10 เรืองลี้ลับในอวกาศ
เรื่องน่าขันเกี่ยวกับการค้นพบ คือว่ามันมักมีความลี้ลับใหม่ๆ ตามมาด้วย ปีนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น เมื่อการพบในวิทยาศาสตร์อวกาศที่เด่นมากมาย สร้างปัญหาให้นักดาราศาสตร์ที่มองหาความหมาย ต่อไปนี้เป็น 10 เรื่องลี้ลับที่นักดาราศาสตร์กำลังครุ่นคิดใน พ.ศ.2546
1)พลังงานมืด
ไม่มีใครทราบว่ามันเป็นอะไรกันแน่ แต่มันเป็นการผลักดัน ขณะที่แรงโน้มถ่วงยึดสิ่งต่างๆ เข้าหากันในแต่ละแห่ง(ภายในดาราจักรและระหว่างดาราจักรในกระจุกดาราจักร) มีแรงที่ไม่รู้จักกำลังทำงานอยู่เบื้องหลังและทั่วเอกภพ เพื่อดึงให้ทุกสิ่งออกห่างจากกัน เพิ่งสังเกตกันได้ไม่นานมานี้ว่าเอกภพกำลังขยายตัวด้วยอัตราเร็วเพิ่มขึ้นเมื่อไม่พบร่องรอยว่ามันคืออะไร
ก็เรียกมันว่าพลังงานมืด ปีที่ผ่านมาพิสูจน์ได้ว่าพลังงานมืดกำลังทำงานอยู่ การคำนวณได้ทำให้ดีขึ้น แรงผลักมีอิทธิพลต่อเอกภพ มี 65% มวลมืดหรือมวลสารมืด(dark matter) ที่แปลกและไม่สามารถเห็นได้มี 30% ของเอกภพ ทำให้เอกภพมีแค่ 5% ของมวลและพลังงานตามปกติ การขยายตัวด้วยความเร่งให้แนวคิดว่า ดาราจักรทั้งหมดจะมีชะตากรรมแบบไม่มีที่สิ้นสุด หาจุดจบไม่ได้
2)น้ำบนดาวอังคาร
ก็เรียกมันว่าพลังงานมืด ปีที่ผ่านมาพิสูจน์ได้ว่าพลังงานมืดกำลังทำงานอยู่ การคำนวณได้ทำให้ดีขึ้น แรงผลักมีอิทธิพลต่อเอกภพ มี 65% มวลมืดหรือมวลสารมืด(dark matter) ที่แปลกและไม่สามารถเห็นได้มี 30% ของเอกภพ ทำให้เอกภพมีแค่ 5% ของมวลและพลังงานตามปกติ การขยายตัวด้วยความเร่งให้แนวคิดว่า ดาราจักรทั้งหมดจะมีชะตากรรมแบบไม่มีที่สิ้นสุด หาจุดจบไม่ได้
2)น้ำบนดาวอังคาร
ดาวอังคารยังปกปิดความลี้ลับไว้ได้ ไม่เปิดเผยกันง่ายๆ มีสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารหรือไม่? ใครจะตอบได้ถูก ในเมื่อนี่ยังเป็นคำถามของนาซ่าและนักวิทยาศาสตร์ดาวอังคาร แต่ก่อนตอบคำถามนี้มีปัญหาเกี่ยวกับน้ำเหลวที่ชีวิตต้องการ
ทั้งๆ ที่มีการค้นพบสำคัญเกี่ยวกับน้ำแข็ง ในพ.ศ.2545 แต่ก็ไม่มีใครนึกภาพออกว่ามันอยู่ในสภาวะเหลวได้อย่างไร มีร่องรอยเมื่อเดือนธันวาคมเป็นริ้วรอยมืดบนผิวเป็นเกลือ และน้ำไหล แต่บรรดาผู้วชาญทั้งหลายไม่มั่นใจหรอก ตอนนี้ยานอวกาศโอเดเซย์(Odyssey ของนาซ่า) กำลังโคจรรอบดาวอังคาร จะตามล่าหลักฐานมาให้
3)ใจกลางทางช้างเผือก
บางสิ่งบางอย่างกำลังถูกกลืนที่หลุมดำใจกลางดาราจักรทางช้างเผือก การเฝ้าดูดวงดาวโคจรรอบหลุมดำของทางช้างเผือก ดำเนินไปแม้เป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นหลุมดำที่นั่น บริเวณรอบหลุมดำมีความกัมมันต์หรือความปั่นป่วนรุนแรง จากหอสังเกตการณ์จันทรา ที่แสดงแล้วเมื่อต้นพ.ศ.2545 แต่หลุมดำก็ไม่ได้สวาปามมวลมากพอจนคายรังสีเอกซ์พลังงานสูงอย่างที่เห็นในหลุมดำมวลมาก
