ที่รัสเซีย มีรายงานการพบเห็น ยูเอฟโอ บินอยู่เหนือเมืองกาการิน ซึ่งตั้งชื่อตามยูริ กาการิน มนุษย์อวกาศคนแรกของโลก ขณะที่อีกรายงานหนึ่งระบุว่า พบแสงสีแดงลึกลับ 6 จุด บินเหนือน่านฟ้าไซบีเรีย...
อารยธรรมของมนุษย์ขั้นสูง กระจายอยู่ทั่วในกาแล็กซี่?
โดยจอห์นสโตคส์
กลุ่มของนักวิจัยที่ทำงานในโครงการ Human Genome
ระบุว่าพวกเขาทำการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่น่าพิศวง :
พวกเขาเชื่อว่า 97% ที่ไม่ใช่การเข้ารหัสในลำดับดีเอ็นเอของมนุษย์
มันคือ รหัสพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตนอกโลก
ในดีเอ็นเอของมนุษย์ที่พวกเขาถือเป็นส่วนหนึ่งของจีโนมขนาดใหญ่ทั้งหมด
ศาสตราจารย์ ดร. แซมชาง (Sam Chang) , หัวหน้าโครงการกล่าวว่า
ลำดับที่ปลอดการเข้ารหัส แต่เดิมเรียกว่า"ดีเอ็นเอขยะ" (junk DNA) , ถูกค้นพบปีที่ผ่านมา
และการทำงานของพวกมันยังคงลึกลับ ส่วนใหญ่ที่ครอบงำของดีเอ็นเอของมนุษย์คือ "Off-world"
ในต้นกำเนิด เห็นได้ชัด ว่า "ยีนขยะต่างดาว" เพียงแค่ "เพลิดเพลินกับการอาศัย" (ต้นฉบับ "extraterrestrial junk genes" merely "enjoy the ride" ) กับยีนที่อาศัย ที่ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น
ภาพวาดมนุษย์หญิงต่างดาว จากความเห็นของ Eyewitness Asket, , อ้างอิง : www.gaiaguys.net |
หลังจากที่ทำการวิเคราะห์ที่ และด้วยความช่วยเหลือของนักวิทยาศาสตร์อื่น ๆ ,
การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์, นักคณิตศาสตร์และนักวิชาการได้เรียนรู้อื่น ๆ
ศาสตราจารย์ แซมช้าง สงสัยว่า "ดีเอ็นเอขยะของมนุษย์" ที่ถูกสร้างขึ้นโดย
"โปรแกรมเมอร์ต่างดาว"บางส่วน
ยีนมนุษย์ต่างดาว ภายในชิ้นส่วน ดีเอ็นเอของมนุษย์ ศาสตราจารย์ช้าง สังเกตว่า
"มีหลอดเลือดดำของตัวเอง, หลอดเลือดและระบบภูมิคุ้มกันของตัวเองที่แรงต่อต้านยาต้านโรคมะเร็งทั้งหมดของเรา."
ศาสตราจารย์ชาง กล่าวว่า "สมมติฐานของเราที่รูปแบบชีวิตต่างดาวทชั้นสูง
กำลังทำภาระกิจในการสร้างชีวิตใหม่และการปรับเปลี่ยน DNA กับดาวเคราะห์ต่างๆ.
โลกเป็นเพียงหนึ่งในภาระกิจของพวกเขา.
บางที ผู้สร้างอาจเขียนโปรแกรมที่ของเราเติบโตแบบเดียวกับ วิธีที่เราเติบโตจากแบคทีเรีย
เราไม่อาจทราบแรงจูงใจของพวกเขา --. ไม่ว่าจะเป็นทดลองทางวิทยาศาสตร์
หรือวิธีการของการเตรียมดาวเคราะห์ใหม่สำหรับการล่าอาณานิคม
หรือเป็นเวลานานอย่างต่อเนื่องทางภาระกิจ ของการปลูกต้นกล้าชีวิตในจักรวาล".
ศาสตราจารย์ชางกล่าวต่อไปว่า "ถ้าเราคิดเกี่ยวกับ DNA ในแง่ของมนุษย์เราที่เห็นได้ชัด"
โปรแกรมเมอร์ต่างดาว "ส่วนใหญ่อาจจะทำภาระกิจใน "one big code" ประกอบด้วยหลายโครงการ
และมีโครงการที่มีการผลิตรูปแบบของชีวิตที่หลากหลายสำหรับดาวเคราะห์ต่างๆ
พวกเขายังพยายามแก้ปัญหาต่างๆ. พวกเขาเขียน "the big code" และกำลังดำเนินการนั้น
นอกจากนี้ ทีมงานนักวิจัยของ ศาสตราจารย์ชาง สรุปว่า"ชัดเจน"โปรแกรมเมอร์ต่างดาว
"อาจได้รับการสั่งให้ตัดแผนการอุดมคติของพวกเขาทั้งหมดในอนาคตเมื่อพวกเขามีตั้งอกตั้งใจใน"โครงการ Earth project " เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่กำหนด.
ศาสตราจารย์ชางเป็นเพียงหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์หลายคนและนักวิจัยอื่น ๆ ที่มีการค้นพบต้นกำเนิดนอกโลกเพื่อมนุษยชาติ
ผู้ประสานงานโครงการจีโนมมนุษย์หาหลักฐานที่แน่นอนของการติดต่อข้างนอกกับ'มนุษย์โลกผ่านทางหลักฐานดีเอ็นเอ
ศาสตราจารย์ชางต่อไปแสดงให้เห็นว่า"สิ่งที่เราเห็นอยู่ใน DNA ของเรา
เป็นโปรแกรมที่ประกอบด้วยสองรุ่นเป็นรหัสขนาดใหญ่และรหัสพื้นฐาน.
" ศาสตราจารย์ชางจึงต้องย้ำว่า" ความเป็นจริงเป็นครั้งแรกคือ 'โปรแกรม' สมบูรณ์เป็นบวก
ไม่ได้เขียนบนโลก นั่นคือตอนนี้ความเป็นจริง
ความจริงต่อมาคือ ยีนโดยตัวเองไม่พอที่จะวิวัฒนาการ. จะต้องมี บางสิ่งบางอย่างมากขึ้นในวิวัฒนาการ
ศาสตราจารย์ ดร. แซมชาง (Sam Chang) |
"เร็ว ๆ นี้", ศาสตราจารย์ชางกล่าวว่า"เราจะต้องมาจับกับความคิดที่ไม่น่าเชื่อที่มีชีวิตบนโลกทุก carries รหัสพันธุกรรมสำหรับเพื่อนพี่น้องจากนอกโลก และวิวัฒนาการที่ไม่ได้เป็นสิ่งที่เราคิดว่ามันเป็น."
สำหรับการวิวัฒนาการของมนุษย์และส่วนมากของมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้
ได้รับอนุญาตให้บางส่วนของบุคลากรที่จะจุติลงมาเป็น 'เมล็ดพันธุ์แห่งดาวดาว' ในครอบครัวของโลกมนุษย์ เหล่านี้
"เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว","เด็กดาว"หรือ"คนดาว"จะมีคำอธิบายโดย Brad Steiger Francie
เป็นบุคคลที่มี'จิตวิญญาณ' อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการเกิดมาในโลกของระบบดาวอื่น ๆ
และจากนั้นเดินทางไปยังโลกและตัดสินใจที่จะจุติลงมาที่นี่เพื่อ "เพิ่ม"การพัฒนาวิวัฒนาการของจิตวิญญาณของมนุษยชาติ
ส่วนใหญ่ของมวลมนุษยชาติจะพิจารณากลุ่มของมนุษย์ต่างดาวนี้จะมี'ใจดี'ตามที่อธิบายไว้โดย'contactees'เช่น contactees' such as George Adamski, Orfeo Angelucci, George Van Tassell, Howard Menger, Paul Villa, Billy Meier and Alex Collier
ซึ่งแต่ละคำอธิบายธรรมชาติของพวกเขา การปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ต่างดาวอาสาสมัครเหล่านี้
กำลังมองหาของมนุษย์ เหล่านี้"contactees"
มักจะให้หลักฐานทางกายภาพในรูปแบบของภาพภาพยนตร์และ / หรือพยานของผู้ติดต่อของพวกเขาที่มีเชื้อชาติต่างดาว contactee มากที่สุดอย่างกว้างขวาง
และเอกสารการวิจัยเป็น Meier Eduard 'บิลลี่' ที่ให้หลักฐานทางกายภาพมากสำหรับการตรวจสอบ
ที่มา : http://www.agoracosmopolitan.com/home/Frontpage/2007/01/08/01288.html
____________________
เครดิต :
________________________________
ชุดคำถามสำหรับผู้ใหญ่ เพื่อดูว่าคุณเป็นหนึ่งใน
“ผู้มาเยือนจากนอกโลกที่กำลังหลับใหลอยู่” (The Sleeping ET) หรือไม่?
(ชุดคำถามเหล่านี้ ตัดตอนมาจากหนังสือของ Dr.Scott Mandelker ชื่อ “From Elsewhere”
และได้รับอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของเป็นที่เรียบร้อยแล้ว)
คุณอาจจะเป็นหนึ่งใน “ผู้พเนจรจากนอกโลก” (ET Wanderer) ก็ได้ ถ้าคุณมีลักษณะดังนี้....
