เหตุอุกกาบาตติดไฟ ตกในเขตเชลยาบินสก์ เทือกเขาอูราล ทางภาคกลางของรัสเซีย มีผู้ได้รับบาดเจ็บนับพันคน สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถพยากรณ์ได้ และสร้างความเสียหายกับตึกรามบ้านช่องไปกว่า 6 เมือง ในเขตเชลยาบินสก์ หลายคนตั้งคำถามว่า เหตุดังกล่าว จะเกิดขึ้นซ้ำรอยอีกหรือไม่ และจะเกิดอะไรขึ้นหากเกิดในพื้นที่ที่พวกเราอาศัยอยู่
เพียงไม่นานก็มีการเผยแพร่ภาพดวงไฟเคลื่อนที่ไปข้างหน้า เหนืออ่าวซานฟรานซิสโก สหรัฐ จนหวั่นกันว่า จะเกิดเหตุการณ์เหมือนกับเหตุอุกกาบาตตกในรัสเซีย แต่สุดท้าย ดวงไฟลึกลับก็หายไปในความมืดโดยไม่มีรายงานเกิดความเสียหายใด ขณะที่สื่อมวลชนท้องถิ่นในประเทศคิวบา ระบุว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 15 ก.พ.ชาวบ้านยังพบเห็นมีวัตถุประหลาดขนาดใหญ่เทียบเท่ารถบัส พุ่งลงมาจากท้องฟ้า และเกิดระเบิดเสียงดังสนั่นก่อนที่วัตถุนั้นจะตกถึงพื้นดิน ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญต่างเร่งตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวเพื่อระบุให้ชัดเจนว่าวัตถุดังกล่าวใช่อุกกาบาตแบบเดียวกับที่ตกในรัสเซีย หรือเป็นอะไรกันแน่
แน่นอนว่า หากไม่เกิดอุกกาบาตตกที่รัสเซีย ข้อสันนิษฐานจากดวงไปข้างต้นจะถูกโยงไปถึงมนุษย์ต่างดาว หรือยานที่มาจากนอกโลก ที่มีการถกเถียงกันมาโดยตลอด โดยมีคลิปและภาพเป็นหลักฐานให้เห็นอยู่เรื่อยมา แต่ทว่า เมื่อเกิดเป็นกระแสอุกกาบาตขึ้นมาก็มีความตื่นตระหนกไปตามๆกัน
แต่ก็เป็นเรื่องแปลกว่า ไม่พบวัตถุพยานสำคัญสักชิ้น จึงมีการตั้งทีมค้นหาซากอุกกาบาตกันระนาว ซึ่งชาวรัสเซียจำนวนหนึ่งไม่เชื่อว่าเป็นการระเบิดของอุกาบาตขณะตกสู่โลก พร้อมตั้งคำถามด้วยความแคลงใจว่า เป็นการทดลองอาวุธชนิดใหม่ของสหรัฐ หรือไม่
ซึ่งทางโฆษกกองทัพรัสเซียยังได้แถลงด้วยว่าพบรอยแตก กว้าง 6 เมตรที่บริเวณผิวน้ำแข็ง และได้ส่งชุดประดาน้ำ 6 คนดำลงไปสำรวจเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย สั่งห้ามประชาชนเข้าใกล้ พร้อมขอคืนหากเก็บได้เพื่อนำไปศึกษาวิจัย “นาซา”
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดวันนี้(18ก.พ.) มีการค้นพบชิ้นส่วนของอุกกาบาตบนทะเลสาบน้ำแข็งใกล้กับเมืองเชอบาร์กุน เขตเชอยาบินส์ แล้ว โดยนายวิกเตอร์ แห่งมหาวิทยาลัยแห่งรัฐอูราลเปิดเผยต่อสื่อรัสเซียว่า อุกกาบาตชิ้นส่วนดังกล่าวมีส่วนผสมของเหล็กราว 10% ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบต่อไป
ขณะที่ นายมาร์กอส โรดริเกซ นักมานุษวิทยาชาวเมืองโดดาส คิวบาระบุว่า สิ่งที่เห็นไม่น่าจะเป็นอย่างอื่น นอกจากการแตกระเบิดของลูกอุกกาบาต โดยทาง นักวิทยาศาสตร์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งสหรัฐ (นาซา ) เปิดเผยว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มเกิดขึ้นแค่ในทุก 100 ปีเท่านั้น
แต่กระนั้น ชาวรัสเซียหลายคนต่างผวานึกถึงคำพยากรณ์ของนักบุญมาลาไค และนอสตราดามุส ที่ทำนายไว้เมื่อ 400 ปีก่อน ที่ระบุตรงกันว่า คริสตจักรนิกายโรมันแคทอลิก จะมีสมเด็จพระสันตะปาปา 112 พระองค์ และก่อนถึงจุดจบโลกจะมีสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์สุดท้ายจะเป็นชาวโรมัน หรือชาวยุโรป คำทำนายดังกล่าวสอดคล้องกับการประกาศสละตำแหน่งของสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ซึ่งพระองค์ทรงเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 111 และเป็นชาวเยอรมัน ทำให้ชาวแคทอลิกจำนวนไม่น้อยมองว่า นี่คือลางบอกเหตุจุดจบของโลกหรือไม่
ที่มา : http://news.mthai.com/hot-news/218719.html
___________________
เครดิต :
________________________________
อ้างอิง :
________________________________
loading...