พฤติกรรมของหลุมดำแสดงความแตกต่างมากมายจนนักวิทยาศาสตร์ยังไม่เข้าใจการศึกษาเมื่อเดือนมกราคม 2545 บอกว่าหลุมดำ 2 หลุม รวมกันอาจทำตัวเหมือนเป็นสวิทช์ปิดเปิดของความเป็นกัมมันต์ มีประกาศการสังเกตการณ์เมื่อเดือนพฤศจิกายนแสดงหลุมดำ 2 หลุมกำลังรวมกัน จะต้องอธิบายความแตกต่างระหว่างหลุมดำแบบธรรมดาของเราและหลุมใหญ่ที่สว่างไสวรอบดาราจักรไกลๆ
4)กำเนิดของชีวิต
พฤติกรรมของหลุมดำแสดงความแตกต่างมากมายจนนักวิทยาศาสตร์ยังไม่เข้าใจการศึกษาเมื่อเดือนมกราคม 2545 บอกว่าหลุมดำ 2 หลุม รวมกันอาจทำตัวเหมือนเป็นสวิทช์ปิดเปิดของความเป็นกัมมันต์ มีประกาศการสังเกตการณ์เมื่อเดือนพฤศจิกายนแสดงหลุมดำ 2 หลุมกำลังรวมกัน จะต้องอธิบายความแตกต่างระหว่างหลุมดำแบบธรรมดาของเราและหลุมใหญ่ที่สว่างไสวรอบดาราจักรไกลๆ
4)กำเนิดของชีวิต
มีข้อมูลเพียงเล็กน้อยที่จะทำงานด้วยได้ โลกไม่ได้มีการบันทึกว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อหลายพันล้านปีที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ขาดแคลนความคิดกว้างไกล ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์เห็นกันว่าชีวิตสามารถอยู่รอดได้ด้วยการเดินทางจากดาวอังคารมายังโลก มันอยู่ในชิ้นส่วนที่หลุดจากดาวอังคารหลังถูกดาวเคราะห์น้อยชนเข้าให้
เมื่อพฤศจิกายนนี้พบว่าหินจากดาวอังคารมายังโลกราวเดือนละก้อน มีแมลงเล็กๆ ภายในฝุ่นของดาวหาง รายงานที่ได้รับการสนับสนุนเมื่อเดือนธันวาคมพบว่า มีสัตว์เล็กๆ จากอวกาศเข้ามาในบรรยากาศโลก นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นว่าชีวิตบนโลกอาจอยู่ในซุปร้อนของสารชีวะเคมี ส่วนที่เป็นน้ำและสารอินทรีย์อาจมาจากอวกาศ โลกคงไม่ต่างจากเครื่องฟักไข่หรือเครื่องเพาะเชื้อ ชีวิตที่นี่อาจเริ่มต้นในที่ไกลแห่งใดแห่งหนึ่ง อาจเคยอยู่บนดาวอังคารหรืออยู่รอบๆ ดาวดวงอื่นมาก่อน
5)ความลับของดวงจันทร์
เมื่อพฤศจิกายนนี้พบว่าหินจากดาวอังคารมายังโลกราวเดือนละก้อน มีแมลงเล็กๆ ภายในฝุ่นของดาวหาง รายงานที่ได้รับการสนับสนุนเมื่อเดือนธันวาคมพบว่า มีสัตว์เล็กๆ จากอวกาศเข้ามาในบรรยากาศโลก นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นว่าชีวิตบนโลกอาจอยู่ในซุปร้อนของสารชีวะเคมี ส่วนที่เป็นน้ำและสารอินทรีย์อาจมาจากอวกาศ โลกคงไม่ต่างจากเครื่องฟักไข่หรือเครื่องเพาะเชื้อ ชีวิตที่นี่อาจเริ่มต้นในที่ไกลแห่งใดแห่งหนึ่ง อาจเคยอยู่บนดาวอังคารหรืออยู่รอบๆ ดาวดวงอื่นมาก่อน
5)ความลับของดวงจันทร์
ไม่มีวัตถุท้องฟ้าในที่ใดที่จะศึกษาได้ดีกว่าดวงจันทร์ เราไปที่นั่น เลือกเฟ้น และนำหินกลับบ้าน แต่ดวงจันทร์ก็ยังคงเก็บความลี้ลับไว้มากมาย ที่ดูแปลกกว่าเก่า คือเรื่องหินบนดวงจันทร์ที่เคยเป็นของโลกมาก่อน มันหลุดออกจากโลกไปได้เมื่อหลายพันล้านปี เมื่อดาวเคราะห์น้อยชนโลกเข้าให้ ที่ๆ เก็บข้อมูลของโลกอยู่บนดวงจันทร์ ?!