1). ตอนเป็นเด็ก คุณมักจะเพ้อฝันหรือปล่อยความคิดไปตามอารมณ์เกี่ยวกับเรื่องราวของรูปธรรมชีวิตต่างพิภพ,
UFO, โลกอื่นๆ, การท่องอวกาศ และชีวิตความเป็นอยู่ของดินแดนในฝันอยู่เสมอๆ
จนบางทีครอบครัวของคุณยังเคยคิดเลยว่า “คุณออกจะดูเพี้ยนๆอยู่สักหน่อย” แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม
2). คุณเคยรู้สึกว่าพ่อแม่ของคุณ ไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริงของคุณ เพราะว่าครอบครัวที่แท้จริงของคุณ
อยู่ไกลแสนไกลออกไป และซุกซ่อนอยู่
บางทีคุณก็เคยคิดว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆตัวคุณ “มันไม่ได้เป็นอย่างที่มันควรจะเป็น”
และมันก็ทำให้คุณหวนระลึกได้ว่า “ชีวิตจริงของคุณอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง..ที่ไกลออกไป”
ซึ่งความเชื่อเหล่านี้ มันอาจจะทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดและซึมเซาอย่างมาก คุณรู้สึกว่า “คุณมาอยู่ในที่ๆไม่ใช่ที่ของคุณ”
3). คุณเคยมีประสบการณ์อย่างน้อยก็หนึ่งครั้ง เกี่ยวกับ UFO (ไม่ว่าจะเป็นในฝันหรือตอนที่กำลังตื่นอยู่ก็ตาม)ซึ่งทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
เพราะว่าประสบการณ์เหล่านั้นได้ช่วยไขข้อข้องใจให้กับคุณ, จุดประกายความหวังและความเชื่อมั่นให้กับคุณ,
และทำให้ชีวิตของคุณมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และมีความหมายมากขึ้นกว่าเดิม
นับตั้งแต่นั้นมา คุณก็รู้ว่าคุณได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน มันเป็นเหมือนเสียงเรียก ปลุกให้คุณตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ
และมันได้ช่วยเปลี่ยนชีวิตของคุณ
4). โดยธาตุแท้ของคุณแล้ว คุณเป็นคนที่ใจดี, สุภาพอ่อนโยน, ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร, รักสงบ และไม่ก้าวร้าว
(บางครั้งอาจจะมีบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะไม่มี)
และในสถานการณ์ใดๆ ที่จะต้องมีใครซักคนยอมเสียสละทำอะไรซักอย่างหนึ่ง
คนๆนั้นก็มักจะเป็นคุณ เพราะมันเป็นนิสัยที่ชอบเสียสละของคุณอยู่แล้ว
การกระทำที่โหดร้ายป่าเถื่อนแบบมนุษย์โลกทั่วไป, ความรุนแรง และสงครามการสู้รบที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง
ของผู้คนบนโลกใบนี้ เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดมากสำหรับคุณ
เพราะว่าคุณจะไม่เข้าใจความโกรธแค้น และความเดือดดาลอะไรแบบนี้เลย
5). คุณเป็นคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการรู้เท่าทันความชั่วและการใช้เล่ห์เหลี่ยมของคนอื่น
บางคนจึงเรียกคุณว่า “คนซื่อบื้อ” (แต่เขาก็พูดถูกนะ)
เมื่อความชั่วร้ายที่แท้จริง ได้เข้ามาสู่การรับรู้ของจิตใจของคุณ คุณจะล่าถอยไปอยู่ในความหวาดกลัวและขยะแขยง
และบางทีคุณอาจจะรู้สึกช็อคที่ได้รู้ว่า “มีคนบางคนที่ทำเรื่องชั่วร้ายขนาดนั้นได้จริงๆ”
ลึกๆภายในใจแล้ว คุณก็รู้สึกสับสน บางครั้งคุณก็จะมีความรู้สึกลางๆว่า เคยรู้จักโลก
ที่ปราศจากความแตกแยกกันแบบบนโลกนี้มาก่อนแล้ว ที่ไหนซักแห่งหนึ่ง
6). คุณอุทิศชีวิตของคุณเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น (คนในครอบครัว, มิตรสหาย,
หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับคุณในสายอาชีพการงาน)
และคุณก็พยามคิดหาวิธีที่จะทำให้โลกใบนี้ดีขึ้น แม้ว่ามันอาจจะถูกมองว่าเป็นความคิดที่ไร้เดียงสาหรือซื่อบื้อก็ตาม
แต่คุณก็มีความหวังอยู่ลึกๆและอย่างจริงใจว่ามันอาจจะช่วยทำให้โลกใบนี้ดีขึ้นได้จริงๆ
และคุณจะรู้สึกผิดหวังและไม่พอใจอย่างมาก เมื่อพบว่าความหวังและความฝันเหล่านั้นมันไม่กลายเป็นจริง
7). คุณเป็นคนที่ดื้อรั้นมาก ไม่ยอมเชื่ออะไรง่ายๆ (Scientific temperament)
แต่คุณก็ดำเนินชีวิตด้วยความความสงบเยือกเย็น, มีเหตุผล, และระมัดระวัง
กิเลสและตัณหาในแบบของมนุษย์เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดสำหรับคุณ มันจึงทำให้คุณงง
จริตและอารมณ์ความรู้สึกทุกชนิดของมนุษย์โลก เป็นสิ่งที่แตกต่างจากธรรมชาติของคุณ
คุณจะใช้ความคิดในการวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคุณเสมอ
จนคนอื่นๆมักบอกว่าคุณอยู่แต่ในความคิดของตนเอง ซึ่งนั่นก็เป็นความจริง
(หมายเหตุ: ลักษณะต่อไปนี้ไม่ค่อยมีมากนัก และบางทีวารสารเกี่ยวกับรูปธรรมชีวิตต่างมิติทั้งหลาย
อาจจะไม่นำมารวมไว้ด้วยก็ได้ คือ
“พวกเขาอาจจะเป็นคนขี้สงสัยอย่างมาก” และคนที่ขี้สงสัยอย่างมากเหล่านี้
บางคนก็อาจจะเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะก็ได้)
8). คุณเป็นคนที่หลงใหลในนิยายวิทยาศาสตร์, วรรณคดี-ละคร-ภาพยนตร์แฟนตาซี
(เช่น เรื่อง The Lord of the Rings เป็นต้น) , รวมถึงงานศิลปะที่ออกแนวเพ้อฝัน เป็นอย่างมาก
ถ้าคุณเลือกได้ คุณก็จะเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ในความฝันของตัวเอง หรือในอดีต หรือในอนาคต มากกว่าในปัจจุบันนี้
บางครั้งคุณก็รู้สึกว่าชีวิตบนโลกใบนี้ มันช่างน่าเบื่อและไร้ความหมายซะนี่กะไร
และคุณก็อยากไปอยู่ในโลกที่สมบูรณ์แบบ และน่าตื่นเต้นมากกว่า
ความคิดและความรู้สึกแบบนี้ มีอยู่กับคุณมานานแล้ว
9). คุณจะมีความสนอกสนใจ และความกระหายใคร่รู้แบบไม่รู้จบ เกี่ยวกับเรื่องราวของ UFO,
สิ่งมีชีวิตบนดาวดวงอื่นๆ – โลกอื่น หรืออารยธรรมอื่นๆบนโลกในยุคโบราณ เช่น ยุคแอตแลนติส (Atlantis)หรือ เลมูเรีย (Lemuria) เป็นต้น
บางครั้งคุณก็รู้สึกเหมือนกับว่า คุณเคยอยู่ที่นั่นมาก่อนแล้วจริงๆ และอาจจะได้กลับไปอีกในสักวันหนึ่ง
และบนชั้นหนังสือของคุณอาจ ก็จะมีหนังสือประเภทนี้อยู่บ้าง
(จริงๆแล้วคำถามในข้อนี้ เป็นอีกคำถามหนึ่ง ที่ช่วยเผยความลับให้รู้ว่าคุณเป็นผู้ที่มาจากนอกโลกหรือไม่
เพราะว่ามีเพียง “ผู้พเนจรจากฟากฟ้า” (Wanderer) และ “วิญญาณต่างมิติผู้เข้ามาสวมร่าง” (Walk-in) เท่านั้น
ที่จะมีความกระหายใคร่รู้อย่างลึกซึ้งแบบไม่รู้จบ เกี่ยวกับโลกอื่นๆ)
10). คุณเป็นคนที่มีความสนใจอย่างแรงกล้า เกี่ยวกับความลี้ลับของจิตวิญญาณ (Mystic spirituality)
(ทั้งในแบบของโลกตะวันออกและโลกตะวันตก) ทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติ
โดยที่ลึกๆข้างในแล้ว คุณรู้สึกว่า คุณเคยมีความสามารถมากกว่านี้ เพียงแต่ว่าคุณอาจจะสูญเสียมันไปเท่านั้น
คุณอาจจะรู้สึกว่าคุณไม่จำเป็นต้องไปฝึกฝนอะไรเพิ่ม เพราะว่าคุณมีมันพร้อมอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่าคุณอาจจะหลงลืมมันไปแล้วเท่านั้นเอง
คนอื่นๆอาจจะรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย กับสิ่งที่คุณคิดและสนใจอยู่นี้ แต่คุณก็รู้ว่ามันไม่ใช่แค่นั้นหรอก
มันต้องมีอะไรอื่นอีก
11). คุณเป็นคนหนึ่ง ที่สามารถรับการสื่อสารทางโทรจิต กับรูปธรรมชีวิตต่างพิภพ หรือต่างภพภูมิได้
และคุณก็ตระหนักรู้อยู่ว่า เป้าหมายในชีวิตนี้ของคุณ ก็คือเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้อื่น
ช่วยเหลือในด้านการเจริญเติบโตและวิวัฒนาการด้านจิตวิญญาณของพวกเขา
(ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็แสดงว่า คุณไม่ได้หลับใหลอยู่อีกต่อไปแล้ว คุณคือ “ผู้พเนจรจากฟากฟ้า” แน่นอน!)
12). คุณรู้สึกว่า บางทีชีวิตทั้งชีวิตของคุณ ช่างรู้สึกแปลกแยกจากคนอื่นๆมากมายเหลือเกิน
และดูเหมือนว่า มันไม่เคยเข้ากันได้เอาซะเลย
บางทีคุณก็อยากจะเหมือนกับคนอื่นๆ คุณพยายามที่สุดแล้วที่จะเป็นเหมือน “คนปกติ”
หรือพยายามคิดว่าตัวเองก็เหมือนกันกับคนอื่นๆแล้ว แต่ผลที่ออกมาก็คือ คุณก็ยังรู้สึกว่า ตัวเองแตกต่างจากคนอื่นๆอยู่ดี
มันเป็นความรู้สึกที่กลัวจริงๆว่า จะไม่สามารถหาที่ๆจะไม่ทำให้คุณรู้สึกแบบนี้อีกได้ บนโลกใบนี้
(หมายเหตุ: นี่เป็นลักษณะจำเพาะทั่วไปของเหล่า “ผู้พเนจรจากฟากฟ้า” หละ!!)