ความพยายามเพื่อหาปริมาณ เมื่อเดือนกรกฎาคมพบ มวล 11,000 ปอนด์ จากโลกอยู่ห่างกันไม่กี่นิ้วตามพื้นผิวทุกตารางไมล์บนผิวดวงจันทร์ หินโลกบนดวงจันทร์น่าจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับองค์ประกอบของโลกได้ตอนโลกอายุยังน้อย บรรยากาศโลกและอาจเป็นกำเนิดของชีวิตด้วย ที่จะได้ข้อมูลนี้หาไม่ได้จากที่อื่นใดอีกนอกจากดวงจันทร์ เพราะโลกไม่เหมือนดวงจันทร์ ดวงจันทร์เงียบสงบไม่มีการเคลื่อนไหวภายใน
แต่โลกนำมวลจากภายในขึ้นมาที่ผิวใหม่ มีการพับหินดินที่เปลือกโลกเข้าไปข้างในและหลอมละลายเกินกว่าจะรับรู้ได้ ไม่มีใครแน่ใจว่าควรให้มวลของโลกอยู่ที่ดวงจันทร์นั่นต่อไป หรือควรเอามันกลับคืนมา การวิจัยครั้งใหม่นี้จะบังคับให้มนุษย์กลับไปยังดวงจันทร์ครั้งใหม่ จอห์น อาร์มสตรอง จากมหาวิทยาลัยวอชิงตันบอกว่า นี่จะเป็นวิธีเร็วและถูกที่สุดที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับกำเนิดดาวเคราะห์และการเกิดระบบสุริยะทั้งหมด
6)เราโดดเดี่ยวหรือไม่
ความพยายามเพื่อหาปริมาณ เมื่อเดือนกรกฎาคมพบ มวล 11,000 ปอนด์ จากโลกอยู่ห่างกันไม่กี่นิ้วตามพื้นผิวทุกตารางไมล์บนผิวดวงจันทร์ หินโลกบนดวงจันทร์น่าจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับองค์ประกอบของโลกได้ตอนโลกอายุยังน้อย บรรยากาศโลกและอาจเป็นกำเนิดของชีวิตด้วย ที่จะได้ข้อมูลนี้หาไม่ได้จากที่อื่นใดอีกนอกจากดวงจันทร์ เพราะโลกไม่เหมือนดวงจันทร์ ดวงจันทร์เงียบสงบไม่มีการเคลื่อนไหวภายใน
แต่โลกนำมวลจากภายในขึ้นมาที่ผิวใหม่ มีการพับหินดินที่เปลือกโลกเข้าไปข้างในและหลอมละลายเกินกว่าจะรับรู้ได้ ไม่มีใครแน่ใจว่าควรให้มวลของโลกอยู่ที่ดวงจันทร์นั่นต่อไป หรือควรเอามันกลับคืนมา การวิจัยครั้งใหม่นี้จะบังคับให้มนุษย์กลับไปยังดวงจันทร์ครั้งใหม่ จอห์น อาร์มสตรอง จากมหาวิทยาลัยวอชิงตันบอกว่า นี่จะเป็นวิธีเร็วและถูกที่สุดที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับกำเนิดดาวเคราะห์และการเกิดระบบสุริยะทั้งหมด
6)เราโดดเดี่ยวหรือไม่
เราค้นพบดาวเคราะห์ของระบบดาวอื่นที่ใหญ่กว่าดาวพฤหัสบดี และดาวเคราะห์ทั้งหลายโคจรใกล้ดาวของมันมากกว่าของระบบสุริยะของเรา ซึ่งเห็นว่าแปลก เราชักสงสัยว่าระบบสุริยะของเรามาตรฐานจริงหรือ? อย่างไรก็ตาม เมื่อมิถุนายนพบดาวเคราะห์ขนาดเท่าดาวพฤหัสบดีในวงโคจรรอบดาวอื่น
ตอนนี้มีความพยายามที่จะค้นหาดาวเคราะห์ขนาดเล็กกว่านั้น การศึกษาพ.ศ.2545 คาดว่ามีดาวเคราะห์เล็กๆ หลายพันล้านดวงโคจรรอบดาวทั้งหลาย สงสัยกันว่าจะมีดาวเคราะห์หินในวงโคจรคล้ายโลกของไหม? ความลี้ลับนี้คงพิสูจน์กันไม่ได้จนกว่าจะมียุคใหม่ของกล้องโทรทรรศน์อวกาศขึ้นโคจร การศึกษาพ.ศ. 2545 พบว่ามีโอกาสของสิ่งมีชีวิตนอกโลกบนดาวเคราะห์คล้ายโลก และ 1 ใน 3 นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่กำลังพูดถึงอีที ก็จะตื่นเต้นกันมากที่มีโอกาสจะพบจุลชีพ
7)ดวงอาทิตย์ปริศนา
ตอนนี้มีความพยายามที่จะค้นหาดาวเคราะห์ขนาดเล็กกว่านั้น การศึกษาพ.ศ.2545 คาดว่ามีดาวเคราะห์เล็กๆ หลายพันล้านดวงโคจรรอบดาวทั้งหลาย สงสัยกันว่าจะมีดาวเคราะห์หินในวงโคจรคล้ายโลกของไหม? ความลี้ลับนี้คงพิสูจน์กันไม่ได้จนกว่าจะมียุคใหม่ของกล้องโทรทรรศน์อวกาศขึ้นโคจร การศึกษาพ.ศ. 2545 พบว่ามีโอกาสของสิ่งมีชีวิตนอกโลกบนดาวเคราะห์คล้ายโลก และ 1 ใน 3 นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่กำลังพูดถึงอีที ก็จะตื่นเต้นกันมากที่มีโอกาสจะพบจุลชีพ
7)ดวงอาทิตย์ปริศนา
ถ้าอยากค้นหาอาชีพที่อนาคตสดใส น่าจะเลือกเป็นนักฟิสิกส์ดวงอาทิตย์ น่าประหลาดที่เรายังไม่เข้าใจไดนามิกส์ของดาวที่เราโคจรรอบ ตอนนี้ ภาพใหม่ของดวงอาทิตย์ใน พ.ศ.2545 มีรายละเอียดมากที่สุด เปิดเผยโครงสร้างที่คล้ายคลองจากบริเวณสว่างไปยังใจกลางจุดมืดของดวงอาทิตย์ โครงสร้างแปลกนี้ได้รับเชื้อเพลิงจากความร้อนมหาศาลและพลังงานสนามแม่เหล็ก แต่ถ้าจะไปให้ไกลกว่านั้น เช่นการกำเนิดยังเป็นความลี้ลับอยู่ ปรากฏการณ์พลศาสตร์และโครงสร้างบนดวงอาทิตย์ทั่วไปยังไม่เข้าใจ แม้สังเกตการณ์กันมานานมากแล้วก็ตาม
8)อายุของเอกภพ
8)อายุของเอกภพ
นักวิทยาศาสตร์เห็นด้วยกับวิธีการทั่วไป ว่าเอกภพเริ่มแรกวิวัฒนาการแบบใด แต่เขาเริ่มโต้เถียงกันเมื่อเห็นหัวข้อของอายุเอกภพ อายุของเอกภพราว 12-15 พันล้านปี แต่มีการทบทวนหรือการทำให้ละเอียดยิ่งขึ้นที่ประกาศเป็นระยะๆ ช่วงห่างกันไม่กี่เดือน