ที่มา : The Extraterrestrial Wanderer
____________________
เครดิต : Chayutt
http://board.palungjit.com
________________________________
(หมายเหตุ: ชุดคำถามนี้สามารถใช้กับผู้ใหญ่ที่สงสัยว่าเด็กเป็นหนึ่งใน “เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว” หรือไม่)
คำชี้แจง:
ให้วงกลมรอบๆคะแนนที่อยู่ท้ายคำถามแต่ละข้อ ที่คุณตอบว่า “ใช่”
แล้วรวมคะแนนทั้งหมดที่ได้มาพิจารณาตามเกณฑ์ข้างล่างนี้
คะแนน 12 – 15 => อาจจะใช่ “เด็กจากฟากฟ้า” (Star kid)
คะแนน 16 – 19 => เป็นไปได้มากว่าน่าจะใช่ “เด็กจากฟากฟ้า” (Star kid)
คะแนน 20 ขึ้นไป => ใช่ “เด็กจากฟากฟ้า” (Star kid) แน่นอน
1). ศรีษะของเด็กมีขนาดใหญ่กว่าศรีษะของเด็กทั่วๆไปในวัยและความสูงเดียวกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนบนหรือด้านหน้าของศรีษะ = 1 คะแนน
2). เด็กมีอุณหภูมิของร่างกายเฉลี่ยต่ำกว่า 97.6 F [หรือ 36.4 องศาเซลเซียส] = 1 คะแนน
3). ตอนที่เด็กเกิดมีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นหรือปรากฏให้เห็นในห้องคลอดด้วย
หรือมีแสงออร่าสว่างๆอยู่รอบๆตัวหรือรอบๆเตียงนอนของเด็ก = 2 คะแนน
4). เด็กเริ่มพูดได้ชัด ตอนอายุ 6 เดือน (พูดได้เร็วกว่าเด็กอื่นๆโดยเฉลี่ย อย่างน้อย 1 ปี
เพราะว่าปกติแล้วเด็กจะเริ่มพูดได้เมื่ออายุ 18 เดือน) = 1 คะแนน
5). เด็กเริ่มเดินได้เมื่ออายุได้ 6 เดือนกว่าๆ (เดินได้เร็วกว่าเด็กอื่นๆโดยเฉลี่ย
เพราะว่าปกติแล้วเด็กจะเริ่มเดินได้เมื่ออายุประมาณ 1 ขวบ) = 1 คะแนน
6). เมื่อเด็กเริ่มพูดได้แล้ว เขาจะพูดเป็นวลีหรือเป็นประโยคได้เลยทันที ไม่ใช่แค่พูดได้แบบทีละคำ = 1 คะแนน
7). ผู้คนจะสังเกตได้ว่า เด็กจะมีความคิดความอ่านโตกว่าอายุจริงอย่างมาก
ส่วนใหญ่จะเหมือนเป็นผู้ใหญ่ที่อยู่ในร่างเด็กมากกว่า = 1 คะแนน
8). ในวัยเด็ก เด็กจะแสวงหาแต่อะไรที่ล้ำหน้ากว่ามาทำ และเขาจะเบื่อเกมต่างๆที่ท้าทายไม่พอ
ที่เด็กในวัยเดียวกันอยากจะเล่น = 1 คะแนน
9). เด็กจะพูดออกมาให้รู้ว่าเขาระลึกได้ว่าเขามี “พ่อแม่อื่น” ที่อยู่บนดวงดาวดวงใดดวงหนึ่งอีก
หรือแสดงออกถึงอาการอยากกลับบ้าน “ที่แท้จริง” ของเขาที่อยู่บนดวงดาวดวงใดดวงหนึ่งในจักรวาล = 2 คะแนน
10). สายตาของเด็ก จะดูเป็นผู้ใหญ่ และดูฉลาดหลักแหลม / รู้มากกว่าเด็กปกติธรรมดา = 1 คะแนน
11). ตลอดวัยเด็กของเขา เด็กจะโตเร็วมากกว่าเด็กปกติธรรมดามากๆ ทั้งทางด้านร่างกายและสติปัญญา = 1 คะแนน
12). เด็กจะมีความอ่อนไหว และรู้สึกท้อถอย หรือรู้สึกหดหู่ กับพฤติกรรมแบบชอบทำลาย,
ใจร้าย, โหดร้าย, รุนแรง หรือพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสียหายของเด็กคนอื่นๆ
และเขาก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมเด็กคนอื่นๆจึงเป็นแบบนั้น = 1 คะแนน
13). บางครั้ง เวลาที่เด็กผ่านไปตามท้องถนนที่มีหลอดไฟสีเหลืองๆประเภท (sodium-vapor-plasma) อยู่
ไฟถนนอาจจะดับได้ โดยเฉพาะเวลาที่เด็กมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ขึ้น = 2 คะแนน
14). เด็กแสดงให้เห็นว่า เขาสามารถสื่อสารทางโทรจิตได้ (Mental telepathy) = 1 คะแนน
15). เด็กสามารถบอกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจริงในอนาคตได้อย่างถูกต้อง
หรือสามารถฝันเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจริงได้ก่อนล่วงหน้าอย่างถูกต้อง มากกว่า 1 ครั้ง
(ญาณทัศนะ หรือ Precognition) = 1 คะแนน
16). เด็กสามารถทำให้วัตถุสิ่งของเคลื่อนที่ได้ โดยใช้พลังจิตเพ่งไปยังวัตถุนั้นๆ
เช่น เคยใช้กำหนดทิศทางของลูกบอลในเกม pinball หรือ ในกีฬาเบสบอล หรือโบลลิ่งบอล เป็นต้น = 1 คะแนน
17). เด็กสามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในต่างสถานที่ หรือในอดีต
หรือในอนาคตได้อย่างถูกต้อง (ตาทิพย์ หรือ clairvoyance/remote viewing) = 1 คะแนน
18). เด็กสามารถรับรู้ข้อมูลใหม่ๆได้อย่างทันทีทันใด ซึ่งดูเหมือนว่าจะได้รับข้อมูลโดยการ “ดาวน์โหลด”
ลงมาสู่จิตโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นในขณะที่ยังตื่นอยู่ หรือในขณะหลับก็ตาม = 1 คะแนน
(แต่ถ้าเด็กบอกว่า ได้รับข้อมูลมาจากผู้มาเยือนจากต่างดาว ให้คะแนน = 2)
19). เด็กมีความสามารถในการสื่อสารข้ามสายพันธุ์ ทั้งการรู้ว่าสัตว์เหล่านั้น (เช่น สุนัข, ปลาโลมา เป็นต้น)
กำลังคิดอะไรอยู่ และสามารถสื่อสารทางจิตกับสัตว์เหล่านั้นได้ และสัตว์เหล่านั้นก็ตอบสนองต่อข้อมูล
ที่สื่อสารไปนั้นด้วย = 1 คะแนน
20). เด็กสามารถรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับบุคคล, สถานที่, เหตุการณ์บางอย่างด้วยสัญชาตญาณ
ได้อย่างถูกต้อง (มีพลังจิต หรือ psychic) = 1 คะแนน
21). เด็กสามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กโทนิกส์บางอย่างได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก
เพราะเพียงแค่เด็กอยู่ที่นั่นด้วยเฉยๆเท่านั้น (เช่น ทีวีเปลี่ยนช่องเองได้, วิทยุเปิดขึ้นเองได้, นาฬิกาข้อมือตาย,
หลอดไฟเปิดหรือปิดเองได้ โดยไม่มีใครไปแตะต้องอะไรมันเลย เป็นต้น) = 1 คะแนน
22). เด็กยอมรับว่าเคยใช้พลังจิตทำให้พฤติกรรมของคนอื่นเปลี่ยนไป และมันก็ได้ผลด้วย
(เช่น ทำให้พ่อแม่ยอมนำขนมหวานชิ้นที่ 2 มาให้ เป็นต้น) = 1 คะแนน
23). เด็กบอกว่าเห็นผู้มาเยือนหลายคน ที่พ่อแม่และคนอื่นๆมองไม่เห็น หรือเด็กบอกว่ามองเห็นสิ่งต่างๆ
ที่สายตาปกติมองไม่เห็น แม้ว่าจะจ้องมองแล้วก็ตาม
(มองทะลุมิติได้ หรือ inter-dimensional viewing) = 1 คะแนน
24). เด็กสามารถมองเห็นรังสีออร่ารอบๆตัวคน หรือสัตว์ต่างๆได้ = 1 คะแนน
25). เด็กสามารถเห็นหรือรู้สึกถึง “สี”, “รูปแบบ”, หรือ “เนื้อสัมผัส” ในรังสีออร่าเหล่านั้นได้
ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงสุขภาพ, สภาวะอารมณ์, สภาวะจิตใจ และอื่นๆของคนนั้นๆได้ = 1 คะแนน
26). เด็กสามารถใช้พลังจิตวินิจฉัยโรคได้ (มองเห็นด้วยพลังสัญชาตญาณ,
หรือด้วยการยกมือผ่านเหนือร่างกายของผู้ป่วย) และสามารถบอกตำแหน่งในร่างกายที่เกิดความเจ็บป่วย,
บาดเจ็บ, หรือเกิดโรคได้ = 1 คะแนน
27). เด็กสามารถใช้พลังภายใน (พลังจิต / พลังปราณ / พลังชี่ / พลังจักรวาล)
ส่งไปยังตำแหน่งของร่างกายคนหรือสัตว์ที่กำลังต้องการการเยียวยารักษาได้
แล้วคนหรือสัตว์นั้นๆ ก็มีอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว = 1 คะแนน
28). เด็กสามารถทำให้ตัวเอง “หายตัว” ไปได้ ไม่ว่าจะด้วยการใช้พลังจิตย้ายตนเองไปที่อื่น
หรือใช้วิธีที่ธรรมดากว่านั้น เช่น ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆตัวไม่สังเกตว่าตัวเองกำลังอยู่ที่นั่นด้วย
แต่เมื่อเด็กเลิกทำแบบนั้น คนอื่นๆก็จะมองเห็นเขาทันที = 1 คะแนน
29). เด็กสามารถทำให้สิ่งของต่างๆ ย้ายตำแหน่งจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้
โดยที่ไม่ได้ไปแตะต้องสัมผัสอะไรมันเลย (Teleportation) หรือสามารถทำให้มันลอยขึ้นจากพื้น
และเคลื่อนไหวได้ (Telekenesis) โดยที่ใช้เพียงจิตและความตั้งใจเพียงอย่างเดียว = 2 คะแนน
30). เด็กสามารถลอยตัวขึ้นมาจากพื้นได้มากกว่า 1 ครั้งขึ้นไป (ไม่ว่าจะเป็นการลอยขึ้นเหนือพื้น
เพียงไม่กี่นิ้ว หรือว่าลอยขึ้นสูงมากๆก็ตาม) ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม = 2 คะแนน
31). เด็กแสดงอากัปกิริยา, ทำพิธีกรรม หรือพิธีการอะไรบางอย่างของตนเอง
แล้วสามารถเยียวยารักษาอาการเจ็บป่วยของมนุษย์, สัตว์, พืช หรือสถานที่ใดๆในโลกใบนี้ได้ = 1 คะแนน
(แต่ถ้าเด็กสามารถทำให้สัตว์, พืช, คน หรือบริเวณพื้นที่ใดๆที่ตายไปแล้วอย่างสมบูรณ์
กลับฟื้นคืนชีวิตมาใหม่อีกครั้งได้ ด้วยการเยียวยารักษานั้นๆ ให้คะแนน = 5)
32). เด็กสามารถย่นกาลเวลาได้ โดยทำให้เหตุการณ์บางอย่าง เช่น ทำให้การเดินทางโดยรถยนต์
ไปถึงจุดหมายเร็วขึ้น (เช่น จากปกติต้องใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง ให้เหลือเพียงครึ่งชั่วโมงได้ เป็นต้น
โดยที่ใช้ความเร็วเท่าเดิม) = 1 คะแนน