กล้องโทรทรรศน์ฮับเบิลให้อายุเอกภพเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2545 มีค่า 13-14 พันล้านปี เราบอกไม่ได้ว่าคำตอบสุดท้ายจะมีได้เมื่อไร แต่ก็หวังจะได้ใน พ.ศ. 2546 คำถามที่อยากให้ตอบมีว่า อะไรเกิดขึ้นตอนเริ่มต้นเอกภพ? อะไรเกิดก่อนขณะนั้น? นี่เป็นคำถามที่นักเอกภพศาสตร์จะโต้แย้งกันตลอดไป เพราะไม่มีการสังเกตการณ์ได้โดยตรง และไม่มีการพิสูจน์ใดๆ
9) ดาวเคราะห์หายไป 2 ดวง
กล้องโทรทรรศน์ฮับเบิลให้อายุเอกภพเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2545 มีค่า 13-14 พันล้านปี เราบอกไม่ได้ว่าคำตอบสุดท้ายจะมีได้เมื่อไร แต่ก็หวังจะได้ใน พ.ศ. 2546 คำถามที่อยากให้ตอบมีว่า อะไรเกิดขึ้นตอนเริ่มต้นเอกภพ? อะไรเกิดก่อนขณะนั้น? นี่เป็นคำถามที่นักเอกภพศาสตร์จะโต้แย้งกันตลอดไป เพราะไม่มีการสังเกตการณ์ได้โดยตรง และไม่มีการพิสูจน์ใดๆ
9) ดาวเคราะห์หายไป 2 ดวง
มีภาพน่าประหลาดใจเมื่อนักวิทยาศาสตร์เก่งสร้างภาพจำลองคอมพิวเตอร์ครั้งล่าสุด ใส่ทฤษฎีเก่าแก่ที่ยอมรับกันมาหลายทศวรรษ ที่บอกว่าระบบสุริยะของเราเกิดได้อย่างไร แต่แล้วคอมพิวเตอร์กลับให้แผนภาพที่มีแค่ดาวเคราะห์ 7 ดวง?! ดาวเคราะห์ที่หายไปคือยูเรนัสและดาวเนปจูน ปัญหาเกิดขึ้นเพราะแบบจำลองมาตรฐานของการเกิดดาวเคราะห์ต้องการมวลมาชนกันและยึดติดกันแน่นหลายล้านปี เมื่อแกนใหญ่เกิดขึ้น ก๊าซถูกดึงเพื่อสร้างดาวเคราะห์ใหญ่อย่างดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ แต่ไกลกว่านั้นตรงที่เนปจูนและยูเรนัสอยู่
กลับไม่มีมวลมากพอจะสร้างดาวเคราะห์ใดได้ นักทฤษฎีอลัน บอสส์ จากสถาบันคาร์เนจีที่วอชิงตันให้ความคิดใหม่เรื่องกลไกที่สร้างดาวเคราะห์ยักษ์น้ำแข็ง บอสส์นึกภาพดาวเคราะห์ใหญ่ทั้งสี่ในระบบสุริยะของเรา ที่ไม่ได้มีวิวัฒนาการมาจากแกนหิน เมื่อใช้แบบจำลองมาตรฐาน แต่มันยุบตัวจากก้อนก๊าซใหญ่และก้อนฝุ่น การแก้ปัญหา บอสส์จำต้องให้ระบบสุริยะเริ่มแรกของเราอยู่ในส่วนอื่นของอวกาศ เขาเลือกบริเวณที่ดาวเกิดกันหนาแน่น บริเวณแบบนี้รังสีเหนือม่วงจากดาวดวงใกล้ๆ
แผ่ออกไปผลักมวลออกจากยูเรนัสและเนปจูนจนมีน้ำหนักน้อยลงเหลือเท่าที่เห็น ต่อมาระบบสุริยะได้เดินทางจากที่วุ่นวายนั้นมายังบริเวณในปัจจุบัน อันเป็นที่น่ารื่นรมย์ในดาราจักร ความคิดทั้งหมดดูดี แต่นักดาราศาสตร์อื่นสงสัย เรามีทฤษฎีเก่าแก่ที่ทำงานได้ไม่ดีนัก และมีทฤษฎีใหม่จากความคิดที่รุนแรงและกว้างไกล ในพ.ศ. 2546 ในขณะที่นักดาราศาสตร์บางคนกำลังยุ่งคอยมองหาดาวเคราะห์รอบดาวอื่นๆ บางคนก็พยายามหาว่าดาวเคราะห์ในระบบสุริยะของเราเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาได้อย่างไร
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
กลับไม่มีมวลมากพอจะสร้างดาวเคราะห์ใดได้ นักทฤษฎีอลัน บอสส์ จากสถาบันคาร์เนจีที่วอชิงตันให้ความคิดใหม่เรื่องกลไกที่สร้างดาวเคราะห์ยักษ์น้ำแข็ง บอสส์นึกภาพดาวเคราะห์ใหญ่ทั้งสี่ในระบบสุริยะของเรา ที่ไม่ได้มีวิวัฒนาการมาจากแกนหิน เมื่อใช้แบบจำลองมาตรฐาน แต่มันยุบตัวจากก้อนก๊าซใหญ่และก้อนฝุ่น การแก้ปัญหา บอสส์จำต้องให้ระบบสุริยะเริ่มแรกของเราอยู่ในส่วนอื่นของอวกาศ เขาเลือกบริเวณที่ดาวเกิดกันหนาแน่น บริเวณแบบนี้รังสีเหนือม่วงจากดาวดวงใกล้ๆ
แผ่ออกไปผลักมวลออกจากยูเรนัสและเนปจูนจนมีน้ำหนักน้อยลงเหลือเท่าที่เห็น ต่อมาระบบสุริยะได้เดินทางจากที่วุ่นวายนั้นมายังบริเวณในปัจจุบัน อันเป็นที่น่ารื่นรมย์ในดาราจักร ความคิดทั้งหมดดูดี แต่นักดาราศาสตร์อื่นสงสัย เรามีทฤษฎีเก่าแก่ที่ทำงานได้ไม่ดีนัก และมีทฤษฎีใหม่จากความคิดที่รุนแรงและกว้างไกล ในพ.ศ. 2546 ในขณะที่นักดาราศาสตร์บางคนกำลังยุ่งคอยมองหาดาวเคราะห์รอบดาวอื่นๆ บางคนก็พยายามหาว่าดาวเคราะห์ในระบบสุริยะของเราเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาได้อย่างไร
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
Pageviews
Greys หรือ Grays เป็นชื่อเรียกมนุษย์ต่างดาวที่เราคุ้นเคยกันดี ที่มีลักษณะหัวโต ดวงตาสีดำใหญ่ไร้หนังตา ริมฝีปากบาง แขนยาว และผิวสีเทาซีด ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "เกรย์" ว่ากันว่าเกรย์นั้นเป็นชาวอังคารแต่อาศัยและสร้างอาณานิคมอยู่ใต้ดิน เพราะบนพื้นดินนั้นไม่อำนวยต่อการอาศัยอยู่ ทางเข้าไปยังนครของพวกเกรย์ที่อยู่ใต้ดินนั้นจะมีอุโมงค์ขนาดใหญ่ลึกลงไปถึงใจกลางดาว ถ้าใครเคยผ่านตาภาพลักษณะเหมือนอุโมงค์ใต้ดินที่นาซ่าถ่ายมาได้ คงพอจะนึกออกนะครับส่วนที่อยู่อาศัยของเกรย์นั้น จะเป็นลักษณะเหมือนยานอวกาศหรือยานยังชีพสำหรับตัวเองหรือครอบครัว ซึ่งจะใช้ไปไหนมาไหนได้ง่ายและสะดวก แต่ก็จะมีสิ่งก่อสร้างที่เป็นสถานที่สำคัญๆ อยู่ด้วย แต่ปัจจุบันพวกเขายังอาศัยอยู่ในใต้ดินของดาวอังคารหรือเปล่า อันนี้ไม่เป็นที่แน่ชัด หรือว่า……..ตอนนี้พวกเขากำลังจะหาบ้านใหม่ !!!