33). เด็กสามารถยืดกาลเวลาได้ เช่น หน้าปัดนาฬิกาโชว์ว่าเวลาเพิ่งผ่านไปเพียง 15 นาทีเท่านั้น
แต่ทุกๆคนกลับรู้สึกว่าเวลามันน่าจะผ่านไปแล้วตั้ง 1 ชั่วโมง เป็นต้น = 1 คะแนน
34). เด็กสามารถบอกได้ว่าเมื่อไหร่ที่เหตุการณ์บางอย่าง (เช่น แผ่นดินไหว, อุบัติเหตุทางรถยนต์, ไฟไหม้ เป็นต้น)
จะเกิดขึ้นในอนาคต แล้วก็ได้เตือนให้คนอื่นๆได้รู้ แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ = 1 คะแนน
35). ในบางครั้ง ตอนกลางคืน เด็กจะออกไปที่ไหนสักแห่งคนเดียวอย่างมีสติสัมปชัญญะ,
หรือไปด้วยกายทิพย์/ถอดจิตไป (โดยที่กายเนื้อยังนอนอยู่บนเตียง) แล้วกลับมาเล่าให้ฟังว่า
ได้ไปพบกับอะไรมาบ้าง = 1 คะแนน
(แต่ถ้าเด็กเล่าว่าได้ไปพบผู้มาเยือนจากต่างดาวมา ให้คะแนน = 2)
36). ในขณะตื่น เด็กสามารถถอดจิตออกไปยังที่ต่างๆๆได้ ซึ่งผู้คนที่อยู่รอบๆข้างเด็กจะสังเกตเห็นว่าเด็ก “นิ่งไป”
เหมือนถูกปิดสวิตซ์ แล้วหลังจากนั้น เด็กก็มีสติกลับมาเหมือนเดิม พร้อมกับประสบการณ์เกี่ยวกับสถานที่นั้นๆ = 1 คะแนน
37). เด็กสามารถรับการสื่อสารทางโทรจิตจากรูปธรรมชีวิตชั้นสูงทรงภูมิปัญญาจากนอกโลกได้
และมีความตระหนักรู้ด้วยว่า ผู้ที่สื่อสารมานั้น สื่อสารมาจากดาวดวงไหน = 2 คะแนน
38). เด็กรายงานว่า มีผู้ที่มาจากดวงดาวดังกล่าวนั้นมาเยือนตน = 1 คะแนน
39). มีผู้ที่มาจากดวงดาวดังกล่าวนั้น มาเยือนพ่อแม่ของเด็กด้วย = 1 คะแนน
40). เด็กรายงานว่า ผู้มาเยือนที่มาจากดวงดาวดังกล่าวนั้น คือครอบครัวเดิมของตนเองก่อนหน้านี้ = 2 คะแนน
41). เด็กเคยมีประสบการณ์อย่างน้อย 1 ครั้ง ในการใช้จิตร่วมกันกับผู้มาเยือนจากดวงดาวดังกล่าว
(sharing mental space with a Star Visitor) ซึ่งต้องการที่จะขอยืมใช้ร่างกายและจิตของเด็ก
เพื่อหาประสบการณ์ของความเป็นมนุษย์โลก เป็นการชั่วคราว = 1 คะแนน
42). เด็กสามารถเรียกผู้มาเยือนจากต่างดาว หรือเรียกยานบิน (UFO) ของพวกเขา 1 รูปธรรม/ลำ หรือมากกว่านั้น
มาให้ดูได้ ซึ่งพอเรียกแล้วก็พบว่าพวกเขามาปรากฏให้เห็นจริงๆ = 1 คะแนน
43). เด็กมีความรู้สึกฝังอยู่ในใจลึกๆว่าตัวเองมีภารกิจที่สำคัญอะไรบางอย่างที่จะต้องทำบนโลกใบนี้
แม้ว่าในตอนนี้เด็กจะยังไม่รู้ชัดว่าภารกิจดังกล่าวนั้นคืออะไรก็ตาม = 1 คะแนน
44). เด็กดำเนินการอะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดา คล้ายผู้ใหญ่ เพื่อริเริ่มให้เกิดสิ่งดีๆขึ้นในสังคม
(เช่น ติดต่อกับวุฒิสมาชิก หรือรายการโทรทัศน์ด้วยตัวเอง เพื่อนำเสนอแผนที่จะทำให้ได้มาซึ่งความสันติสุข
ในสถานการณ์บางอย่าง เป็นต้น) หรือในกรณีที่เป็นผู้ใหญ่ อาจจะเพื่อเริ่มต้นทำกิจกรรมที่พิเศษบางอย่าง
เพื่อเยียวยาโลกใบนี้ก็ได้ = 1 คะแนน
45). เด็กมีปฏิกิริยาแบบไม่ธรรมดา คือมีความรู้สึกและความทรงจำที่เป็นบวกมากๆ กับภาพเหมือน
หรือภาพวาดของผู้มาเยือนจากต่างดาว ที่อยู่ในนิตยสาร หรือในทีวี หรือในภาพยนตร์ต่างๆ = 1 คะแนน
46). เด็กเมื่ออายุเลย 6 ขวบไปแล้ว แทบจะไม่เคยป่วยเป็นไข้หวัดแบบหนักๆ หรือโรคอื่นๆที่แพร่ระบาดอยู่ในห้องเรียน
หรือระแวกบ้านของตนเองเลย (มีภูมิคุ้มกันการติดเชื้อสูงขึ้น) และเด็กสามารถรักษาแผลที่ถูกของมีคมบาด,
แผลแตก, หรืออาการบาดเจ็บแบบอื่นๆได้อย่างรวดเร็วมาก
หรือเด็กบางคนก็อาจจะเป็นไปในทางตรงข้ามกัน นั่นคือ มีความไวต่อสิ่งปนเปื้อนที่อยู่ในสภาวะแวดล้อมอย่างมาก,
ความไวดังกล่าวนี้จะแสดงออกมาในรูปของอาการแพ้แบบต่างๆ
หรือบางคนก็อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหารบางชนิด (เช่น นม เป็นต้น,
บางคนก็แพ้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าวสาลีทั้งเมล็ด (whole-wheat products),
บางคนก็ขยะแขยงการรับประทานเนื้อสัตว์)
หรือไม่บางคนก็อาจจะเกิดความผิดปกติขึ้น (ที่เรียกว่าโรคแอสเพอร์เจอร์ (Asperger) และ “โรคสมาธิสั้น”
(Attention-Deficit Hyperactivity)) ซึ่งบ่งบอกให้ทราบว่าการเชื่อมต่อของระบบประสาทของพวกเขา
กับระบบประสาทของมนุษย์โลกทั่วไป มีความไม่สอดคล้องต้องกันอยู่ = 1 คะแนน
47). เด็กมีสีของม่านตา หรือรูปแบบของม่านตา หรือ รูปร่างลักษณะของตาดำ
หรือโครงร่างของดวงตาทั้งดวงไม่ปกติธรรมดา = 1 คะแนน
48). เด็กจะมีความสนใจในเรื่องของจิตวิญญาณ ตามวิถีแห่งธรรมชาติที่ไม่ได้ขึ้นกับลัทธิศาสนาใดๆ
ตั้งแต่ยังเยาว์วัย รวมถึงจะให้ความเคารพต่อดาวเคราะห์โลก ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตและสิ่งที่มีจิตสำนึกชนิดหนึ่ง,
เคารพในความศักดิ์สิทธิ์ของทุกสรรพชีวิตไม่ว่าเล็กหรือใหญ่, และมีความตระหนักรู้ว่า
ชีวิตเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล = 1 คะแนน
49). เด็กจะมีความชอบและความสามารถในการนำคริสตัล, หินที่มีพลังงาน,
หรือวัสดุต่างๆที่มีพลัง และสามารถเพิ่มพลังจิตได้ มาใช้เพื่อการรักษาเยียวยาผู้ป่วยและอื่นๆ ได้อย่างถูกต้องเอง
โดยที่ไม่ต้องมีใครสอน = 1 คะแนน
50). เด็กจะบ่นอยู่เสมอว่าอยาก “กลับบ้าน” และมีความรู้สึกว่าเข้ากันไม่ได้กับความหยาบช้าของสังคมมนุษย์
และพฤติกรรมอันหยาบช้าของมนุษย์โลก = 1 คะแนน
51). เด็กจะถูกดึงดูดความสนใจอย่างแรงกล้าโดยเด็กจากฟากฟ้า (Star kid) คนอื่นๆ
และพวกเขาทุกๆคนก็จะถูกดึงดูดความสนใจโดยกันและกัน และก็จะรู้สึกชอบพอซึ่งกันและกันด้วย = 1 คะแนน
52). ข้อนี้ ให้เลือกให้คะแนนเพียงข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้น ระหว่าง 2 ข้อย่อยต่อไปนี้:
a). เด็กเป็นเด็กที่เรียนเก่งในโรงเรียน, เข้าใจวิชาต่างๆที่เรียนได้ง่ายโดยไม่ต้องเรียนมาก
หรือโดยที่ไม่ต้องเรียนเลย แต่เด็กก็จะรู้สึกเบื่อหน่ายกับอัตราเร็วของวิธีการสอนในโรงเรียนส่วนใหญ่
และจะรู้สึกสบายกว่าถ้าได้เรียนในสภาวะแวดล้อมที่เหนือขั้นกว่าวัยของตัวเอง
(เช่น ถ้าเป็นเด็กประถมก็จะชอบไปเรียนในชั้นมัธยมมากกว่า, ถ้าเป็นเด็กมัธยมก็จะชอบไปเรียน
ในระดับวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยซะมากกว่า หรือเด็กอาจจะเบื่อโรงเรียนสำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์
(Gifted School) เป็นต้น) = 1 คะแนน
b). เด็กถูกระบบการศึกษาในโรงเรียนเข้าใจผิด, หรือจัดประเภทผิดว่าป่วยเป็นโรค “สมาธิสั้น”
(Attention Deficit Disorder) หรือป่วยเป็นโรค “ความบกพร่องทางการเรียน” (Learning Disability)
เพราะว่าเด็กเบื่อหน่าย, เพราะมีความท้าทายไม่เพียงพอ หรือรู้สึกท้อถอยกับอัตราเร็วของการเรียนรู้
แบบเด็ก “ปกติ” ทั่วไป
หรือเด็กถูกจัดประเภทผิดว่าป่วยเป็น “โรคสมาธิสั้น” (Hyperactivity Disorder)
เพราะว่าเด็กรู้สึกหงุดหงิดกระสับกระส่าย เพราะความเบื่อหน่ายห้องเรียน
หรือเพราะว่าความคิดของพวกเขากำลังพุ่งตรงไปยังเรื่องที่ท้าทายกว่า
หรือเพราะว่าเด็กจดจ่ออยู่กับเรื่องที่ตนกำลังสนใจอย่างมาก และมุ่งมั่นนานเกินกว่าที่เด็ก “ปกติ” เขาทำกัน
หรือเด็กถูกจัดประเภทผิดว่าป่วยเป็นโรค “ความบกพร่องทางการเรียน” (Learning Disability)
เพราะว่าเขามองเห็น และชี้ให้เห็นความสัมพันธ์กันระหว่างวิชาที่กำลังถูกสอนอยู่ กับวิชาอื่นๆ
(เช่น ความสัมพันธ์ของวิชาประวัติศาสตร์-คณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์-ศิลปะ เป็นต้น)
ในขณะที่ครูผู้สอนต้องการได้ยินแต่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาวิชาที่ตนเองกำลังสอนอยู่เท่านั้น = 1 คะแนน
53). เด็กเคยมีประสบการณ์ของการ “ถูกประทับร่าง” (Walk-In)
หรือบุคลิกลักษณะดั้งเดิม ถูกแทนที่ด้วยบุคลิกลักษณะใหม่ (ที่มาจากนอกโลก)
ซึ่งเข้าสวมในร่างเดิมแล้วดำเนินชีวิตต่อไป ความทรงจำเก่าๆทั้งหลายจะยังคงมีอยู่
แต่บุคลิกลักษณะและความสามารถต่างๆเปลี่ยนไปเป็นคนละคน = 1 คะแนน
54). เด็กมีสนามพลังชีวะแม่เหล็กไฟฟ้า-โฟตอน (bioelectromagnetic-photic field)
รอบๆร่างกายที่กว้างใหญ่กว่าปกติมากๆ (เช่น กว้างกว่า 3 ฟิต หรือกว้างกว่า 1 เมตร เป็นต้น)
ซึ่งวัดความกว้างนี้ได้โดยการใช้ดาวซิ่งร็อด (dowsing rods) = 1 คะแนน
หากพบว่ามีเด็กหรือผู้ใหญ่คนไหนที่ได้คะแนนมากกว่า 12 คะแนนขึ้นไป