'
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจากข่าวการพบเห็นจานบิน ปรากฏการณ์ประหลาด ในโลกเราอยู่เสมอและรายงานการพบเห็นปรากฏเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปีจนถึงปัจจุบัน จากข้อมูลบางแหล่งได้รายงานว่า ส่วนหนึ่งของพวกเกรย์ได้เริ่มมาอาศัยอยู่บนโลกของเราบ้างแล้ว และรัฐบาลได้พยายามสร้างความเชื่อต่อสาธารณะชนให้พยายามคิดว่าเอเลี่ยนนั้นไม่เป็นอันตราย และพยายามริเริ่มมีนโยบายของการรับเอเลี่ยนเข้ามาอยู่ในโลกอย่างลับๆ และโครงการในอนาคตเพื่อเป็นการเตรียมการสร้าง New World Order หรือ NWO (ไม่ใช่กลุ่มนักมวยปล้ำ นะ หึ หึ หึ) หรือ นโยบายการจัดระเบียบของโลกใหม่ให้ทุกอย่างเป็นระบบหรือระเบียบมากขึ้น เพื่อง่ายและสะดวกต่อการควบคุมพลเมืองหรือประชาชน (อาจคล้าย The Matrix นา) โดยรัฐบาลได้พยายามสร้างสภาวะทางสังคมที่เอื้ออำนวยต่อเกรย์ ให้สามารถอาศัยได้เมื่อพวกเขามาถึง โดยจากการอาศัยพลังของสื่อเพื่อชักนำและชักจูงประชาชนทีละเล็กน้อย เพราะเหตุนี้เราถึงมีภาพยนตร์ เช่น ID 4 Men in Black X-Files ET รวมไปถึงการ์ตูน นิตยสาร ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่มีรูปของเกรย์ติดอยู่ ให้คุ้นเคยกับการมีอยู่ของมนุษย์ต่างดาวหรือเอเลี่ยน และเพื่อดึงดูดและโน้มน้าวใจของประชาชนรัฐบาลเป็นส่วนหนึ่งของพวกเกรย์หรือเพียงแต่จะใช้พวกเขา เพื่อปฏิบัติการอย่างอื่นใดต่อไปในอนาคตหรือไม่ ? คำตอบไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ในอนาคตเมื่อรัฐบาลเตรียมการทุกอย่างเสร็จสำหรับพวกเกรย์แล้ว เกรย์จะเริ่มสลัดเกราะหินที่ปกคลุมส่วนผิวยานออกและจะเริ่มมุ่งหน้ามายังโลกทันที และเกรย์ก็จะใช้โปรแกรมที่พัฒนามากว่าร้อยปี โดยโปรแกรมนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ปกครองโลกเราและทุกชีวิตบนโลกใบนี้ ไม่รู้ว่าเป็นโปรแกรมประเภทใด แต่อาจจะคล้ายแบบ mind control ก็ได้ขะรับ เป็นการควบคุมเราให้อยู่ในปกครองของเกรย์และรับใช้ต่อพวกเขา ซึ่งว่ากันว่าในขณะนี้มียานอวกาศลำมหึมาลอยอยู่ในอวกาศห่างจากโลกออกไป ซึ่งมันแฝงตัวอยู่ในรูปของดาวเคราะห์หรือที่เราเรียกกันว่าดาวหาง "Hale Bopp" แต่จริงๆ แล้วมันคือสถานีอวกาศขนาดยักษ์ ซึ่งมีเกรย์กว่า 300 ล้านอาศัยอยู่เพื่อรอการครอบครองโลก และคุมเชิงอยู่นอกโลกเพื่อรอเวลาพวกนี้ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวที่เป็นมิตรแก่มวลมนุษย์แต่อย่างใด เป้าหมายของเกรย์คือมุ่งครองดวงดาวของเราและใช้ทรัพยากรจากดาวของเราเพื่อเป็นที่อาศัยอยู่เท่านั้น วันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ อนาคตหมู่มวลมนุษย์ชาติจะเป็นยังไงต่อไป ก็จับตาคอยรอดูกันต่อไปก็แล้วกัน แต่ถ้าวันนั้นมาถึงก็ "May The Force Be With You" ละกัน
เป็น CT ที่มีเนื้อหาที่ค่อนข้างซีเรียสไปนิดนึง :> อ่านแล้วก็อย่าคิดมากหรือตีโพยตีพายไปนะครับ ถือว่าเพื่อความบันเทิงอย่างที่บอกกันบ่อยๆ ว่ามันก็ยังเป็นเพียงแนวคิดหรือทฤษฎีแปลกๆ ของทางฝรั่งเค้าเท่านั้นเอง ดูเพื่อความสนุกดีกว่าใช่มั๊ยครับ ?
ที่มา : mythland
____________________
เครดิต :
________________________________
Pageviews
ซากยานอวกาศโคลัมเบีย ที่เพิ่งค้นพบ |
สำนักข่าวต่างประเทศเผยภาพซากยานอวกาศโคลัมเบียในทะเลสาบนาค๊อกดอชส์ ในรัฐเท็กซัส ที่เคยประสบเหตุระเบิดเมื่อปี 2003
อันดับ 3 เรื่องหลอกลวงทางวิทยาศาสตร์ El Chupacabra
El Chupacabra เป็นภาษาสเปน แปลว่า "Goat Sucker" หรือ ไอ้ตัวดูดเลือดแพะ มันเป็นตำนานของสัตว์ที่เข้าทำร้ายปศุสัตว์โดยเฉพาะแพะเป็นสีที่มันโปรดปรานที่สุด มีรายงานการพบเห็นมันในประเทศลาตินอเมริกา และอเมริกา มีรูปร่างแตกต่างกันไปไม่แน่นอนจาก พยานที่พบเห็นใน เปอโตริโก ( Puerto Rico ) , ทางเหนือของไมอามี ( Maine ) , ทางใต้ของชิลี ( Chile ) ต่างให้ปากคำถึงลักษณะของ ไอ้ตัวดูดเลือดแพะ ( El Chupacabra )
El Chupacabra เป็นภาษาสเปน แปลว่า "Goat Sucker" หรือ ไอ้ตัวดูดเลือดแพะ มันเป็นตำนานของสัตว์ที่เข้าทำร้ายปศุสัตว์โดยเฉพาะแพะเป็นสีที่มันโปรดปรานที่สุด มีรายงานการพบเห็นมันในประเทศลาตินอเมริกา และอเมริกา มีรูปร่างแตกต่างกันไปไม่แน่นอนจาก พยานที่พบเห็นใน เปอโตริโก ( Puerto Rico ) , ทางเหนือของไมอามี ( Maine ) , ทางใต้ของชิลี ( Chile ) ต่างให้ปากคำถึงลักษณะของ ไอ้ตัวดูดเลือดแพะ ( El Chupacabra )
CONSPIRACY THEORY หรือทฤษฎีสมคบคิดเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ไม่อาจหาคำมาอธิบายได้ ว่ามันมีอยู่จริงหรือไม่ และถ้ามีจริงรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจใดจะมีอำนาจและทรงอิทธิพลพอที่จะทำให้เกิดเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของ UFOs, MIB, Aliens, Moon & Mars, Creatures & Monsters etc. หรือว่าเป็นเพียงเรื่องเล่าและแนวคิดที่น่าสนใจที่มีเหตุผลบางประการมารองรับ บางเรื่องราวดูเป็นสิ่งน่าเหลือเชื่อและไม่น่าเป็นไปได้ บางเรื่องมีเหตุผลและมีน้ำหนักพอ อะไรเป็นต้นตอของสิ่งเหล่านี้ ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการปกปิดความลับต่างๆ เหล่านี้ รัฐบาลของประเทศมหาอำนาจหรือหน่วยงานลับ รวมไปถึงสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาจากนอกพิภพ ก็ไม่อาจเป็นที่ทราบได้ เราเพียงแต่รู้เรื่องราวเหล่านี้ในนาม CONSPIRACY THEORY
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานข่าว สาหร่ายลอยเกลื่อนปกคลุมชายหาดที่เมืองชิงเต่า
มณฑลชานตงชองจีน จนเจ้าหน้าที่, ชาวประมง, อาสาสมัครและ
นักท่องเที่ยวต้องร่วมมือกันเก็บกวาดสาหร่ายเหล่านี้