กรุณาแนะนำให้ผู้ปกครองของเขาติดต่อกับ Dr.Richard Boylan ผู้อำนวยการโครงการสตาร์คิด
(Star Kids Project) เพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ Star Kids หรือ Star Seeds
และหลักสูตรฝึกอบรมสำหรับพวกเขาและครอบครัว-เพื่อนฝูงของพวกเขา
เพื่อให้พวกเขามีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้
และเพื่อให้พวกเขาสามารถเติบโตขึ้นมาได้
ด้วยความสะดวกสบายใจ พร้อมกับความสามารถที่เหนือกว่าของพวกเขา
และเพื่อให้พวกเขาได้พบกับ Star Kids คนอื่นๆและครอบครัว Star Kids อื่นๆด้วย
และเพื่อทำให้พวกเขาได้ระลึกรู้ถึงภารกิจของการเป็น Star Kid/Star Seeds ของพวกเขาเอง
ที่มา : http://board.palungjit.com
____________________
เครดิต : Chayutt
________________________________
“การตื่นของเหล่าผู้พเนจร” (Wanderer Awakening)…
รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 6 บางรูป เพิ่งลงมาที่โลกเมื่อเร็วๆนี้
แล้วก็ได้ลืมไปแล้วว่าพวกเขาเป็นใคร
มนุษย์ทุกคนมี “ตัวตนที่สูงส่งกว่า” ของตัวเองอยู่อีก 1 ตัวตน แต่สำหรับชาวโลกบางคน
การจะวิวัฒน์ขึ้นไปถึงจุดนั้นได้ อาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายล้านปีในอนาคต
“ผู้พเนจร” (Wanderer) ในอีกความหมายหนึ่ง ก็คือรูปธรรมชีวิตในมิติที่ 6 ที่อาสาลงมาเกิดในร่างมนุษย์เมื่อเร็วๆนี้
เพื่อมาช่วยโลกโดยเฉพาะ เนื่องจากว่า สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับโลก ไม่เป็นไปอย่างที่พวกเราคาดหวัง
ในหนังสือชุด “The Law of One” ได้เปิดเผยว่าในช่วงปี 1981 มี “ผู้พเนจร” ลงมาเกิดบนโลกมนุษย์แล้ว
ประมาณ 65 ล้านชีวิต และจากข้อมูลที่ผมเพิ่งได้รับมา จากการสื่อสารทางโทรจิตที่ชัดเจนมากๆของผมเมื่อเร็วๆนี้
บอกว่า ตอนนี้มีประมาณ 245 ล้านชีวิตแล้ว
พวกคุณหลายคนที่กำลังอ่านข้อความนี้อยู่ ก็อาจจะเป็นหนึ่งใน “ผู้พเนจร” ด้วยก็ได้
ซึ่งลักษณะเฉพาะที่คุณอาจจะพอจับสังเกตได้ ก็เช่น คุณจะมีปัญหาเกี่ยวกับความมีมารยาสาไถแบบชาวโลก
เพราะว่าคุณเพิ่งลงมาถึงโลก เพราะฉะนั้น คุณจะยังใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ คุณจะยังไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับการหลอกลวง,
กลอุบาย และการโป้ปดมดเท็จของชาวโลก
คุณอาจจะกลายเป็นศัตรูตัวร้ายกาจของตัวคุณเอง เพราะการมีพฤติกรรมที่ต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่น
หรือขึ้นอยู่กับผู้อื่นตลอดเวลา ซึ่งมันจะทำให้คุณปรารถนาที่จะได้พบกับใครสักคนหนึ่ง
ที่จะมาเป็นคู่หูหรือเป็นคู่ครองของคุณ ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับตัวตนที่สูงส่งของคุณเอง
ใครบางคนที่คุณจะสามารถเชื่อใจได้ ปฏิบัติตามได้และเชื่อฟังได้อย่างสนิทใจ
ใครบางคนที่คุณสามารถขอความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
ไม่มีเรื่องไหนในชีวิตผมที่ทำให้ผมต้องพบกับความยากลำบากมากเท่ากับเรื่อง นี้เลย
แม้ว่าผมจะมีสติปัญญาที่ดี แต่ผมก็ยังต้องเจ็บปวดและเป็นทุกข์เพราะมันมาตั้งหลายปี
แต่เมื่อผมได้ผ่านพ้นมันมาได้แล้ว และค้นพบวิธีที่จะรักตัวผมเองได้จริงๆแล้ว
เพียงแค่นั้นผมก็ค้นพบความสามารถของตัวเอง เหมือนอย่างที่ผมเขียนไว้ในหนังสือชื่อ
“การตื่นของเหล่าผู้พเนจร” (Wanderer Awakening)
-----------------------------------------------------------
คุณคือ “เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว” (Star Seed) หรือไม่ ??
แม้ว่าในรหัสพันธุกรรมของคุณจะถูกใส่รหัสมาให้ตื่นขึ้นเมื่อได้รับการกระตุ้นแล้วก็ตาม
แต่คุณก็ยังจะเชื่ออย่างสนิทใจอยู่ว่า..คุณคือมนุษย์โลกคนหนึ่ง "
จากหนังสือ "E. T. 101" โดย Zoev Jho
มันเป็นไปได้ไหม๊ว่า คุณเป็นผู้ที่มาจากระบบดวงดาวอื่นๆ แล้วมาเกิดบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้?
คุณมาที่นี่เพื่อทำภารกิจพิเศษบางอย่าง เพื่อช่วยเหลือดาวเคราะห์โลกดวงนี้
และมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ ให้สามารถเปลี่ยนระดับความสั่นสะเทือนไปสู่ระดับที่สูงขึ้น
โดยการยกระดับความตระหนักรู้ทางจิตวิญญาณของผู้คนรอบๆตัวคุณให้สูงขึ้นใช่หรือไม่?
มันอาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อ ว่าในวันนี้ จะมีผู้คนมากมายบนโลกที่รู้อยู่ข้างในลึกๆว่า
แท้ที่จริงแล้วพวกเขาอยู่ที่นี่ในฐานะของ “เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว” (Star Seed)
คนเหล่านี้โดยทั่วไปแล้วจะเป็นคนที่มีการศึกษา และเป็นที่นับหน้าถือตาของสังคม
พวกเขาอาจจะอยู่ในวงการแพทย์, กฎหมาย, ครูบาอาจารย์, หรืออื่นๆที่ทำให้วิถีชีวิต
ค่อนข้างออกมาในแนวๆที่ต้องเป็นผู้ให้บริการผู้อื่น
มีผู้คนหลายล้านคน ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการแห่งการตื่นรู้อยู่
และพวกเขาก็กำลังสงสัยอยู่อย่างมากเช่นกันว่า พวกเขามาจากต่างดาวหรือไม่ ??
เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว (Satrseed) คืออะไร?
คำจำกัดความ:
เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว (Starseeds) คือกลุ่มของรูปธรรมชีวิตที่วิวัฒน์แล้วจากต่างดาว, ต่างระบบดวงดาว,
หรือต่างกาแล็กซี่ ที่เดินทางมาเพื่อทำภารกิจพิเศษบางอย่าง เพื่อช่วยเหลือโลกและมนุษย์
ในการก้าวเข้าสู่ “ยุคทอง” (Golden Age) ณ.ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนยุคนี้
เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว (Starseeds) จะลงมาเกิดบนดาวเคราะห์โลก ด้วยเงื่อนไขต่างๆ
ที่ไม่สามารถช่วยตนเองได้ และสูญเสียความทรงจำว่าตัวเองเป็นใคร,มาจากไหน และมาเพื่ออะไร ไปโดยสิ้นเชิง
เช่นเดียวกับเงื่อนไขการลงมาเกิดของชาวโลกตัวจริง
แต่อย่างไรก็ตาม ในยีนส์ (genes) ของเหล่าเมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาวเหล่านี้ จะถูกบรรจุ “รหัสแห่งการตื่น” เอาไว้ด้วย
เพื่อใช้ “กระตุ้น” ให้พวกเขาตื่นขึ้น ณ.ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของชีวิต ที่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
“การตื่นขึ้น” (Awakening) ของพวกเขา อาจจะเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปและช้าๆ
หรืออาจจะเป็นแบบค่อนข้างปุบปับและฉับพลันทันทีก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใด ความทรงจำของพวกเขา
จะถูกเรียกกลับคืนมามากน้อยต่างกันไปในแต่ละคน ทำให้พวกเขาตระหนักรู้ถึงภารกิจของพวกเขา
และเริ่มลงมือทำภารกิจของตนเอง
ความเชื่อมต่อระหว่างพวกเขากับ “ตัวตนที่สูงส่งกว่า” (Higher Self) ของพวกเขา
จะมาช่วยเสริมให้พวกเขามีความเข้มแข็ง และทำให้พวกเขาสามารถใช้ “ความรู้จากภายใน” (inner knowing)
ของตนเอง เป็นผู้นำทางได้
เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว (Starseeds) หลายคน ก็ได้ถูกฝึกฝนจนสามารถ “ขัดเกลากิเลส”
ให้เบาบางลงไปได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว จนพวกเขาสามารถขจัดรูปแบบพฤติกรรมที่มีขีดจำกัด
และความกลัวทั้งหลายออกไปได้หมด ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ซึ่งหากเป็นมนุษย์โลกทั่วไปแล้ว
อาจจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเลยก็ได้
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว (Starseeds) เหล่านี้ ได้เคยทำภารกิจเช่นนี้
บนดาวดวงอื่นๆมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว พวกเขาจึงค่อนข้างจะคุ้นเคยกับกระบวนการและเทคนิคต่างๆ
ที่จะนำมาใช้เพื่อยกระดับจิตสำนึกของตนเองให้สูงขึ้นได้
เพราะฉะนั้น แนวความคิดเกี่ยวกับยานอวกาศ, การท่องอวกาศ, ปรากฏการณ์ทางจิตต่างๆ
และเรื่องราวเกี่ยวกับรูปธรรมชีวิตในกาแล็กซี่อื่นๆ จึงเป็นเรื่องที่ปกติธรรมดาและมีเหตุมีผลสำหรับพวกเขา
ชุดคำถามนี้สามารถใช้กับผู้ใหญ่ที่สงสัยว่าเด็กเป็นหนึ่งใน “เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว” หรือไม่
ชุดคำถามสำหรับผู้ใหญ่ “ผู้มาเยือนจากนอกโลกที่กำลังหลับใหลอยู่”หรือไม่?
ที่มา : http://board.palungjit.com
____________________
เครดิต : Chayutt
________________________________
อเมริกาอาจจะส่งมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์ได้ก่อน แต่นักวิทยาศาสตร์และนักสำรวจอวกาศรัสเซีย ได้อุบเป้าหมายใหม่เอี่ยมไว้ นั่นคือ การตั้งอาณานิคมบนดาวบริวารโลก
กลุ่มดวงไฟสีขาว ประหลาด เคลื่อนที่ไปมา บนท้องฟ้า ในประเทศ ญี่ปุ่น
บางคนกล่าวว่า มันคือ การซ้อมกระโดดร่ม บ้างก็ว่า มันคือกลุ่มดวงวิญญาณ
หรือเป็น กลุ่ม UFO กันแน่.... ไปชมคลิปกัน
อันนี้เป็นภาพ UFO ที่บินผ่าน กรุงเทพ โดย บันได้จากแถวลาดพร้าวครับ
ซึ่งต้อง ยก เครดิตให้กับ คุณ chumaji1111 จากเวปพลังจิต ซึ่งเป็นเป็นคนที่ได้ถ่าย
ไม่ใช้แค่คลิปเดียว
Blog นี้จึงไม่ค่อยมีเรื่องการทำนาย... ภัยพิบัติ วันสิ้นโลก ซักเท่าไหร่
แต่ดูสิติถิ..การเกิดภัยพิบัติจากทั่วโลกแล้ว ก็น่าคิดอยู่เหมือนกันนะครับ
ขณะที่ประเทศไทยโดน น้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์...ตั้งแต่ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
ประเทศอื่นๆ ก็เกิดภัยพิบัติ ไล่เลี่ยกันทั่วโลก
เป็นจริงดังคำทำนายหรือเปล่า ว่ามันจะเริ่มตั้งแต่ปลายปี 2011
ล่าสุด
ขณะที่วิกฤต น้ำท่วมบ้านเรายังคงน่าเป็นห่วง
วันที่ 23 ตุลาคม เกิดแผ่นดินไหว 7.2 ริกเตอร์ ประเทศตุรกี
วันที่ 21 ตุลาคม เกิดแผ่นดินไหว 7.4 ริกเตอร์ หมู่เกาะ Kermadec Islands
วันที่ 14 ตุลาคม เกิดแผ่นดินไหว 6.7 ริกเตอร์ ที่ ปาปัวนิวกินี
และ 6.1 ริกเตอร์ ที่ Amurskaya รัสเซีย
วันที่ 13 ตุลาคม เกิดแผ่นดินไหว 6.8 ริกเตอร์ ที่บาหลี
วันที่ 7 ตุลาคม เกิดแผ่นดินไหว 6.1 ริกเตอร์ หมู่เกาะ Kermadec
วันที่ 6 ตุลาคม เกิดแผ่นดินไหว 6.2 ริกเตอร์ ที่ อาร์เจนตินา
วันที่ 22 กันยายน เกิดแผ่นดินไหว 6.4 ริกเตอร์ ประเทศตองกา
วันที่ 18 กันยายน เกิดแผ่นดินไหว 6.9 ริกเตอร์ ประเทศอินเดีย
วันที่ 16 กันยายน เกิดแผ่นดินไหว 6.6 ริกเตอร์ ญี่ปุ่น
วันที่ 15 กันยายน
เกิดแผ่นดินไหว 6.0 ริกเตอร์ ที่คิวบา
เกิดแผ่นดินไหว 6.1 ริกเตอร์ ที่นิวซีแลนด์
เกิดแผ่นดินไหว 7.3 ริกเตอร์ ที่ฟิจิ
วันที่ 14 กันยายน เกิดแผ่นดินไหว 6.2 ริกเตอร์ ที่ อลาสก้า
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
เว็บไซต์ต่างประเทศเผยภาพ ฉลามตาเดียว ซึ่งเป็นฉลามหายาก ถูกพบในประเทศเม็กซิโก มันมีความยาว 56 เซนติเมตร มีตาดวงเดียวอยู่ตรงหัวของมัน
เชื่อหรือไม่ ว่าบินลาดิน ถูกจับได้เพราะ เทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาว
เมือท่าน ดร. เทพพนม เมืองแมน ออกมาให้ สัมพาทย์ ว่า
กองทัพสหรัฐ ได้เทคโนโลยี ของต่างดาว มาประยุกต์ ใช้มากมาย
เช่น เฮลิคอปเตอร์ ไร้เสียง เทคโนโลยีแบบ เดียวกับ UFO
ที่ขับคลื่อน ไปแบบไร้เสียง และ อื่นๆ ครับ
ความ หลากหลายทางชีวภาพของป่าอะเมซอน ย่อมมีสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดอาศัยอยู่ แต่ภาพที่ปรากฎต่อไปนี้ กำลังเป็นที่ฮือฮาว่า ที่ป่าอะเมซอนของบราซิลแห่งนี้ เมื่อแสงประหลาดคล้ายเอเลี่ยนปรากฎขึ้น
เนื้อหาภาคภาษาต้นฉบับตามด้านล่างนี้นะครับ หรือใครจะตาม link เข้าไปดูเองที่ YouTube หรือ NASA เองก็ได้นะครับ
ผมสรุปเป็นภาษาไทยให้สั้นๆ ก็คือว่า
1. NASA บอกอย่างมีนัยยะว่า NASAไม่ได้ดูแลแค่ประชากรของอเมริกาและไม่ได้ดูแลแค่โลกใบนี้อย่าเดียว
2. NASA บอกอย่างมีนัยยะว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นให้พวกเราเตรียมตัวไว้
3. NASA บอกอย่างมีนัยยะว่า สิ่งของที่พวกคุณต้องเตรียมทั้งหมดอยู่ใน list ต่อไปนี้
4. NASA บอกวอย่างมีนัยยะว่า ควรจะเริ่มนัดหมายกับครอบครัว เพื่อนฝูง ญาติมิตรได้แล้วว่า หากเกิดเหตุฉุกเฉิน เราจะไปพบกันได้ที่ไหน หรือ ติดต่อกันได้ทางไหนบ้าง
เอาล่ะ.. ตอนนี้ทุกหน่วยงานต่างๆ ใน USA ต่างออกมาเตือนในทิศทางเดียวกันคือ ให้เก็บของชุดฉุกเฉินและนัดหมายกับครอบครัวไว้
ดังนั้น... นี่คือการเตือนอย่างไม่เป็นทางการครั้งสุดท้ายแล้วนะครับ
ต่อนี้ไปหากมีการเตือนอย่างเป็นทางการ นั่นหมายถึงหายนะมาถึงแล้วครับ
โชคดีทุกท่าน...
อุปกรณ์ทั้งหมดควรจะเก็บไว้ติดตัวและติดรถไว้ด้วยนะครับ
NASA Warning Video for Elenin or Planet X ? Coming October / November 2011 - YouTube
They give me a few minutes just to talk to all of you in our NASA family about emergency preparedness.
NASA recently participated in a FEMA exercise call Eagle Horizon
that was part of a continuity of operations and government exercise
that we do annually, and I became aware of some things that concern
me about our family preparedness and I wanted to talk to you very briefly.
You know we at NASA, we're an incredibly unique organization.
We're the only agency in the federal government that's responsible for the safety and well being of people, not only here on Earth,
but off this planet.
So my experience in the astronaut office, my experience as an active duty Marine, always talk about the importance of family preparedness
and to make sure that we have a viable family support program.
And I have concerns that ours right now is not as good as it ought to be.
So what I'm asking all of you in the NASA family, whether you're
out on the west coast, here on the east coast, along the Gulf coast,
up on the Great Lakes, think about the natural disasters that could occur in your area.
Think about attacks that could come like 9-11, from outside forces, and talk to your family about your work and what they need to do
to prepare for the unforeseen.
Develop a family preparedness plan in your house.
Have an emergency supply kit available.
Most people who live along the Gulf coast always have an emergency kit for hurricanes.
I'm not sure whether people out on the west coast think about earthquakes and the like, but have an emergency supply kit at
your home.
Think about a family communications plan.
Where are we going to meet if an emergency occurs and we're all over town?
What are we going to do?
Are we going to call each other on the cell phone?
Just think about those things.
If you have pets think about a pet preparedness plan.
How you going to make sure they're taken care of when you're split all over the place?
And then if you have family members who have special needs, special needs preparedness.
The most important asset for us to successfully complete our mission
is that our people, our families mainly, are taken care of so that we can come to work and feel good that in an emergency arises
our families are going to be taken care of.
So I would ask you again, sit with your families, think about what you would do in an emergency situation.
I hope that you'll embrace and support the Family Preparedness
Program as we all get better prepared to deal with these emergencies.
Know your stuff.
Know what it is that you're going to do, know what it is that you want you're family to do if an emergency arises.
But most of all, be prepared.
NASA - Headquarters Emergency Operations - Personal/Family Preparedness Plan
อัปเดทข้อมูล
พวกเขาให้เวลาผมไม่กี่นาทีเพื่อที่จะให้ผมคุยกับพวกคุณทั้งหมดในครอบครัวนาซ่า เกี่ยวกับการเตรียมตัวฉุกเฉิน
เร็วๆนี้นาซ่าได้เข้าร่วมการดำเนินการของ FEMA ที่ชื่อว่า Eagle Horizon ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจและการดำเนินการอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลที่เราทำอยู่ทุกปี และผมก็ได้ตระหนักถึงการเตรียมตัวในครอบครัว และผมจะพูดกับคุณคร่าวๆ
คุณรู้ว่าพวกเรา นาซ่า เป็นองค์กรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะอย่างน่าทึ่ง
เราเป็นองค์กรเดียวในรัฐที่รับผิดชอบและดูแลความปลอดภัยและสวัสดิภาพของประชาชน ไม่ใช่เฉพาะบนโลก แต่นอกเหนือจากดาวเคราะห์ดวงนี้ด้วย
เพราะฉะนั้น ประสบการณ์ของผมในสำนักงานนักบินอวกาศ ประสบการณ์ของผมในฐานะนาวิกโยธินนั้นพูดถึงความสำคัญของการเตรียมตัวในครอบครัวเสมอ และเพื่อให้แน่ใจว่าเรามีโครงการช่วยเหลือครอบครัวที่ปฏิบัติการได้จริง
และผมได้ตระหนักว่าสิทธิของเรานั้นยังไม่ดีเท่าที่ควร ที่ผมจะขอพวกคุณ ครอบครัวนาซ่านี้ ไม่ว่าจะคุณจะอยู่ฝั่งตะวันตก ฝั่งตะวันออกที่นี่ ตามชายฝั่งอ่าว ด้านทะเลสาบ Great Lakes ให้คิดถึงภัยพิบัติธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในบริเวณของพวกคุณ
คิดถึงการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้เหมือนเหตุการณ์ 11 กันยายน จากกำลังภายนอก และคุยกับครอบครัวเรื่องงานของของคุณและสิ่งที่พวกเขาต้องทำ เพื่อเตรียมการรับมือเหตุการณ์ภายภาคหน้าที่เราไม่รู้ว่าคืออะไร
จัดตั้งแผนการเตรียมการในครอบครัวคุณซะ เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินให้พร้อมไว้ คนส่วนใหญ่ที่อยู่ตามแนวชายฝั่งจะมีอุปกรณ์ฉุกเฉินพร้อมเสมอสำหรับพายุเฮอร์ริเคน
ผมไม่แน่ใจว่าผู้คนทางฝั่งตะวันตกจะคิดถึงเรื่องแผ่นดินไหวอะไรทำนองนี้หรือเปล่า แต่เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินไว้ในบ้านคุณก็แล้วกัน
คิดการติดต่อสื่อสารกันในครอบครัวไว้ด้วย ว่าเราจะไปเจอกันที่ไหนหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้นและพวกเราอยู่กระจัดกระจายกัน เราจะทำอะไร จะใช้โทรศัพท์มือถือโทรหากันหรือไม่
ลองคิดถึงเรื่องพวกนี้ดู
ถ้ามีสัตว์เลี้ยง ก็ให้เตรียมการสำหรับสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย ว่าคุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสัตว์เลี้ยงจะได้รับการดูแลเมื่อพวกคุณอยู่ห่างจากกัน
แล้วถ้าสมาชิกในครอบครัวคนไหนพิการ ก็ให้เตรียมการสำหรับคนพิการไว้ด้วย
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเราในการปฏิบัติภารกิจให้เสร็จสมบูรณ์นั้น คือการที่คนของเรา ครอบครัวเรา ได้รับการดูแล เพื่อที่เราจะได้มาทำงาน และรู้สึกดีที่เมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น ครอบครัวเราจะได้รับการดูแล
ผมอยากจะขอคุณอีกครั้ง นั่งคุยกับครอบครัวคุณ คิดว่าคุณจะทำอะไรในภาวะฉุกเฉิน
ผมหวังว่าพวกคุณจะสนับสนุนโปรแกรมการเตรียมการในครอบครัวและนำมาใช้ ในเมื่อพวกเรามีการเตรียมการไว้ดีกว่าในการรับมือกับภาวะฉุกเฉิน
รู้ว่าข้าวของคุณอยู่ที่ไหน
รู้ว่าคุณจะทำอะไร ต้องการให้ครอบครัวคุณทำอะไรถ้าหากเกิดภาวะฉุกเฉิน
แต่ที่สำคัญที่สุด จงเตรียมพร้อมไว้
จากคุณ Aquila
------------------------------------
เหตุการณ์แห่งความน่าสะพรึงกลัวหลายอย่าง
ที่จะเกิดขึ้นในประเทศ USA ภายในเดือนตุลาคม และพฤศจิกายนปีนี้
ได้ถูกวางแผนเอาไว้แล้ว และบางทีอาจจะมีประเทศอื่นๆด้วยก็ได้
จงอย่าไปเห็นด้วยหรือยินยอมกับแผนการเหล่านี้
และจงเห็นด้วย และยินยอมกับการมีชาวโลก และดาวเคราะห์โลกที่ใสสะอาดแทน
และในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ ฉันกำลังจะเดินทางกลับไป และอยู่ใน “US of A” ให้นานที่สุดเท่าที่จำเป็น
(ปล.วิธีการ “ไม่ยินยอม” กับเรื่องราวใดๆในชีวิตของพวกเรา หรือของโลกก็ตาม Inelia บอกไว้ว่า:
“ให้เลือกบุคคล, สถานการณ์, สถานที่, เรื่องราวส่วนตัว หรือเหตุการณ์ระดับโลกก็ตาม
ที่พวกคุณไม่เห็นด้วยมา จากนั้นก็ให้วงกลมสีแดงไว้รอบๆมัน หรือขีดฆ่ามันด้วยเส้นสีแดง
แล้วพูดออกมาว่า “ฉันไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”
จากนั้น ก็ให้จินตนาการถึงสิ่งที่พวกคุณอยากจะเห็น หรือเห็นด้วยแทน
แล้วทำเครื่องหมายถูกสีเขียวไว้ตรงเรื่องนั้นๆ
มันเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆและรวดเร็วมากๆเลย แต่หลายๆคนอาจจะสงสัยว่า
มันจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องราวความเป็นไปใดๆในชีวิตได้เลย..
..แต่มันทำได้..
ลองดูสิ! ลองทำกับเรื่องใหญ่ๆดูสิ!
แล้วก็ลองทำกับเรื่องเล็กๆดูด้วย
ทำทุกๆวัน แล้วจับตาดูผลลัพธ์ของมันให้ดี..
..Inelia Benz..”
ที่มา: Agreement - our choice. )
เครดิตจากคุณ: Chayutt
ที่มา :
____________________
เครดิต : Andromeda Endless
________________________________
ที่มา :
____________________
เครดิต : Andromeda Endless
________________________________
ปรากฎการณ์แสงไฟประหลาด จาก จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
เมื่อกล้อง วงจรปิด บันทึก แสงประหลาดตกลงมาบนพื้นในห้าง Cilandak Town Square
ของกรุงจาการ์ตาร์ ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา
เหมือนทูตสรรวค์ จุติมาบนโลกยังไงยังงั้น อย่างกะในหนัง
โดยแสงดังกล่าวเหมือน ทะลุมิติเข้ามา หรือตกลงมาจากข้างบน
เมื่อถึงพื้น ก็รีบหนีไปอย่างรวดเร็ว.......
พยาน: ผู้หญิง ชื่อ Pramana Abbas กล่าวว่า
ลูกพี่ลูกน้องของเธอ อยู่ห้าง Cilandak ในคืนนั้น
และคนที่เห็นเหตุการณ์นั้น ก็ได้พูดคุยเกี่ยวกับแสงดั่งกล่าว ตลอดทั้งคืน
เธอบอกว่า:
มันเป็นเรื่องจริงที่พวกเขาเห็นแสงไฟสว่างลงมาจากท้องฟ้า เมื่อถึงพื้นแล้วหนีไปอยารวดเร็ว...
ภาพของห้าง Cilandak
คลิปเปรียบเทียบ...
ที่มา :
http://thetruthbehindthescenes.wordpress.com/2011/10/20/rumbling-noise-heard-in-southern-colorado-oct-19-2011
____________________
เครดิต :
________________________________
กล่าวกันว่า นี่คือ ทูตสวรรค์จุติ มายังบนโลก
เมื่อกล้อง วงจรปิด บันทึก แสงประหลาดตกลงมาบนพื้นในห้าง Cilandak Town Square
ของกรุงจาการ์ตาร์ ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา
เหมือนทูตสรรวค์ จุติมาบนโลกยังไงยังงั้น อย่างกะในหนัง
โดยแสงดังกล่าวเหมือน ทะลุมิติเข้ามา หรือตกลงมาจากข้างบน
เมื่อถึงพื้น ก็รีบหนีไปอย่างรวดเร็ว.......
พยาน: ผู้หญิง ชื่อ Pramana Abbas กล่าวว่า
ลูกพี่ลูกน้องของเธอ อยู่ห้าง Cilandak ในคืนนั้น
และคนที่เห็นเหตุการณ์นั้น ก็ได้พูดคุยเกี่ยวกับแสงดั่งกล่าว ตลอดทั้งคืน
เธอบอกว่า:
มันเป็นเรื่องจริงที่พวกเขาเห็นแสงไฟสว่างลงมาจากท้องฟ้า เมื่อถึงพื้นแล้วหนีไปอยารวดเร็ว...
ภาพจากคลิปดังกล่าว....
ภาพของห้าง Cilandak
ภายนอก |
บรรยากาศภายใน |
คลิปต้นฉบับ...
คลิปเปรียบเทียบ...
เดี๋ยวกลับมา วิเคราะห์ คลิปดังกล่าวกัน......
ที่มา :
http://thetruthbehindthescenes.wordpress.com/2011/10/20/rumbling-noise-heard-in-southern-colorado-oct-19-2011
____________________
เครดิต :
________________________________
อีกครั้งที่มีการสังเกตและบันทึกภาพของ UFO บินไปมาแถวๆพื้นผิวของดวงจันทร์
พยาน : เมื่อคืนเป็นวันที่ดวงจันทร์เต็ม ผมได้เฝ้ามองดูมันอย่างใจจดใจจ่อ
แต่เมื่อผมดูวิดีโอเวลาต่อมา พบวัตถุดังกล่าว 3 ที่บินไปมาใกล้กับดวงจันทร์
หลังจากที่มีเผยแพร่คลิป ยานอวกาศใกล้ ดวงอาทิตย์ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2011
ตอนนี้มีผู้คนจากทั่วโลก ให้ความสนใจเรื่องนี้กันอย่างมาก โดยเฉพาะประเทศจีน
เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก ที่นาซ่า แผยแผร่ คลิป จากเวปไซต์
โดยไม่ได้ เซนเซอร์ วัตถุที่แปลกปลอม ในอวกาศ เหมือนอย่างเมื่อก่อน
นี้เป็นการผิดพลาด หรือนาซ่า ตั้งใจเผยแพร่ภาพ ให้ชาวโลกรู้ว่า มนุษย์ต่างดาวนั้น มีจริง
นี่เป็นภาพของยานอวกาศ ที่ชัดที่สุด...
และนาซ่า...ก็ได้เคยพยามยามลบ ปิดบังยานดังกล่าว มาแล้ว
เมื่อ 22 มกราคม 2011 คลิปนี้ถูกโพสต์ลง Youtube โดย BPOD (BeePeeOilDisaster) ในชื่อ ยานอวกาศมนุษย์ต่างดาวที่น่าตื่นตาตื่นใจใกล้ดวงอาทิตย์
(amazing Alien Spacecraft near the Sun)
ภาพที่นำมาจากวิดีโอต้นฉบับของ 22 มกราคม 2011
เมื่อ 27 มกราคม 2011 BeePee เริ่มได้รับความเห็นบอกว่าวิดีโอของเขาเป็นของปลอม
โดยความจริงที่ว่าวัตถุ UFO นั้นไม่สามารถดูได้จากภาพต้นฉบับที่อยู่บนเว็บไซต์ STEREO ของนาซ่า
และวันที่ 30 มกราคม 2011 - : นาซ่าได้เซ็นเซอร์วัตถุที่ค้ลายยานอวกาศอีกครั้ง
BeePee: ผู้ที่ศึกษาคลิปดังกล่าว กล่าวว่า
หลังจากที่ผมได้โพสต์วิดีโอและศึกษาเกี่ยวกับมัน! ครั้งนี้เป็นครั้งที่3
ที่นาซ่าได้พยายาม โดยการตัดทอนภาพเหล่านี้
ผมค้นพบอะไรบางอย่างที่สำคัญมาก
และวิดีโอถูกลบออกจาก Youtube
ภาพเดิม
ภาพที่นาซ่าพยาามเซ็นเซอร์ :
BeePee: เชื่อว่าเขาได้ค้นพบยานอวกาศมนุษย์ต่างดาวที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์
โดยความจริงที่ว่านาซ่ามีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลภาพและ URLต้นฉบับออก,
BeePee:กล่าวว่า
โชคยังดีที่เขายังมีข้อมูลสำรองอยู่
สิ่งที่เราได้ค้นพบในคลิปนั้น คือ ยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวขนาดใหญ่มากที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์
และมันเป็นของจริง!
และมันเป็นของจริง!
BeePee :
เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาพบคือความจริง และนาซ่าพยายามปิดบังมัน
เขาได้ตั้งรางวัลให้กับผู้ที่จับผิดได้ว่า มันเป็นของปลอม เป็นเงินถึง $ 50,000.00!
BPOD (BeePeeOilDisaster) : ผมท้าทายองค์กรข่าวใด ๆ , CNN, ABC, NBC, CBS, FOX, MSNBC หรือ บริษัท ในเครือข่าวอื่น ๆ หรือหนังสือพิมพ์ใด ๆ
เขาได้ตั้งรางวัลให้กับผู้ที่จับผิดได้ว่า มันเป็นของปลอม เป็นเงินถึง $ 50,000.00!
BPOD (BeePeeOilDisaster) : ผมท้าทายองค์กรข่าวใด ๆ , CNN, ABC, NBC, CBS, FOX, MSNBC หรือ บริษัท ในเครือข่าวอื่น ๆ หรือหนังสือพิมพ์ใด ๆ
ที่สามารถ วิเคราะห์และพิสูจน์แล้วว่า รูปภาพที่เป็นต้นฉบับ ที่มีจุดสว่างสดใสคมชัด ฯลฯ
เป็นการเพิ่มตกแต่งเพิ่มเข้าไปในวิดีโอ ผมยินดีจ่ายเงิน $ 50,000.00 เงินสด USD
ที่มา : http://thetruthbehindthescenes.wordpress.com/2011/10/17/the-clearest-alien-spacecraft-near-the-sun-you-ever-have-seen/
____________________
ติดต่อรับรางวัล :
BeePeeOilDisaster
________________________________
ข้อความจาก อาชตาห์ (มนุษย์ต่างดาวชาวนอร์ดิก)
ได้มาบอกกล่าวเกี่ยวการเปลี่ยนเเปลงของพลังงานจักรวาล
ว่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนเเปลง ดีเอ็นเอ ของมนุษย์บนโลก ในไม่ช้า
ยานอวกาศของพวกเขาเดินทางมาอยู่ในช่วงเวลาของมนุษย์โลกเเล้ว
เเละรอคอยที่จะมาพบกับพวกเราชาวมนุษย์โลก
คนที่ดูเเลโลกใบนี้ได้ต่อต้านพวกเขา เเละ พวกเขาต้องการบอกความจริงกับพวกคุณ
เเละสนธิสัญญาที่เคยทำไว้กับผู้ดูเเลโลกใบนี้ถือว่าเป็นโมโฆะ
พวกเขาจะเปิดเผยตัวเองกับมนุษย์โลก
หากผู้ดูเเลไม่ยอมให้พวกเขาเข้าไปช่วยเหลือมนุษย์โลกกับเหตุการณ์ที่กำลังจะ เกิดขึ้น
สนธิสัญญาเหลือเวลาอีกสองสามปีข้างหน้า
พวกเขาอยากให้เราเเจ้งให้กับมนุษยชาติทราบเรื่องเหล่านี้ให้มากที่สุดเท่า ที่พวกเราจะทำได้
พวกเราไม่มีเวลามาก เพราะตอนนี้ดีเอ็นเอของมนุษย์ได้เกิดการเปลี่ยนเเปลงขึ้นเเล้ว
ถ้ารอนานกว่านี้มันเป็นไปได้ยากมากที่จะช่วยเหลือมนุษย์ทั้งหมด
เเละจะกลายเป็นว่าพวกเขาสามารถช่วยได้เพียงเเค่กลุ่มคนบางส่วนเท่านั้น
ดังนั้นพวกเขาขอให้พวกเราเตรียมตัวกับสิ่งที่เราได้เตรียมไว้ให้เเล้ว
ซึ่งมาจากพี่น้องจากจักรวาลเดียวกัน
พวกเขาอยากให้รู้ว่า สิ่งที่เขาได้เตรียมไม่ได้เกี่ยวข้องกับการควบคุมพลังงาน
ซึ่งพวกเขาพร้อมที่จะยกเลิกการช่วยเหลือหากผู้ดูเเลโลกใบนี้ทำร้ายพวกเขา
สิ่งที่พวกเขากลัวที่สุด คือ ขีปนาวุธนิวเคลียร์
ซึ่งผู้ดูเเลโลกใบนี้หักหลัง หลังจากที่พวกเขาสอนวิทยาการต่างๆเหล่านั้น
"ในฐานะตัวเเทนผมจะขอให้คุณช่วยกระจายข้อมูลเหล่านี้
ให้ผู้คนได้รับทราบเพราะเวลาใกล้หมดลงเเล้ว
เเน่นอนว่าพวกคุณจะถูกหลอกต่อไปอีก เเต่ความจริงกำลังจะถูกเปิดเผย
เราคือ ครอบครัวเดียวกันในจักรวาลนี้
อยู่ด้วยความรักเเละความสงบสุข
เเละนี้ก็คือ หน้าที่ของพวกเราด้วยความเคารพอย่าสูง "
ที่มา :
____________________
เครดิต :
________________________________
สายพันธุ์ของมนุษย์ต่างดาว
มนุษย์ต่างดาวเป็นข่าวที่สร้างความสนใจให้กับคนไทยมากที่เดียวกับการพบเห็น
สิ่งที่อาจจะเป็น "มนุษย์ต่างดาว"
มนุษย์ต่างดาวเป็นข่าวที่สร้างความสนใจให้กับคนไทยมากที่เดียวกับการพบเห็น
สิ่งที่อาจจะเป็น "มนุษย์ต่างดาว"
"โลกที่ปราศจากศูนย์"
..วรรณกรรมอ่านยาก ซึ่งเสนอองค์ความรู้
ที่อยู่ในระดับของ 'Wisdom'..
*******************************************
ในอดีต..เมื่อมนุษย์รู้จักใช้ไฟ มนุษย์ก็จำแนกเผ่าพันธุ์ตัวเองออกจากสัตว์โลกชนิดอื่น..
ในอดีต..เมื่อมนุษย์รู้จักการใช้กงล้อ มนุษย์ก็สามารถวัฒนาอารยธรรมไปได้อย่างก้าวกระโดด..
ในปัจจุบัน..มนุษย์อาศัยอยู่ท่ามกลางความเจริญแห่งอารยธรรม
ที่ดูราวกับว่าสายเกินกว่าจะมี Wisdom ใดๆ เกิดขึ้น
ในขณะเดียวกัน มนุษย์ก็ยังเต็มไปด้วยข้อสงสัยเกี่ยวกับจักรวาล
ว่าการขับเคลื่อนของมันเป็นไปในลักษณะใด
ในอนาคตอันใกล้..มนุษย์กำลังจะได้ทราบว่า "จักรวาลเป็นที่ที่ปราศจากศูนย์แท้"
ซึ่งจะทำให้เกิดการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง
เพราะเผ่าพันธุ์ของมนุษย์กำลังจะพบกับสิ่งที่หลายคนจะเรียกมันว่า
..ทฤษฎีสรรพสิ่ง..
ทั้งหมดมี 3 เล่ม
บนสนทนา บางบทความ จากในหนังสือ
“อือ ก็อย่างที่บอก..ใครบอกหล่อนว่าแม่เหล็กมันผลักกัน?”
..ผมขมวดคิ้ว..
“ฮ่ะๆๆ..” ลินหัวเราะ “..อ้ะ ถามหน่อย รู้ได้ไงฮึ ว่าแม่เหล็กมันผลักกัน?”
“อ้าว ก็เวลาที่ดันมันเข้าไปใกล้กัน มันก็ผลักกันไง” ผมตอบซื่อๆ
“เออ..” เธอมองตาผมพร้อมยักคิ้ว “..แล้วคราวนี้รู้รึยัง ว่าทำไมมันผลักกัน..”
..ผมขมวดคิ้วหนักขึ้นอีก..
“..เอ๊า..ก็เธอเล่นไป ‘ดัน’ มันเข้าหากันน่ะซี้ แล้วก็ไปตู่ว่ามันผลักกัน
ทั้งที่จริง แม่เหล็กมันก็อยู่ของมันเฉยๆ ช่องว่างใคร ช่องว่างมัน..ไม่เกี่ยว ไม่รวมกัน
แต่เธอน่ะแหละย่ะไปยุ่งมัน ดันมันเข้าหากัน
แล้วก็มาโวยวายว่า มันผลักก๊านนน..มันผลักก๊านนนนน!..ฮ่ะๆๆ..”
................................................................
อันนี้ผมชอมมาก...
โลกที่ปราศจากศูนย์
ในโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ ‘คนที่ยืนอยู่นิ่งๆ’ จะรู้สึกว่าตนเองมีความเร็วเท่ากับ ‘ศูนย์เมตรต่อวินาที’
‘คนที่ไม่มีเงินติดตัว’ จะรู้สึกว่าตนเองมีเงินเท่ากับ ‘ศูนย์บาท’
และหาก ‘ส้มผลหนึ่ง’ ถูกหยิบไปจากที่ที่มันเคยวางอยู่ คนที่นี่ก็จะรู้สึกว่าเหลือส้มอยู่ ‘ศูนย์ผล’
แต่ในโลกอีกใบหนึ่ง แทบทุกคนที่นั่นรู้ดีว่า ศูนย์ที่พวกเขาเห็น ไม่ใช่ ‘ศูนย์ที่แท้จริง’
แต่เป็นเพียง ‘ศูนย์จากการเปรียบเทียบ’
‘คนที่ยืนอยู่นิ่งๆ’ ทราบว่า ตนยังครอบครอง ‘ความเร็วเดียวกับโลกที่กำลังเคลื่อนไปในอวกาศ’
‘คนที่ไม่มีเงิน’ ทราบว่า ตนยังครอบครอง ‘ความสามารถที่จะแปลงให้กลายเป็นเงินได้’
และนอกจากนั้นยังทราบว่า ‘ความว่าง’ ที่เกิดขึ้นเมื่อส้มถูกหยิบไป ยังคงครอบครองบางสิ่ง
นั่นคือ ‘ความสามารถในการรองรับส้มลูกใหม่ได้หนึ่งผล’..ไม่ใช่ศูนย์แท้..ไม่ใช่ความว่างเปล่า..
ที่มา :
____________________
เครดิต : mamboo
http://board.palungjit.com
________________________________
UFO 4 ลำ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2011 จาก Hertfordshire ประเทศอังกฤษ
พยาน: ผมเห้นกลุ่ม UFO กล่ม นี้ บินอยู่ ประมาณ 20 วินาที แต่โชคร้ายที่ถ่ายบันทึกคลิปนี้ได้เพียงสั้นๆ
ได้เพียง 9 วินาที เนื่องจากแบตเตอรี่หมด
มันเป็นกลุ่มดาว ที่ส่วาง เห็นได้ชัดเจน ในค่ำคืนวันที่ 7 ตุลาคม 2011 และมันเคลื่อนได้ที่ด้วยความเร็วสูง